เปิดเกมรุกฟื้นเรตติ้งเพื่อไทย “นายใหญ่” ขยับประชานิยม เขย่าพรรคร่วมฯ
เปิดเกมรุกฟื้นเรตติ้งเพื่อไทย “นายใหญ่” ขยับประชานิยม เขย่าพรรคร่วมรัฐบาล เปิดศึกรอบด้าน ไล่เช็กบิลขาประจำ
KEY
POINTS
- การเมืองเริ่มต้นปีด้วยความร้อนแรง หลัง “นายใหญ่” แห่งเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร โหมโรงเอาไว้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2568
- “ทักษิณ” โชว์พาวเวอร์บนเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทย ประกาศรบ พรรคร่วมรัฐบาล ซัดตรง "อีแอบ" ต่อด้วยเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัคร นายก อบจ.
- เกือบทุกเวที "ทักษิณ" โจมตีฝั่งตรงข้ามแบบไม่ไว้หน้า ทั้ง "พรรคประชาชน" - "กลุ่มนักร้อง" - "ขั้วขัดแย้งเก่า"
การเมืองเริ่มต้นปีด้วยความร้อนแรง หลัง “นายใหญ่” แห่งเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร โหมโรงเอาไว้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2568 ด้วยการขึ้นเวทีปราศรัยช่วยลูกพรรคหาเสียงชิงเก้าอี้นายก อบจ.หลายเวที
เปิดเกมท้าชน “พรรคร่วมรัฐบาล” โยนหินถามพรรคอีแอบ หากไม่เลือกสุพรรณขอให้บอก ต่อด้วยการเช็กบิล “นักร้อง” หลังศาลรัฐธรรมนูญตีตกข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครอง จากนั้นท้ารบ “พรรคประชาชน” ชิงเก้าอี้นายก อบจ. เชียงใหม่
“ทักษิณ” โชว์พาวเวอร์บนเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2567 ระบุว่า “การประชุม ครม.มีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรคหลบป่วยอย่างนี้ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ"
"วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา”
หลังจบสัมมนาพรรคเพื่อไทย การเมืองกระเพื่อมทันที คำพูดของ “นายใหญ่” ถูกตีความว่าพร้อมขับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคออกจากรัฐบาล เป้าถูกเล็งไปที่พรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้ชื่อของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย “เดอะตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รมว.พลังงาน ถูกเพ่งเล็งมากเป็นพิเศษ
ที่สำคัญมี “มือมืด” ฉวยโอกาสปั่นกระแสข่าวปรับ ครม.ทันที “มือมืด” เป็นบิ๊กการเมืองที่ต้องการกลับมามีลุ้นนั่งเก้าเสนาบดี
รบ ‘สีส้ม’ ชิงฐานเสียงคืน
23 ธ.ค.2567 ปราศรัยเวที จ.เชียงใหม่ ช่วย “สว.ก๊อง” พิชัย เลิศพงศ์อดิศร หาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ. เชียงใหม่ โจมตีไปที่ “พรรคประชาชน” ซึ่งในช่วงการเลือกตั้งปี 2566 อดีตพรรคก้าวไกล กวาด สส. เชียงใหม่ ไป 7 ที่นั่ง ทำให้ “ทักษิณ” เกือบเสื่อมมนต์ขลัง หลังได้มาแค่ 2 ที่นั่ง
โดยระบุว่า “พรรคประชาชนเป็นพรรคที่พูดเก่ง คนรุ่นใหม่เขาพูดเก่งทุกคน แต่ทำไม่เป็น และยังไม่ได้ทำ วันนี้พรรคเพื่อไทยอย่างไรก็ได้ทำ”
“ทักษิณ” จงใจดิสเครดิต “ขุนพลสีส้ม” ซึ่งส่ง “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” ลงชิงนายก อบจ. เชียงใหม่ หวังยึดเมืองบ้านเกิด “นายใหญ่” แบบเบ็ดเสร็จ จึงไม่แปลกที่ต้องส่งสัญญาณรบเต็มรูปแบบ
