ปี 2568 คนไทยคาดหวังอะไร จากรัฐบาล‘แพทองธาร’

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยมาจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ในเดือน ม.ค.2568 ที่ประเมินว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก

ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่สำรวจระหว่างวันที่ 4-22 พ.ย.2567 มีกลุ่มตัวอย่าง 3,500 ราย เกี่ยวกับ

เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือมากที่สุด

85% เป็นการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค

86.0% เป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทยมากที่สุด คือ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและค่าครองชีพสูง 

51.6% การแก้ปัญหาความยากจน

เมื่อผลสำรวจออกมาเช่นนี้มองได้ว่าปัญหาปากท้องยังคงเป็นเรื่องสำคัญเฉพาะหน้าที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไข

ปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นระเบิดเวลาสำหรับเศรษฐกิจไทยที่ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัว โดยเห็นได้จากยอดขายรถยนต์เดือน พ.ย.2567 มีจำนวน 42,309 คัน เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วลดลง 31.34% จากการเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอเติบโตในอัตราต่ำที่ 3% ในไตรมาส 3 ปี 2567 แต่หนี้เสียรถยนต์เพิ่มขึ้น 22.8% ซึ่งการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยเป็นการเช่าซื้อในสัดส่วนถึง 90%
   

หันมาดู ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 ที่ขยายตัวต่ำ โดยสถาบันการเงินคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อทำให้เกิดยอดปฏิเสธสินเชื่อขยายตัวสูง และลุกลามจากที่อยู่อาศัยระดับราคา 3 ล้านบาท ขยายวงขึ้นมาครอบคลุมบ้านที่มีราคา 7-10 ล้านบาท และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวไม่ได้ถึงปี 2568 ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่หนี้ครัวเรือนมีสัดส่วนต่อเศรษฐกิจสูงขึ้นมาแตะ 90% ย่อมมีผลต่อสภาพคล่องของประชาชนถึงแม้ว่ารัฐบาลเร่งแก้ปัญหา แต่เป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ภายในไม่กี่เดือน
   

รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญโจทย์ที่ท้าทายมากในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมีทั้งปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้ไข คือ ปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงปัญหาระยะยาวที่ต้องแก้ไขไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สินครัวเรือน ปัญหาฐานะการคลังของรัฐบาลที่งบประมาณขาดดุลต่อเนื่องในขณะที่รัฐบาลมีรายจ่ายด้านสวัสดิการรออยู่ตรงหน้า รวมถึงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสร้างการขับเคลื่อนประเทศระยะยาว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ประชาชนคาดหวังจากรัฐบาลในปี 2568