ศึกซักฟอกวัด 2 สูตรปรับครม. จับตาดึง“มือโปร”เสริมทัพ สลับโควตาดันผลงาน
ศึกซักฟอกวัด 2 สูตรปรับครม. จับตาดึง“มือโปร”เสริมทัพ สลับโควตากระทรวงดันผลงาน ลุ้นปรับก่อนอภิปรายแก้เกม หรือปรับใหญ่เมษา-ชอบธรรม
KEY
POINTS
- กระแสข่าวปรับ คณะรัฐมนตรี กลับมาอื้ออึงอีกครั้ง วงสนทนาลับของคนการเมืองหลายวง คาดการณ์กันว่า ครม.แพทองธาร 2 จะคลอดออกมาในเร็ววัน
- ลุ้นปรับก่อน "ฝ่ายค้าน" ยื่นญัตติซักฟอก เพื่อหลบปมร้อนของรัฐมนตรีบางคน อีกทางรอปรับหลังศึกซักฟอก หากรัฐมนตรีคนไหนโดนเชือดคาสภา จะได้มีความชอบธรรม
- การเมืองไทย กำลังเข้าสู่ช่วง “วัดใจ-วัดพลัง” ทั้ง"นายใหญ่-ครูใหญ่-คนหลังฉาก" โดยจังหวะนี้ มาตรวัดอยู่ที่ศึกซักฟอก ว่าจะชิงเหลี่ยมกันอย่างไร อีกไม่นานรู้กัน
กระแสข่าวปรับ คณะรัฐมนตรี กลับมาอื้ออึงอีกครั้ง วงสนทนาลับของคนการเมืองหลายวง คาดการณ์กันว่า ครม.แพทองธาร 2 จะคลอดออกมาในเร็ววัน โดยมี “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า คัดกรอง และคัดเลือกด้วยตัวเอง มีเพียงบางส่วนที่ “ลูกสาว” จะเลือกคนไว้ใจมาทำงาน
ต้องยอมรับว่า ผ่านมาเกือบ 2 ปี “รัฐบาลเพื่อไทย” ยังไม่มีผลงานเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ นโยบายเรือธงที่ดำเนินการไปแล้วบางส่วนอย่าง “แจกหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต” ไม่สามารถสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลมุ่งหวัง
เนื่องจาก “นายใหญ่-บิ๊กเพื่อไทย” เดินเกมอย่างระมัดระวัง ลดจุดเสี่ยงเรื่องงบประมาณ จนต้องซอยโครงการออกเป็นหลายเฟส การกระตุ้นเศรษฐกิจจึงมีข้อจำกัด
ขณะเดียวกัน นโยบายเรือธงอื่นๆ บางนโยบายไม่มีความคืบหน้า บางนโยบายอยู่ในขั้นตอนของการเสนอกฎหมาย แต่เงื่อนไขเวลาที่เหลือเพียง 2 ปี กับภารกิจกระชากคะแนนนิยมคืนกลับมา ถือเป็นโจทย์ยากที่ท้าทายนายกฯหลังม่าน “ทักษิณ ชินวัตร”
ว่ากันว่า การขับเคลื่อนของ “สองนายกฯ” คู่ขนาน “ทักษิณ-แพทองธาร” กำลังถูกจับจ้องไปที่การปรับครม.ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี เพื่อเปลี่ยนเอา “มือทำงาน” มาดำรงตำแหน่งสำคัญ เพราะสถานการณ์และนโยบายของรัฐบาลจะเข้มข้นมากขึ้น
ส่อง 3 มุม ปรับครม.แพทองธาร
มิติแรก ยังต้องตอบโจทย์ทางการเมืองเรื่องโควตากลุ่ม-ก๊วนทางการเมือง เพื่อรักษาเสถียรภาพภายในของ “พรรคเพื่อไทย” เพราะแม้ “นายใหญ่” จะประกาศไม่ให้ สส. มีกลุ่ม-ก๊วน แต่สภาพจริง ก็ยังมีระบบที่ให้ “บิ๊กการเมือง” เป็นเจ้าภาพหลักดูแล สส.อย่างต่อเนื่อง
มิติสอง มีโควตาของ “คนตระกูลชินวัตร” โดย “แพทองธาร” ก็มีมือไม้ที่ไว้วางใจให้ทำงานอยู่ในตำแหน่ง “รัฐมนตรี” หลายคน เช่นเดียวกับ “ทีมเครือญาติ” ที่เทคโอเวอร์บางกระทรวง ถือตั๋วเป็น “เจ้าภาพ” หลัก
มิติสาม สองนายกฯ พ่อลูก “ทักษิณ-แพทองธาร” จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหา “มือโปร” มาทำงาน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเกือบ 2 ปี รัฐบาลเศรษฐา-รัฐบาลแพทองธาร ยังขาดจุดแข็งในส่วนนี้อยู่มาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ “ทักษิณ” พ้นโทษออกจากโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าตัวเปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า พร้อมทั้งเดินสายพูดคุยกับนักธุรกิจชั้นนำ หารือคนรุ่นใหม่ ได้พบปะผู้คนหลากหลายวงการมากขึ้น จึงมีโอกาสทาบทาม “มือโปร” ในแต่ละด้านเข้ามาช่วยงาน
แตกต่างจากก่อนหน้านี้ “นายใหญ่” ยังมีข้อจำกัดในการเดินสายพบปะผู้คน มีเพียงคนสนิท คนอยากสนิท ที่เข้าถึงตัว รายงานข้อมูลต่างๆ ให้นายใหญ่ตัดสินใจ บางเรื่องอาจจะจริงแค่บางส่วน บางเรื่องอาจจะไม่จริงทั้งหมด ทำให้ข้อมูลในการตัดสินใจมีข้อจำกัด
มาถึงจุดนี้ เมื่อ “ทักษิณ” สามารถประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลอย่างรอบด้าน รวมถึงประเมินบุคคลที่จะสามารถเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤติได้ จึงคาดหมายกันว่า การปรับครม.รอบนี้ จะพิสูจน์ฝีมือ และคอนเน็กชันการเมืองนายใหญ่ได้อย่างแท้จริง
ลุ้นปรับก่อน แก้เกมศึกซักฟอก
สำหรับการปรับ ครม.มีการวิเคราะห์กันว่า อาจจะต้องจับตาดู 2 ห้วงเวลา คือปรับก่อนที่ฝ่ายค้านจะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หากนายใหญ่ตัดสินใจเลือกจังหวะนี้ ก็คาดการณ์ว่า อาจจะดำเนินการในช่วงกลางเดือน ก.พ.
