'พริษฐ์' ชวน ปชช.จับตาร่างแก้ไข รธน. 'เพื่อไทย' 7 ม.ค.นี้ มีกลับลำอะไรหรือไม่

'พริษฐ์' ชวน ปชช.จับตาร่างแก้ไข รธน. 'เพื่อไทย' 7 ม.ค.นี้ มีกลับลำอะไรหรือไม่

'พริษฐ์' ชวนประชาชนจับตาร่างแก้ไข รธน.ของ 'เพื่อไทย' วันที่ 7 ม.ค.นี้ มีการกลับลำเปลี่ยนแปลงเรื่องอะไรหรือไม่ สะกิด 'ประธานวิปรัฐบาล' ระวังวิจารณ์พรรคอื่น เข้าพรรคตัวเอง

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กำลังวิจารณ์พรรคตัวเองโดยไม่รู้ตัว หรือกำลังตั้งท่าเตรียมกลับลำในจุดยืนบางเรื่อง พร้อมชวนจับตาดูร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับของพรรคเพื่อไทย วันอังคารที่ 7 ม.ค.นี้ ว่า หนึ่งประเด็นร้อนทางการเมืองช่วงนี้คงหนีไม่พ้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (การเพิ่มหมวด 15/1 ให้มี สสร. มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ & การแก้ไข ม.256 เกี่ยวกับเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ) ซึ่งตอนนี้มีร่างของพรรคประชาชนที่บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาแล้ว โดยคาดว่าจะมีร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของ ครม.ถูกเสนอเข้ามาประกบ เพื่อพิจารณาพร้อมกันในที่ประชุมรัฐสภา 14-15 ม.ค. นี้

นายพริษฐ์ ระบุว่า อ่านบทสัมภาษณ์วันนี้ของทางประธานวิปรัฐบาลเกี่ยวกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้วได้แต่ตั้งคำถามดัง ๆ ว่า ในขณะที่ท่านให้สัมภาษณ์โดยมาโจมตีร่างของพรรคประชาชนในสารพัดเรื่อง และพยายามบอกว่าร่างของพรรคท่านดีกว่าอย่างไร ท่านรู้หรือไม่ว่าหลายเรื่องที่ท่านวิจารณ์ร่างของพรรคประชาชน เป็นเรื่องที่ก็อยู่ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทยเคยยื่นเข้ามาเมื่อตอนต้นปี 2567 ดังนั้น ในวันอังคาร 7 ม.ค. นี้ ที่เราคาดว่าจะได้เห็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยที่จะยื่นในรอบนี้ (ต้นปี 2568) เราคงต้องจับตาดูว่าเนื้อหาในร่างดังกล่าวจะออกมาเป็นอย่างไรระหว่าง

ความเป็นไปได้ที่ 1 พรรคเพื่อไทยเสนอร่างที่มีเนื้อหาเหมือนเดิมกับร่างที่พรรคเพื่อไทยเคยยื่นเมื่อไม่ถึง 1 ปีก่อน คำถามที่ตามมาคือแล้วทางประธานวิปรัฐบาลจะออกมาให้สัมภาษณ์วิจารณ์เนื้อหาที่มีอยู่ในร่างของพรรคตัวเองไปทำไม

ความเป็นไปได้ที่ 2 พรรคเพื่อไทยเสนอร่างที่มีเนื้อหาที่แตกต่างจากร่างที่พรรคเพื่อไทยเคยยื่นเมื่อไม่ถึง 1 ปีก่อน คำถามที่ตามมาคือแล้วพรรคจะอธิบายสาเหตุของการกลับไป-กลับมาในจุดยืนต่างๆเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างอย่างไร

เพื่อให้เห็นภาพ ได้ทำตารางเปรียบเทียบแต่ละร่างในประเด็นสำคัญ โดยขอขยายความ 3 ประเด็นดังนี้

1. เรื่องอำนาจ สว. ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ท่านบอกว่าเนื้อหาของร่างพรรคเพื่อไทย “จะไม่ลิดรอนสิทธิ สว.” ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการพยายามวิจารณ์ร่างของพรรคประชาชนที่ไปเสนอตัดเงื่อนไขในมาตรา 256 ที่ปัจจุบันกำหนดว่าการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญใดๆจะต้องได้เสียง 1 ใน 3 ของ สว. (นอกเหนือจากได้เสียง 1 ใน 2 ของสมาชิกรัฐสภา) แต่ท่านลืมไปหรือไม่ ว่าร่างที่พรรคเพื่อไทยเสนอตอนต้นปี 2567 ก็เสนอให้ตัดเงื่อนไขเรื่อง 1 ใน 3 ของ สว. ออกไปเช่นกัน

\'พริษฐ์\' ชวน ปชช.จับตาร่างแก้ไข รธน. \'เพื่อไทย\' 7 ม.ค.นี้ มีกลับลำอะไรหรือไม่

ดังนั้น แทนที่จะมาวิจารณ์พรรคประชาชนในเรื่องดังกล่าวที่ท่านเองก็เคยเสนอ น่าจะใช้โอกาสนี้มายืนยันร่วมกันว่าการตัดเงื่อนไขเรื่อง 1 ใน 3 ของ สว. ดังกล่าวออกไป มีความสมเหตุสมผลแล้ว เพราะ

 (1) เงื่อนไขดังกล่าวเป็นการทำให้ สว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง สามารถขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ในทุกกรณี แม้ในกรณีที่ตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งทั้ง 500 คน เห็นชอบกับการแก้ไขก็ตาม

(2) รธน. 2540 & 2550 ก็ไม่เคยไปกำหนดเงื่อนไขเรื่อง 1 ใน 3 ของ สว. มาก่อน

(3) รายงาน ของ กมธ. วิสามัญ ศึกษาแนวทางแก้ไข รธน. จากสภาฯชุดที่แล้ว (ที่มีตัวแทนทุกพรรค) ก็เคยเสนอให้ตัดเงื่อนไขดังกล่าวออกไป

2. เรื่องที่มาของ สสร.

