เปิดสูตรเขย่าพรรคร่วมรัฐบาล หากขับภูมิใจไทย ขั้วรัฐบาลปริ่มน้ำ 249 เสียง
เปิดสูตรเขย่าพรรคร่วมรัฐบาล หากขับภูมิใจไทย ขั้วรัฐบาลปริ่มน้ำ 249 เสียง ฝ่ายค้าน 244 เสียง จับตา ‘สุริยะ’ ดูดค่ายสีน้ำเงิน ‘ธรรมนัส’ ดีลทีมบ้านป่า
KEY
POINTS
-
เปิดหน้ารบกันแบบไม่ต้องเกรงใจอีก ระหว่าง “ครูใหญ่” แห่งบ้านสีน้ำเงิน กับ “นายใหญ่” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า
-
วาทะกรรม "อีแอบ" การเมืองจากปาก "ทักษิณ ชินวัตร" ซัดหมัดตรงไปยัง "พรรคภูมิใจไทย" แม้หน้าฉากกับ "อนุทิน ชาญวีรกูล" จะหวานชื่น แต่กับ "เนวิน ชิดชอบ" เป็นหนังคนละม้วน
-
คนการเมืองคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่ "ทักษิณ" จะปรับ "ภูมิใจไทย" ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจะทำให้จำนวนเสียงของ "พรรคร่วมรัฐบาล" ลดน้อยลง แต่มี "มือดีล" ปฏิบัติการพิเศษดูด สส. มาเสียงให้รัฐบาล
เปิดหน้ารบกันแบบไม่ต้องเกรงใจอีกต่อไป เมื่อ “ครูใหญ่” แห่งบ้านสีน้ำเงิน กดรีโมตส่งตรงจากแดนบุรีรัมย์ ไปยังอาคารสัปปายะสภาสถาน บัญชาการให้ “สส.สีน้ำเงิน - สว.สีน้ำเงิน” โหวตยืนยันล็อกสองชั้น ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560
ฟากฝั่ง “นายใหญ่” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า เดินเกมประชามติล็อกชั้นเดียว ใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ ไม่อิงกับจำนวนผู้มีสิทธิ โดยจะทำให้การรณรงค์ขอมติประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำได้ง่ายกว่า และเป็นสากล
สัญญาท้ารบระหว่าง “ครูใหญ่” กับ “นายใหญ่” ถูกส่งออกมาหลายครั้ง ทั้งวงประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และวงประชุมสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายของ “ขั้วรัฐบาล” ไม่ว่าจะเสนอในนาม ครม. - ในนาม สส. มีปัญหาติดขัดหลายฉบับ
“นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แสดงออกชัดเจนในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา ไม่พอใจพรรคร่วมรัฐบาล ทำตัว “อีแอบ” วาระพิจารณาร่าง พ.ร.ก. เก็บภาษีนิติบุคคลต่างประเทศขั้นต่ำ
เช่นเดียวกับ “ลูกพรรค” อย่าง “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตอบโต้ “3 สส.” ทีมลูกเทวดาพรรคภูมิใจไทย กล่าวหาว่ามี “อีแอบ” ต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้าออกไป
แม้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะนั่งยันนอนยัน ปมขัดแย้งไม่มีอะไรในกอไผ่ อย่าคิดเรื่องหยุมหยิม แต่ “คนการเมือง” รู้กันดีว่าภายในพรรคภูมิใจไทย “อนุทิน” ไม่ใช่ตัวจริง “ครูใหญ่” บ้านบุรีรัมย์ คอยบัญชาการเกมทุกกระดาน
ต้องยอมรับว่า “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคภูมิใจไทย เป็นอริเก่าที่ “ทักษิณ” ขึ้นบัญชีรอวันชำระแค้น เนื่องจากเคยหอบ สส. กลุ่มเพื่อนเนวิน ออกจากพรรคพลังประชาชน ย้ายขั้วร่วมจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2551
ยิ่งในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “เนวิน” แผ่บารมีทางการเมือง ดูด สส.พรรคเพื่อไทย ออกจากอ้อมอกของ “ทักษิณ” เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย ยิ่งสุมไฟแค้น “นายใหญ่ค่ายสีแดง” ให้ลุกโชน
อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งปี 2566 ไม่เอื้ออำนวยให้ “เนวิน” ไปต่อกับ “ทีมลุง” ไฟต์บังคับให้มาร่วมรัฐบาลกับ “นายใหญ่-เพื่อไทย” ช่วงต้นรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ทาง “เนวิน” เลือกซุ่มเงียบ