ที่สำคัญหากสนาม จ.เชียงใหม่ “ทักษิณ-เพื่อไทย” พ่ายแพ้ให้ “ขุนพลสีส้ม” อีกรอบ โอกาสจะกลับมายึดคืนเมืองบ้านเกิดในการเลือกตั้งปี 2570 ยากมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
แนวต้านขยายตัว-รอสุกงอม
ต่อมาวันที่ 5 ม.ค.68 ที่ผ่านมา “ทักษิณ” ชักธงรบ “แนวต้าน” อีกครั้ง โดยระหว่างปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ระบุตอนหนึ่งว่า “ผมได้ดูตามโซเชียล เห็นคนพวกหนึ่ง 4-5 ตัวที่ตื่นเช้าด่ารัฐบาล บ่ายด่ารัฐบาล มองโลกแย่ไปหมด สงสัยคงอยากได้เชือก ไอ้พวกนี้นะ ชีวิตมันอีกนิดเดียว ก็จะผูกคอตาย เพราะมันมองโลกแย่ไปหมด ด่าอยู่นั่น มีอยู่ 4-5 ตัวที่ด่า พวกนี้สงสัยคงอยากได้เชือก แต่มีอยู่ไม่กี่คน เหลือแต่ด่าพ่อด่าแม่ตัวมัน รู้สึกสมเพชคนพวกนี้”
ยิ่ง “ทักษิณ” ท้ารบ-ท้าต่อย ยิ่งทำให้ “แนวต้าน” คู่แค้นเก่า คู่แค้นใหม่ ออกมาประจันสู้ไม่ถอย จนขยายตัวมากขึ้น ไล่ตั้งแต่ลูกน้องเก่า “จตุพร พรหมพันธุ์” ที่ในระยะหลังเปิดหน้าด่ากันมาหลายครั้ง
รวมถึง “สนธิ ลิ้มทองสกุล” อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศเตรียมลงถนนสู้ยกสุดท้าย ทักท้วงปมเอ็มโอยู 44 เกี่ยวกับพื้นที่ของไทย-กัมพูชา ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด
ทั้ง “จตุพร - สนธิ” ผ่านการจัดเวทีม็อบมาอย่างโชกโชน ย่อมรู้ไทม์มิ่งม็อบเป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวในช่วงนี้ถือว่าวอร์มเครื่องให้ร้อน เนื่องจากยังไม่มีเงื่อนปมที่ “รัฐบาลแพทองธาร” ก้าวพลาดอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามปมเสี่ยงของ “รัฐบาลแพทองธาร” ในขณะนี้ถูกโฟกัสไปที่ตัวของ “ทักษิณ” เดินแรง ออกตัวแรง ในฐานะ “พ่อนายกฯ” สั่งการทั้งทางลับ-ทางเปิด แถมปม “ป่วยทิพย์” ยังเป็นแผลให้รอขยายผล
จึงต้องติดตามว่านักจัดม็อบมืออาชีพ “จตุพร - สนธิ” จะมีแรงขับเคลื่อนม็อบ มีเงื่อนไข สร้างเงื่อนปม มาสู้กับ “ทักษิณ” ที่เชื่อมั่นว่า “หัวขบวนอนุรักษ์” มาแบ็กอัพเต็มที่ได้หรือไม่
นับหนึ่งเช็กบิล 5 นักร้อง
1. “ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ทนายความอิสระ “ทักษิณ” ได้มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินคดีข้อหากระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญที่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 49 กล่าวอ้าง “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. “สนธิญา สวัสดี” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง 3. “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” นักร้องคู่แค้น โดยล่าสุด ร้อง กกต. ให้สอบ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังถือหุ้นอัลไพน์หลังนั่งนายกฯ โดยให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญฟันพ้นเก้าอี้
4. “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” อดีต สส. นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่จะไปยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง กรณี กรมราชทัณฑ์ไม่ได้ขออนุญาตศาล ก่อนพาตัว “ทักษิณ” ไปรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
