ดินเนอร์ปราสาททราย ‘ขั้วฝ่ายค้าน’เดินคนละทาง

ดินเนอร์ปราสาททราย ‘ขั้วฝ่ายค้าน’เดินคนละทาง

สภาพของ “ขั้วฝ่ายค้าน” หลังวงดินเนอร์ มีสภาพไม่ต่างกับปราสาททราย เมื่อแต่ละพรรคต่างมีชะตากรรมที่ต้องเผชิญ จึงทำให้ต้องเดินคนละเส้นทาง

KEY

POINTS

  • วงดินเนอร์ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ค่ำคืนที่ 18 ธันวาคม อีเวนต์ที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน หมายมั่นกระชับความสัมพันธ์ขั้วฝ่ายค้านให้แน่นแฟ้น ก่อนจะเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ขั้วรัฐบาล”
  • หน้าฉาก “ขั้วฝ่ายค้าน” ดูเหมือนจะสามัคคี มิตรภาพดูหวานชื่น แต่ฉากหลังกลับขื่นขม แต่ละพรรคต่างมีสไตล์การทำงานคนละแบบ และหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
  • ศึกซักฟอก พรรคประชาชน แจ้งว่า ให้แต่ละพรรคไปจัดเตรียมประเด็น ก่อนจะส่งมายัง “วิปฝ่ายค้าน” โดยแต่ละพรรคจะไม่ทราบประเด็นของพรรคอื่น เพราะเกรงว่าหลักฐานจะหลุดไปถึงมือ “พรรคร่วมรัฐบาล”

วงดินเนอร์ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ค่ำคืนที่ 18 ธันวาคม อีเวนต์ที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หมายมั่นกระชับความสัมพันธ์ขั้วฝ่ายค้านให้แน่นแฟ้น ก่อนจะเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ขั้วรัฐบาล”

โดยมี “ขุนพลสีส้ม” ทั้ง “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์  ประธานวิปฝ่ายค้าน ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รวมทั้งสส.สีส้ม เข้าร่วมวงพูดคุยอย่างคึกคัก

โฟกัสหลักอยู่ที่ “ขุนพลบ้านป่า” จากค่าย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังขับ 20 สส.กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากพรรค ส่งผลให้ 20 สส. ค่ายบิ๊กป้อม ต้องมาร่วมหัวจมท้ายกับฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว

“บิ๊กป้อม” ส่ง ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย ปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร และอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ ร่วมวงดินเนอร์

ขณะเดียวกันยังมีพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นำโดย คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด เลขาธิการพรรค 

แม้ “ไทยสร้างไทย” จะมี สส. 6 คน แต่เป็นที่รู้กันว่าอีก 5 คน ฝากใจกับ “ขั้วรัฐบาล” ไม่สังฆกรรมกับขั้วฝ่ายค้าน

“ณัฐพงษ์” เปิดเผยว่า วงดินเนอร์ ได้หารือในเรื่องการจัดสรรเวลาในการอภิปรายต่างๆ ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 และอีกประเด็น คือการหารือการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน

พร้อมกับยืนยันว่าสามารถทำงานร่วมกับ “พรรคพลังประชารัฐ” ได้ แม้จะเคยเป็นคู่ขัดแย้งกันมาก่อนก็ตาม

“ปกติการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน ใช้วิธีการจัดสรรโควตาในการอภิปราย ส่วนเนื้อหาในการอภิปรายอย่างไรนั้น ที่ผ่านมาในกระบวนการปกติ ไม่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพราะแต่ละพรรคมีการทำโจทย์ และการทำการบ้านของตัวเองในการอภิปรายแล้ว”

แม้หน้าฉาก “ขั้วฝ่ายค้าน” ดูเหมือนจะสามัคคี มิตรภาพดูหวานชื่น แต่ฉากหลังกลับขื่นขม แต่ละพรรคต่างมีสไตล์การทำงานคนละแบบ และหวาดระแวงซึ่งกันและกัน

ประเด็นหลัก บนโต๊ะดินเนอร์มีการพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับ “ศึกซักฟอก” โดย “ขุนพลสีส้ม” ยืนยันจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เมื่อ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” สอบถามไทม์ไลน์ในการยื่น กลับไม่มีคำตอบจากพรรคประชาชน

เช่นเดียวกับประเด็นการซักฟอก  พรรคประชาชนแจ้งกลางวงดินเนอร์ว่า ให้แต่ละพรรคไปจัดเตรียมประเด็น ก่อนจะส่งมายัง “วิปฝ่ายค้าน” โดยให้เหตุผลว่า หากแจ้งให้แต่ละพรรคทราบ เกรงว่าหลักฐานจะหลุดไปถึงมือ “พรรคร่วมรัฐบาล”

แม้จะเข้าใจได้ ถึงประเด็นที่ต้องเป็นความลับในการซัดรัฐบาล แต่ในทางลึก ก็สะท้อนถึงเนื้อใน ทั้งความไม่ไว้วางใจต่อกัน และยังไม่สามารถประสานการทำงานได้ แบบไร้รอยต่อ

ขณะเดียวกันบรรยากาศภายใน “พรรคประชาชน” เอง ก็ไม่ถือว่าราบรื่นนัก เพราะเริ่มมีเสียงพ้อต่อผู้นำพรรคกระเส็นกระสายออกมาบ้าง แม้ “หัวหน้าเท้ง” จะเป็นสายตรงของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แต่กระแสตอบรับ กลับไม่ดีเท่าที่ประเมินกันเอาไว้

อีกด้านหนึ่ง บรรดา “สส.สีส้ม” ที่มีชื่อติดร่างแห กรณียื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กว่า 30 ราย เริ่มรับรู้ชะตากรรมของตัวเอง โดยคาดการณ์ว่า “ป.ป.ช.” จะชี้มูลความผิดในช่วงต้นปี 2568 โดยมีโอกาสสูงที่จะโดนชี้มูล สิ้นสุดความเป็น สส.

ว่ากันว่า “สส.สีส้ม” บางรายถึงขั้นออกปากขอ “ขั้วรัฐบาล” ให้จัดทริปสั่งลา เพื่อเดินทางในฐานะกรรมธิการแบบจัดเต็ม เดินทางยาวหลายสิบวัน เพื่อใช้โควตาในช่วงสุดท้าย

อาการอ่อนแรงของ “กระแสสีส้ม” จึงมีทั้งปัจจัยจากความนิยมในตัวหัวหน้าพรรค บวกกับการทำงานตรวจสอบของ สส.พรรคประชาชน ที่ยังมีเครื่องหมายคำถาม ถึงการ “ฟอร์มตก” ไปจากเดิม

สภาพของ “ขั้วฝ่ายค้าน” หลังวงดินเนอร์ มีสภาพไม่ต่างกับปราสาททราย เมื่อแต่ละพรรคต่างมีชะตากรรมที่ต้องเผชิญ จึงทำให้ต้องเดินคนละเส้นทาง