เนื่องจากเมื่อ “ฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติซักฟอกแล้ว “นายกฯอิ๊งค์” ย่อมไม่มีอำนาจยุบสภา หากเลือกเดินเกมแบบระมัดระวังมากที่สุด อาจจะต้องโยก “รัฐมนตรี” ที่มีโอกาสโดนซักฟอก ออกจากตำแหน่งเสียก่อน
โดยเฉพาะ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถูก“ขั้วฝ่ายค้าน” จองกฐินซักฟอกปมที่ดินเขากระโดง ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดิน ซึ่งเปิดศึกภายในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองกับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ รมว.คมนาคม ที่กำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทย
หากปล่อยให้ “อนุทิน” เดินเข้าเขตเรดโซน โดนขึงในศึกซักฟอก ความยากจะอยู่ที่การโหวตไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ เพราะหาก สส.เพื่อไทย โหวตไว้วางใจ จะขัดกับจุดยืนของ สุริยะ-รฟท. ที่ต้องการยึดคำสั่งศาล และยืนยันมาตลอดว่าเขากระโดงเป็นที่ดินของการรถไฟ
เมื่อมีโจทย์ยาก “นายใหญ่” คนคอนโทรลเกม อาจต้องหาวิธีแก้เกม ดังนั้นการปรับครม.ก่อนศึกซักฟอกเพื่อแก้ปมปัญหาจึงมีโอกาสเกิดขึ้น
อีกทั้งยังมีกระแสข่าว “บิ๊กสีน้ำเงิน” ไม่แฮปปี้กับกระทรวงคลองหลอด อยากกลับไปบัญชาการที่ “กระทรวงหมอ” ที่มีเครือข่าย อสม.ซึ่งเป็นประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า
เช่นเดียวกับหลายกระทรวงที่เริ่มมี “สายลับสีกากี” ส่งข้อมูลให้ “ขุนพลสีส้ม” ได้ชำแหละแผล ว่ากันว่า “ขุนพลสีแดง” ก็วิ่งหาข้อมูลเพื่อแก้ทาง-แก้เกม ไม่ให้กระทบกัน “นายกฯหญิง”กันจ้าละหวั่น
ปรับหลังซักฟอก ชอบธรรมเปลี่ยนรมต.
ในห้วงที่สอง การปรับครม.อาจเกิดขึ้นหลังศึกซักฟอก คาดการณ์กันว่า จะเป็นการปรับใหญ่ในช่วงเดือน เม.ย.
หากเลือกทางนี้ หมายถึงนายใหญ่เพื่อไทยปล่อยให้เกมเดินหน้า เพราะรู้ว่า“รัฐมนตรี”บางคนสุ่มเสี่ยงจะโดนซักฟอก ก็ต้องใช้สถานการณ์นี้ วัดใจกันว่า “พรรคร่วมรัฐบาล” จะมีทิศทางการโหวตแบบไหน
แม้จะเป็นเกมเสี่ยง แต่นายใหญ่เพื่อไทยย่อมประเมินออกว่า “คนหลังฉาก” ของแต่ละพรรค คิดอ่าน-คิดเกมอย่างไร
ที่สำคัญการปรับ ครม.หลังศึกซักฟอก จะมีความชอบธรรมค่อนข้างสูง เพราะหากมี “รัฐมนตรี” ถูกอภิปรายแล้วไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ จะโดนเขี่ยออก จะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลแพทองธาร พอมีแต้มติดมือได้บ้าง
จับตาแลกโควตากระทรวงดันผลงาน
ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า นายใหญ่ต้องการสลับสับเปลี่ยนกระทรวงบางกระทรวง เพื่อสร้างผลงานตามนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้
เบื้องต้น โฟกัสไปที่กระทรวงแรงงาน เนื่องจากมีเดิมพันค่าแรง 600 บาททั่วประเทศในปี 2570 ที่ “นายกฯอิ๊งค์” เคยประกาศเอาไว้ด้วยตัวเอง หากต้องการยึดมาสานต่อนโยบาย ต้องจับตาว่าจะต้องเอากระทรวงไหนไปแลกโควตากับ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน”
นอกจากนี้ ต้องจับตาการประเมินผลงานของ “รัฐมนตรี” ในโควตาพรรคเพื่อไทย ที่มีหลายคนอยู่ในลิสต์ไม่ผ่าน KPI ที่วางเอาไว้
การเมืองไทย กำลังเข้าสู่ช่วง “วัดใจ-วัดพลัง” ทั้ง"นายใหญ่-ครูใหญ่-คนหลังฉาก" โดยจังหวะนี้ มาตรวัดอยู่ที่ศึกซักฟอก ว่าจะชิงเหลี่ยมกันอย่างไร อีกไม่นานรู้กัน