5. “วรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี โดยยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้สอบ “ทักษิณ” ครอบงำ “แพทองธาร-เพื่อไทย” และให้สอบ 4 ประเด็นที่หาเสียงไว้ในการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี
โดยล่าสุด “วรงค์” ออกมาเปิดข้อสังเกตสมาชิกแพทยสภา ปมป่วยทิพย์หลายประเด็น อาทิ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงพอจริงหรือ ไม่มีทีมแพทย์ และพยาบาลจริงหรือ จึงไม่สามารถรักษานายทักษิณได้ ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ
จับตาอหังการ ‘ทักษิณ’
อหังการชายชื่อ “ทักษิณ” ไม่มีทางหยุดอยู่แค่นี้ เมื่อมีอำนาจมักจะใช้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู วางเกมการเมืองเชือดเฉือน พร้อมท้าชนทุกคนที่ยืนขวาง
ทว่า เดิมพันของ “ทักษิณ-เพื่อไทย” คือ การเลือกตั้งปี 2570 เหลืออีก 2 ปีกว่าจะครบเทอมรัฐบาล โจทย์ใหญ่คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อกอบกู้คะแนนนิยมกลับมา
โดยเฉพาะสารพัดนโยบายเศรษฐกิจ ในแบบฉบับเพื่อไทยซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง “นโยบายประชานิยม” เห็นชัดจากคำประกาศิตของ “นายใหญ่” ประกาศกร้าวบนเวทีหาเสียงที่เชียงราย
ไม่ว่าจะเป็นนโยบายพลังงาน ที่ต้อง “ทุบค่าไฟ” เหลือ 3.70 บาท ประเด็นนี้หากยังจำกันได้ในวันสัมมนาพรรคเพื่อไทยเมื่อช่วงเดือนธ.ค. “ทักษิณ” ก็เคยโชว์วิชั่นแก้ปัญหาราคาค่าไฟ ที่ต้องรีดให้เหลือ “3 กลางๆ”
ตัวเลขดังกล่าวดูเหมือนจะออกแนวแทงสวน แถมเกทับ “เจ้ากระทรวง” ซึ่งอยู่ในการควบคุมของ “เดอะตุ๋ย” แห่งพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนหน้านี้ประกาศพยายามตรึงราคาค่าไฟฟ้าสำหรับคนระดับฐานล่าง ไว้ที่หน่วยละ 3.99 บาท
หรือแม้แต่ นโยบายจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคน คนละ 10,000 บาทในวันที่ 29 ม.ค.นี้ โดยจะใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังไม่นับรวมไปถึงการปรับโครงสร้างการผ่อนบ้าน และรถ ซึ่ง “ทักษิณ” ประกาศบนเวทีเสมือนเป็นนายกฯ ตัวจริง
กระทั่งบรรดา “เสนาบดี” รวมถึง “พลพรรค” ในสังกัดพรรคเพื่อไทยออกมาขานรับแบบฉับพลัน แน่นอนย่อมเป็นการตอกย้ำถึงเกมประชานิยมฉบับพรรคเพื่อไทยที่จะทยอยปล่อยออกมาหลังจากนี้อีกหลายระลอก
ในมิติการเมืองแม้แผนของ “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า จะเน้นไปที่ “นายใหญ่” เกทับอาณาจักรสีน้ำเงินของ “ครูใหญ่” แต่ชั่วโมงนี้ “บ้านใหญ่ต่างค่าย” หลายบ้าน ทั้งสังกัดพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้าง พรรคชาติไทยพัฒนา ต่างอยู่ในเซฟโซน รอจังหวะเหมาะสมก่อนตัดสินใจ
นับจากนี้ไป “ทักษิณ” คือ ศูนย์รวมความขัดแย้งทางการเมือง อาสารับกระสุนแทนลูกสาว “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ทางหนึ่งเหมือนจะเป็นจุดแข็งแบ่งบทกันเล่น แบ่งหน้าที่กันทำ ตอกย้ำฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” ตามฉายาที่สื่อตั้งให้ แต่อีกทางหนึ่งชื่อ “ทักษิณ” มักจะเรียกศัตรูเข้ามาถล่ม จนอาจจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาล
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์