เกมอำนาจ 'ทักษิณ'คืนชีพ ‘ประวิตร’บ้านป่าฯ ราบคาบ

การเมืองในช่วงปี 2567 บุคคลที่สร้างปรากฎการณ์แทบจะทุกความเคลื่อนไหว หนีไม่พ้น ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลังจากระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศนานถึง 17 ปี

การกลับสู่มาตุภูมิ แบบเท่ๆ ของทักษิณ แม้จะต้องเปลี่ยนสถานะเป็นนักโทษอยู่ประมาณเกือบ 1 ปี แต่ในความเป็นจริง วีไอพีระดับนี้ ไม่เคยต้องเข้าคุก เพราะมีเงื่อนไขให้พักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ด้วยอาการเจ็บป่วยสารพัดตามที่อ้าง

ทักษิณ อยู่โรงพยาบาลตำรวจนานจนเข้าเกณฑ์พักโทษกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า และพ้นโทษในที่สุดภายหลังได้รับ พระราชทานอภัยโทษ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

เหตุการณ์สำคัญที่ยิ่งตอกย้ำบทบาททางการเมืองของทักษิณ เกิดขึ้นหลังจากเศรษฐา ทวีสิน เจ้าของวลีจะทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ กรณีเสนอชื่อทนายถุงขนม พิชิต ชื่นบาน นั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เมื่อ14 ส.ค.2567

การไปของเศรษฐา นำสู่การมาของแพทองธาร ชินวัตร ที่ได้รับการโหวตจากสภาเป็นนายกฯ คนที่ 31 ในวันที่ 16 ส.ค.2567 

คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง หนีไม่พ้นทักษิณ ที่เป็นศูนย์กลางอำนาจในขั้วรัฐบาล เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อปูทางให้ลูกสาวมีอำนาจ แต่คำบอกเล่าติดตลกของทักษิณตอนนั้นระบุแค่ไปกินมาม่า

ในวันนั้น ทักษิณรู้ดีว่าปัจจัยแทรกซ้อนเกิดได้ทุกเมื่อ ต้องรีบปิดเกมโดยเร็ว เพราะลุงบางคนยังมีความหวังว่าจะพลิกขึ้นมามีอำนาจได้ การดันลูกสาวแทนเศรษฐา ไม่ปล่อยยืดเยื้อ จึงกุมสภาพได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ความผันผวนในช่วงการฟอร์ม ครม.แพทองธาร ปัญหาเกิดขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพลังประชารัฐ ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูว่า นายใหญ่เพื่อไทย ต้องการเขี่ยลุงให้พ้นเกม

จากที่พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย ลุงป้อม ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยร่วม ครม.เศรษฐา ในตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็หลุดตามคาด

ความระหองระแหงระหว่างลุงป้อม และธรรมนัส พรหมเผ่า กับพวก สุกงอม ความสัมพันธ์แตกแยกกันชัดเจนว่าอยู่คนละข้าง การช่วงชิงเสนอชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีร่วม ครม.แพทองธาร เป็นฟางเส้นสุดท้าย 

ในที่สุดพลังประชารัฐ และบิ๊กป้อม กลายเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว จากที่เคยขึ้นสู่จุดสูงสุดทางการเมืองหลังการรัฐประหาร ปี 2557 เป็นรองนายกฯ คุมความมั่นคง มีอำนาจเหลือล้น ป่ารอยต่อ มีคนเข้าออกหัวกระไดไม่เคยแห้ง ทั้งข้าราชการ นักการเมือง ทหาร ตำรวจ ต่างมาอาศัยบารมีกันถ้วนหน้า

ทว่า หลังจากทักษิณ คืนชีพ สถานการณ์บ้านป่าพลิกผัน สูงสุดคืนสู่สามัญ พลังประชารัฐ จากพรรคใหญ่กลายเป็นพรรคเล็ก แถมไร้อำนาจบริหาร เกมดอง 20 สส.ก๊วนธรรมนัส ที่เดินเกมขัดกับแนวทางลุงป้อม ในที่สุด ก็ต้องยอมจำใจขับพ้นพรรค

เนื่องจากต้านทานกระแสการตรวจสอบ กดดัน เรื่องภูนับดาวบนที่ส.ป.ก.ไม่ไหว เพราะมีชื่อหวานใจคนสำคัญของคนในป่า เชื่อมโยงการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ แถมโดนสาวเรื่องเส้นทางการเงินจำนวนมาก

ท่ามกลางการจับตาว่า สาเหตุมาจากดีลทางการเมือง กดดันคนในป่าให้ตัดสินใจขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัส พ้นพลังประชารัฐ

สัญญาณบ่งชี้ว่าพลังประชารัฐ และลุงป้อม กำลังเจอช่วงหัวเลี้ยวหัวสำคัญอีกครั้ง หลังจากหลายกลุ่มก๊วนบิ๊กเนม ทยอยหันหลังให้พรรค การจะเดินหน้าต่อด้วยขุมกำลังที่เหลือ จะไปได้ไกลแค่ไหน หรืออาจจะถึงเวลาที่ลุงต้องเฟดตัวเองออกจากเกมอำนาจ ที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีกต่อไป

กลไกอำนาจ และการเมืองแทบทุกอย่างวันนี้แปรสภาพ เปลี่ยนมือไปอยู่กับทักษิณโดยสิ้นเชิง ปี 2567 จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นปีที่ทักษิณกลับมาเป็นคนเดิมเต็มตัวอีกครั้ง มากไปด้วยความมั่นใจในตัวเองสูงลิบพูดจาโผงผาง ท้าตีท้าต่อย ใครเล่นผม ผมเล่นกลับ ลุยฟาดฟันโจทก์ทางการเมืองไม่เลือกหน้า

พรรคประชาชนเองก็โดนด้อยค่า เป็นคนรุ่นใหม่ พูดเก่งแต่ทำงานไม่เป็น การประกาศขอคืน สส.ทั้งหมดที่เคยเลือกพรรคส้ม ให้เพื่อไทย เช่นที่เชียงใหม่ หรือการท้ารบฝ่ายตรงข้าม ขู่เช็กบิลเอาคืนกันให้วุ่น นี่แหละคือสไตล์ทักษิณ

บทบาททักษิณ ต่อจากนี้ มีแนวโน้มจะเพิ่มดีกรีความเข้มข้น ทั้งการเป็นเดอะแบกให้รัฐบาลลูกสาว การเป็นพี่เลี้ยงเสนอแนะในเรื่องการสร้างผลงานกอบกู้ความนิยม ไหนจะต้องช่วยวางพิมพ์เขียวยุทธศาสตร์เลือกตั้งของเพื่อไทยปี 2570 โจทย์ใหญ่คืออัพ สส.ให้ไม่ต่ำกว่า 200 ที่นั่งให้ได้ กับหนทางข้างหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเมืองที่เป็นทุกวันนี้ มาจากการรัฐประหาร ปี 2557 แบบเสียของครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ไม่สามารถสยบเครือข่ายระบอบทักษิณได้แล้ว กลับเป็นเงื่อนไขก่อกำเนิดสามนิ้ว และพรรคสีส้ม จนทักษิณคืนชีพอย่างที่เห็น