ท่านบอกว่าร่างของพรรคเพื่อไทยจะไม่มี “รายละเอียดแบบสุดโต่ง” เหมือนกับร่างของพรรคประชาชน ตนก็ได้แต่หวังว่า “รายละเอียดแบบสุดโต่ง” ที่ท่านพูดถึงนี้ ไม่ได้หมายถึงจุดยืนว่า สสร. ควรมาจากการเลือกตั้ง 100% เพราะร่างของพรรคเพื่อไทยเมื่อตอนต้นปี 2567 ก็เสนอให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง 100% เช่นกัน (แม้อาจจะมีระบบเลือกตั้งที่แตกต่างกันเล็กน้อยในรายละเอียด)

ส่วนการมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง 100% ไม่เพียงแต่จะทำให้ สสร. มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยที่สุด แต่ยังจะเป็นการรับประกันว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญจะมีตัวแทนของชุดความคิดที่แตกต่างหลากหลายที่มีอยู่ในสังคม ยิ่งไปกว่านั้น การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง 100% ก็ไม่ได้ทำให้ สสร. ไม่มีพื้นที่สำหรับผู้เชี่ยวชาญ-นักวิชาการที่บางคนมองว่าสำคัญต่อกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ เพราะเราสามารถมี กมธ. ยกร่าง ของ สสร. ที่เปิดพื้นที่ให้กลุ่มคนดังกล่าวเข้ามาช่วยทำให้รัฐธรรมนูญของเรามีความรัดกุมทางกฎหมายได้ (เหมือนกับที่ถูกเสนอในร่างของพรรคประชาชน และในร่างของพรรคเพื่อไทยเมื่อต้นปี 2567)

3. เรื่องอำนาจ สสร. ในการจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ 

จุดยืนของพรรคเพื่อไทยในการไม่ให้ สสร. มีอำนาจแก้ไข หมวด 1-2 เป็นอะไรที่เรารับรู้กันอยู่แล้ว และร่างของพรรคเพื่อไทยตอนต้นปี 2567 ก็เขียนไว้ชัดว่าให้ สสร. มีอำนาจจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ ทั้งฉบับ ยกเว้นแค่หมวด 1-2 แต่ท่านประธานวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์รอบนี้ โดยการบอกว่านอกเหนือจากเรื่องหมวด 1-2 แล้ว ร่างของพรรคเพื่อไทยจะไม่แตะ “มาตราที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจทุกมาตรา อีกทั้งไม่แก้ไขประเด็นที่อาจสร้างความแตกแยก”

คำถามที่ตามมาคือท่านจะไปตีกรอบจำกัดเนื้อหาในรัฐธรรมมนูญฉบับใหม่ไว้แค่ไหน

(1) ท่านนิยาม “มาตราที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจทุกมาตรา” ไว้อย่างไรบ้าง (เช่น สสร. จะปรับปรุงมาตรา 176 เกี่ยวกับการประกาศใช้และเลิกใช้กฎอัยการศึกได้ไหม หรือปรับปรุงไม่ได้เลยเพราะถือว่าเป็น “พระราชอำนาจ” โดยนิตินัย)

(2) ท่านนิยาม “ประเด็นที่อาจสร้างความแตกแยก” อื่นๆไว้อย่างไรบ้าง (เช่น สสร. จะปรับปรุงอำนาจ-ที่มาวุฒสิภา หรือ เสนอระบบสภาเดี่ยวได้หรือไม่? สสร. จะปรับปรุงอำนาจ-ที่มา ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ได้หรือไม่)

"ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา ผมได้ทำงานเรื่องรัฐธรรมนูญร่วมกับหลายคนในพรรคเพื่อไทยอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ด้วยความเคารพต่อกันและกันแม้จะมีจุดยืนในหลายเรื่องที่เห็นต่างกัน - แต่ผมเห็นว่าบทสัมภาษณ์ของประธานวิปรัฐบาลครั้งนี้เป็นการจงใจวิจารณ์พรรคประชาชนให้ฝ่ายตนเองดูดี โดยลืมหลักการสำคัญที่เคยยึดถือร่วมกัน" นายพริษฐ์ ระบุ

โฆษกพรรค ปชน. ระบุด้วยว่า วันอังคารที่ 7 ม.ค. นี้ ขอชวนพี่น้องประชาชนและพี่น้องสื่อมวลชนจับตาดูร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคเพื่อไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อมาดูว่าสิ่งที่ประธานวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์ในวันนี้ จะกลายเป็นการวิจารณ์ร่างของพรรคตัวเองโดยไม่รู้ตัว หรือจะเป็นหนังตัวอย่างของการกลับลำในจุดยืนบางเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น