ทว่าจุดเปลี่ยนอยู่ที่การเลือก 200 สว. ชุดใหม่ ว่ากันว่า “ทีมสีน้ำเงิน” บัญชาเกมเคลื่อนกำลังผ่านกลไกการเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ จนสามารถกุมดุลอำนาจ สว. ให้อยู่ใต้คาถา “สีน้ำเงิน”
หลังจากนั้นแรงต่อรองทางการเมืองของ “เนวิน-ภูมิใจไทย” พุ่งทะยาน นำมาสู่ฉากรบกับ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ขวางกฎหมายที่ไม่เห็นด้วย ต่อรองนโยบายที่ไม่เอื้อประโยชน์ให้ “ค่ายสีน้ำเงิน”
เมื่อ “เนวิน” อหังการ “ทักษิณ” ที่เก็บงำความแค้นอยู่ในอก ผนวกกับเสียงยุยงของ “ลูกหาบ” จึงมีการวิเคราะห์กันว่า “เนวิน-ภูมิใจไทย” อาจจะถูกเขี่ยพ้น “รัฐบาลแพทองธาร” ในไม่ช้า
ผ่าเสียงพรรคร่วมฯ - ไร้สีน้ำเงิน
เมื่อเช็กลิสต์เสียง สส. ในสภาฯ ตอนนี้มี 493 เสียง แบ่งเป็น “ขั้วรัฐบาล” มี 318 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 142 เสียง พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 21 เสียง (จาก 25 เสียง อีก 4 เสียงไม่โหวต น.ส.แพทองธาร) พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง
พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง และพรรคกล้าธรรม 24 เสียง (มาจากพรรคเล็ก 4 เสียง และพรรคพลังประชารัฐ 20 เสียง)
หาก “นายใหญ่” เอาจริงอย่างคำขู่ ตัด “พรรคภูมิใจไทย” 69 เสียง ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้ขั้วรัฐบาลเหลือ 249 เสียง
ด้าน “ขั้วฝ่ายค้าน” มี 171 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาชน 143 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 20 เสียง พรรคเป็นธรรม 1 เสียง พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง และพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง (มี 5 เสียง อาจจะสนับสนุนขั้วรัฐบาล) และอาจจะรวมกับพรรคประชาธิปัตย์ 4 เสียง
อย่างไรก็ตามหาก สส.ภูมิใจไทย ถูกผลักมาอยู่ใน “ขั้วฝ่ายค้าน” จะทำให้จำนวนเสียงฝ่ายค้านเพิ่มจาก 171 บวกกับ 69 เสียงค่ายสีน้ำเงิน รวมเป็น 244 เสียง
ภารกิจ “ผู้กองมนัส”
ดังนั้นหากจะปรับ “พรรคภูมิใจไทย” ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล “นายใหญ่” ต้องการเสียง สส. จาก “ขั้วฝ่ายค้าน” มาเติม โฟกัสหลักไปที่ 20 สส.พรรคพลังประชารัฐ แม้จะอยู่เคียงข้าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่การเมืองเมื่อดุลอำนาจเปลี่ยน สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
ภารกิจการดึง 20 สส.พรรคพลังประชารัฐ ออกจาก “บ้านป่ารอยต่อ” ต้องจับตา “ธรรมนัส” อาจจะเป็นคนขับเคลื่อนทาบทามให้มาฝากเนื้อฝากตัวกับ “พรรคกล้าธรรม” เนื่องจากมีความคุ้นเคยกับ 20 สส. อยู่แล้ว แม้บางคนอาจจะไม่ชอบวิธีการของ “ทีมผู้กอง” แต่การเมืองผลประโยชน์มักมาก่อนเสมอ
จับตาบทบาท “สุริยะ”
ขณะเดียวกันต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ รมว.คมนาคม ระยะหลังบารมีเบ่งบานมากเป็นพิเศษ ในฐานะรัฐมนตรีสายเปย์ ดูแล สส. ไม่ขาดตกบกพร่อง หาก “นายใหญ่” มอบปฏิบัติการพิเศษให้ทำ “สุริยะ” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
เมื่อสแกน สส.ภูมิใจไทย จะพบว่ามีบางคนที่โน้มเอียงมาทาง “สุริยะ” อาทิ ตระกูลช่างเหลา จ.ขอนแก่น ตระกูลแทนทรัพย์ จ.ชัยภูมิ และมียัง “สส.สีน้ำเงิน” หลายคนไม่แฮปปี้กับ “ครูใหญ่” ในบางเรื่อง พร้อมที่จะเซย์กู๊ดบายได้ทุกเมื่อ
หลังจากนี้ต้องติดตามฉากรบ “นายใหญ่” ปะทะ “ครูใหญ่” ใครจะถือแต้มต่อเหนือกว่ากัน เพราะต่างฝ่ายต่างมีขุมกำลังอยู่ในมือ เมื่อถึงเวลาต้องห้ำหั่นกัน จุดเปลี่ยนทางการเมืองอาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์