‘แพทองธาร’ ไฟเขียว ผู้ว่าฯ สวมบทCEO เดินหน้ากวาดล้างยาเสพติด

‘แพทองธาร’ ไฟเขียว ผู้ว่าฯ สวมบทCEO เดินหน้ากวาดล้างยาเสพติด

นายกฯ เร่งเครื่องแก้ปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม มอบนโยบายบิ๊ก ป.ป.ส. พร้อมให้ทุกหน่วยร่วมกันแก้ไข เร่งคืนความสุขให้ประชาชน ตั้งเป้าสังคมต้องปลอดภัย ย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดต้องผนึกกำลังอย่างเต็มรูปแบบในการแก้ปัญหาระดับจังหวัดให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว

ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ถนนดินแดง เขตพญาไท กรุงเทพฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพสังคม ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ผู้บริหาร ป.ป.ส. พร้อมคณะที่ปรึกษา รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมและร่วมประชุมผ่านระบบ Cisco Webex Meetings 

โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานการจัดทำ Dashboard ตามข้อสั่งการเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ที่มอบหมายในการลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ที่อัพเดตข้อมูลเพื่อเป็นฐานข้อมูลกลางของสถานการณ์ยาเสพติด และพัฒนาเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่แล้วเสร็จร้อยละ 80 และนายกรัฐมนตรีได้ประชุมและมอบนโยบายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ Cisco Webex Meetings ไปยังศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประชุมครั้งนี้คือกำลังสำคัญในการทำงานด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ยาเสพติดทำลายทั้งศักยภาพของคนและศักยภาพของประเทศ รัฐบาลจำเป็นต้องจัดการกับยาเสพติดที่กลับมาระบาดในประเทศไทยอีกครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เร่งขับเคลื่อนนโยบายโดยขยายผลจากบทเรียนที่ได้จากปฏิบัติการ 90 วัน ของจังหวัดพื้นที่เป้าหมาย 25 จังหวัดเมื่อปีงบประมาณที่ผ่านมา ขอให้นำไปปรับปรุงวิธีการทำงานและวิธีการวัดผลให้ชัดเจน ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น และให้นำไปขยายผลการดำเนินการทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ปิดเป็นความลับของผู้ให้ข้อมูล เพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งปัญหายาเสพติดได้โดยตรงกับนายกรัฐมนตรีอย่างปลอดภัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้มีเป้าหมาย แนวทาง ตัวชี้วัดที่ชัดเจนในทุกด้าน ทั้งในภาพรวมระดับประเทศ ลงถึงระดับอำเภอ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ได้แก่ การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด การค้นหาผู้เสพในชุมชนเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา ตลอดจนการบำบัดรักษาผู้ติด ยาเสพติด การฝึกอาชีพ การศึกษา และการฟื้นฟูสภาพทางสังคม ทั้งกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง และผู้เข้ารับการบำบัด รวมทั้งมีระบบติดตามดูแลช่วยเหลือเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีก เพื่อคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคมให้ได้มากที่สุด

นายกรัฐมนตรียังขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ สกลนคร ประจวบคีรีขันธ์ นราธิวาส อุทัยธานี ปทุมธานี นครพนม ระยอง นครศรีธรรมราช และตรัง ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข โดยมีพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้กำกับดูแล แก้ไขปัญหาตามรูปแบบ หรือ Model ที่ถอดแบบมาจาก อ.ท่าวังผา จังหวัดน่าน และ อ.ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ให้มีผลรูปธรรมโดยเร็ว และขอให้เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำให้ 90 วันยาเสพติดหมดไปจากพื้นที่

“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็น CEO อย่างเต็มรูปแบบเพื่อเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีในการขับเคลื่อนงานด้านยาเสพติด ดำเนินการประสานความร่วมมือกับผู้บังคับการตำรวจจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุข หัวหน้าส่วนราชการของทุกกรม ทุกกระทรวง และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเอาชนะยาเสพติด คืนศักยภาพให้คนไทยและประเทศไทยตามนโยบายเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ร่วมกัน ในฐานะนายกรัฐมนตรีและฝ่ายบริหารยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกด้าน” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมกับรับฟังบรรยายจาก พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.  และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฯ เรื่องการดำเนินการต่อเนื่อง เรื่องร้องเรียนยาเสพติด และสรุปผลการร้องเรียนยาเสพติดสายด่วน 1386 ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.  - 17 ธ.ค. 2567 โดยนายกรัฐมนตรีรับชมระบบสารสนเทศยาเสพติดจังหวัด หรือ NISPA PLUS มี Dashboard แสดงข้อมูลและผลการดำเนินงาน โดยแสดงผลตัวชี้วัดที่สำคัญ (KPI) ทั้งภาพรวมของประเทศและรายจังหวัด ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลกลางให้ทุกฝ่ายรับทราบข้อมูลร่วมกัน และยังมีข้อมูลสถิติที่สำคัญ เช่น สถานการณ์ยาเสพติด ผลการจับกุม การบำบัดรักษา และงบประมาณ ทั้งนี้ การแสดงผลแบบ Real-time ของระบบ NISPA PLUS จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามการตั้งค่าเป้าหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และเสนอว่าหากจังหวัดไหนสามารถดำเนินงานตรงตามเป้าหมายควรมีการมอบรางวัลให้จังหวัดนั้น เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งสอบถาม เรื่องจำนวนสายด่วนที่โทรเข้ามาแจ้งเบาะแสยาเสพติด พร้อมเสนอแนะให้ ศปก.ครส. เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานในการรับเรื่องร้องเรียน ให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนที่ประสงค์จะส่งเรื่อง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีร่วมถ่ายภาพกับคณะผู้บริหาร ป.ป.ส.  และลงนามสมุดตรวจเยี่ยมว่า “ยินดีที่ได้มาดูการทำงานที่จริงจังและตั้งใจของ ป.ป.ส. ในวันนี้ค่ะ และพร้อมที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการเพื่อประเทศชาติและประชาชนร่วมกันต่อไป“ นายจิรายุ กล่าว