‘ทรงศักดิ์’ซัด น่ารังเกียจหยิบปมเขากระโดงโยงการเมืองเพื่อไทย-ภูมิใจไทย
‘ทรงศักดิ์’ซัด หยิบปมเขากระโดงโยงการเมือง เพื่อไทย-ภูมิใจไทย เป็นเรื่องน่ารังเกียจ ยอมรับเกมหวังผล
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว ภายหลัง การลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ว่า เพื่อให้เกิดความชัดเจนที่ประชาชนอาจสับสน ซึ่งกรมที่ดินได้ดำเนินตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด วันนี้นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือกัน ซึ่งวันนี้ก็เชิญการรถไฟแห่งประเทศไทยมาด้วย แต่ไม่ได้มา เพื่อให้รับทราบข้อเท็จจริงจากประชาชน และหน่วยราชการในพื้นที่ และจากการพบปะประชาชนก็ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่ที่ดินของการรถไฟ เป็นที่ที่ประชาชนสามารถอยู่ได้ ตนดูข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้านแจ้งมาว่าอยู่ตั้งแต่ปี 2460 ก่อนที่จะมีการออกกฤษฎีกา สำรวจแนวเขตของการรถไฟ ซึ่งหากการรถไฟ ประสงค์ที่ดิน ก็ต้องออกกฏหมายพระราชบัญญัติกฤษฎีกา เพื่อจัดซื้อจัดหาที่ดินการรถไฟ ให้ชัดเจน
เมื่อถามย้ำว่าการที่การรถไฟไม่เดินทางมาในวันนี้จะเป็นอีแอบใช่หรือไม่ นายทรงศักดิ์ระบุว่า ไม่ทราบ แต่เราได้มีการเชิญในเบื้องต้นแล้ว จริงๆการรถไฟต้องมา เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการพิพาทกัน เพราะอย่างตนในฐานะกำกับดูแล กรมที่ดินยังต้องมา เพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยเฉพาะการ ลิดรอนสิทธิของทั้งสองฝ่าย
เมื่อถามย้ำว่าการที่การรถไฟออกมาขยับเช่นนี้มีการเมืองหนุนหรือไม่ นายทรงศักดิ์ ระบุว่า ตนยังยืนยันไม่ได้ ว่ามีพรรคการเมืองหนุนหลังหรือไม่ สังเกตดูว่าทุกครั้งที่ออกมาจะเป็นช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง หรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคนของการเมือง และเป็นที่ดินที่เกี่ยวข้องกับคนการเมือง ดังนั้นถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็คงเป็นไปไม่ได้ คงจะเกี่ยวบ้างเล็กน้อย
ส่วนการหยิบยกการเมืองมารุกสิทธิ์ประชาชนมองอย่างไรนั้น นายทรงศักดิ์ มองว่า เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เพราะสิทธิ์ที่ทำมาวันนี้กระทบกับประชาชนไม่ใช่รายเดียว จึงต้อง ทำให้เกิดความชัดเจน และสร้างความมั่นใจกับประชาชน ว่าเอกสารสิทธิ์ที่ได้มานั้นถูกต้อง
ส่วนที่การเมืองถูกมองว่าเรื่องนี้ถูกตีกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย นายทรงศักดิ์ ย้ำว่าเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ เพราะทำกับประชาชนจำนวนมาก เพราะการได้มาซึ่งที่ดินของประชาชนในการครอบครองนั้นถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ มาตามประมวลกฎหมายที่ดินทุกอย่าง ถ้าการรถไฟบอกว่าเป็นที่ของการรถไฟ ก็เป็นหน้าที่ของการรถไฟ ไม่ใช่หน้าที่ของประชาชน ที่ต้องพิสูจน์สิทธิ์การได้มาซึ่งที่ดิน ตามกฎหมายของการรถไฟ และที่ทราบมาการรถไฟยังหาหลักฐานแผนที่ท้ายกฤษฎีกาไม่ได้เลย และเมื่อช่วงเช้าตนได้ฟังสส.ของพรรคประชาชน แผนที่ที่แสดงในศาลกับแผนที่ที่แสดงกันยาวๆไม่ค่อยตรงกัน
โดยนายทรงศักดิ์ มองว่า พบข้อพิรุธจำนวนมาก ทั้งสัดส่วนและระยะ และความจำเป็นที่ต้องใช้ที่ดินต่างจากทางรถไฟกว่า 1 กิโลเมตร ทั้งที่พื้นที่อื่นนั้นไม่มี และพื้นที่ทางแยก ตนมองว่าที่ไหนก็มีกฤษฎีกาหมด ก่อนตั้งคำถามว่า พื้น ที่ ทาง แยกเขากระโดงเป็นเพียงพื้นที่ เดียวหรือที่ได้รับการยกเว้น
ส่งกรมที่ดินจะฟ้องร้องกลับหรือไม่นายทรงศักดิ์กล่าวว่าเป็นเรื่องของกรมที่ดิน แต่ตนในฐานะที่กำกับดูแลก็ได้กำชับอธิบดี ว่าต้องทำตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับ ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ
ส่วนข้อเสนอที่ให้กรมที่ดินและการรถไฟ เปิดโต๊ะพูดคุยกัน เพื่อให้เกิดข้อสรุปที่ชัดเจนนายทรงศักดิ์ ระบุว่า วันนี้ได้รวบรวมพยานและหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว และอนาคตก็เป็นไปได้ เนื่องจากส่งผลกระทบกับประชาชน จำนวนมาก จึงต้องมีการพูดคุยกันระหว่างสองฝ่าย และมองว่าการรถไฟเองต้องนำพยานหลักฐานมาให้ประชาชนนั้นเกิดความเข้าใจ ไม่ใช่ยึดเพียงว่าเป็นคำสั่งของศาลแล้วจะเป็นที่ของการรถไฟ
นายทรงศักดิ์ พร้อมอธิบดีกรมที่ดิน ลงพื้นที่เขากระโดงตรวจสอบจุดสิ้นสุดของทางรถไฟ ที่กิโลเมตร 6.2 ซึ่งแตกต่างจากจุดที่การรถไฟฯแสดงสิทธิ์ที่หลักกิโลเมตร 8
ระหว่างลงพื้นที่นายทรงศักดิ์ได้พูดคุยกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว และพบกับคุณยายอายุ 109 ปี ที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่เด็ก และเป็นพื้นที่ที่ประชาชนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ปี2462
นอกจากนี้ยังเดินทางไปพบชาวบ้านอีกกลุ่ม และนำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศปี 2497 ซึ่งแสดงแปลงที่ดินที่มีหลักฐานการได้มาก่อนปี 2462 บริเวณพื้นที่เขากระโดง ซึ่งคุณยายวัย80 ปี มีหลักฐาน สค.1 ที่รับมรดกจากตาทวด ตั้งแต่ปี 2438 มาแสดงให้นายทรงศักดิ์ดูด้วย