'วุฒิสภา' รับหลักการ ร่างกม.ประมง ห่วงบางเงื่อนไขกระทบระบบ-สัตว์ทะเล

'วุฒิสภา' รับหลักการ ร่างกม.ประมง ห่วงบางเงื่อนไขกระทบระบบ-สัตว์ทะเล

"วุฒิสภา" ลงมติรับหลักการ ร่างกม.ประมง 165 เสียง ต่อ 11 เสียง พบสว.ท้วงติงการเปิดให้จับสัตว์น้ำวัยอ่อน ห่วงกระทบระบบนิเวศน์ทางทะเล-สัตว์ทะเล

ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมวุฒิสภา ซึ่งมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากสภาผู้แทนราษฎร  ทั้งนี้ที่ประชุมวุฒิสภา ได้ลงมติเห็นด้วย  165 เสียง ต่อ 11 เสียง  และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน  21 คน พิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการอภิปรายของสว. ที่ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเนื้อหาตอนหนึ่งระบุถึงมาตรการการป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมายและการลักลอบใช้อุปกรณ์จับสัตว์น้ำ เช่น อวนตาถี่ ที่จะมีผลกระทบต่อสัตว์ทะเล

โดยนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. เห็นด้วยกับการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว แต่มีข้อกังวล 4 ประเด็นเกี่ยวกับการผ่อนปรน เช่น การยกเลิกบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับสัตว์น้ำ กระทบการคุ้มครองสวัสดิภาพในการทำงานของแรงงาน  สัดส่วนภาคแรงงานที่ไม่มีในคณะกรรมการนโยบายการประมงทั้งระดับชาติและระดับจังหวัด และการเพิ่มข้อยกเว้นให้สามารถใช้เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตรนอกเขต 12 ไมล์ทะเลในการทำประมงเวลากลางคืน โดยกังวลว่าจะไปจับสัตว์น้ำวัยอ่อนลูกปลาทางเศรษฐกิจ 

“มีโอกาสเสี่ยงที่จะไปจับลูกสัตว์น้ำบริเวณดังกล่าวจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะน้อยกว่าชายฝั่งแปลว่าไม่ได้ปฏิเสธว่ากระทบหรือโอกาสการล้อมจับที่อวนตาถี่จับสัตว์น้ำตัวเล็ก” นายเทวฤทธิ์กล่าว 

ขณะที่นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. กล่าวว่า ตนกังวลในการแก้ไขกฎหมายจะทำให้เกิดปัญหามาในหลายมิติ เช่น ลดทอนโอกาสในตลาดเศรษฐกิจ โดยหยิบยกการแก้ไขเปิดให้ใช้อวนตาถี่น้อยกว่า 2.5 เซนติเมตรจับสัตว์น้ำตอนกลางคืนในระยะกว่า 12 ไมล์ทะเลได้ เพื่อเปิดให้ประมงพาณิชย์จับปลากะตักได้มากขึ้น แต่จะทำให้จำนวนสัตว์น้ำทางเศรษฐกิจลดลง โดยเฉพาะการเปิดไฟล่อจับ ทำให้ในอนาคตจะจับสัตว์น้ำได้น้อยลง

ทางด้านนายเศรณี อนิลบล สว. อภิปรายว่า มีการชุมนุมของกลุ่มประมงพาณิชย์ กับกลุ่มประมงพื้นบ้าน จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยหยิบยกเรื่องการ แก้ไขมาตรา 69 ว่าเกิดความไม่สบายใจและเป็นห่วง โดยเฉพาะการเปิดให้จับในเวลากลางคืน ให้มีไฟล่อตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่ประกาศ  หากทำประมงเช่นนี้ จะทำให้มีการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน จะเป็นการตัดตอนการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำวัยอ่อนอีกทั้งเป็นการทำลายห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศอย่างร้ายแรง  

“มีคนเค้านินทามีคนเค้าบอกว่าถ้าจะทำแบบนี้ต้องไปจ่ายตรงนั้นตรงนี้ อันนี้ผมไม่ได้พูดผมฟังเขาพูดกันมาเค้านินทากันว่าเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นการออกกฏหมายข้อนี้จะบังคับได้หรือไม่” นายเศรณีกล่าว

ขณะที่นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง  ชี้แจงตอนหนึ่งในข้อทักท้วงของสว. ว่า  กรมประมงจะต้องนำข้อมูลทั้งหมดไปขอความเห็นชอบและกลับมาสู่กระบวนการตามกฏหมายวิธีประเมินประสิทธิผลทางกฎหมายคือการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง หากผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่ายังไม่มีข้อมูลเพียงพอ จำเป็นต้องต้องใช้การทดลองทางวิชาการหรืออิงจากสถาบันใดเข้ามาช่วยก็ต้องมีการช่วยกันเพื่อนำทรัพยากรอันมีค่ามาใช้เกิดประโยชน์สูงสุด.