'วิโรจน์' ลั่น กกต.ต้องยื่นตรงต่อโรงงาน อำนวยลูกจ้างไปเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ.
'วิโรจน์' ลั่น กกต.ต้องร่อนหนังสืออำนวยความสะดวกลูกจ้างไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายก อบจ. 1 ก.พ. โดยตรงถึงสถานประกอบการ-โรงงาน ไม่ใช่ออกเอกสารราชการแค่ 1 หน้า A4 ไม่เพียงพอ ลั่นต้องตีปี๊บ ปลุกประชาชนตื่นตัว ชวนหย่อนบัตรด้วย
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อขอให้ กกต.ออกหนังสือถึงโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศให้อนุญาตลูกจ้างลาไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2568
โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคประชาชนได้มีข้อสังเกตว่าการที่กกต.จัดการเลือกตั้งอบจ.ให้เป็นวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2568 ซึ่งในวันดังกล่าวสถานประกอบการรวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งก็มีการทำงานในวันเสาร์ ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคทำให้ประชาชนไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งๆ ที่หลายคนมีความประสงค์ที่จะออกมาใช้สิทธิ์
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในวันที่ 6 พ.ย.2567 กกต.ได้มีหนังสือชี้แจงต่อสาธารณชนว่าจะมีหนังสือแจ้งไปยังสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด สถานประกอบการ และห้างร้านต่างๆ ให้อำนวยความสะดวกกับลูกจ้างพนักงานให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอบจ. แต่เท่าที่ตรวจสอบในขณะนี้ก็ยังไม่มีหนังสือยังไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ จากทางกกต. ตนจึงมายื่นหนังสือต่อเพื่อเตือนกกต.ให้ทำหนังสือรีบประสานและเน้นย้ำกับผู้ประกอบการต่างๆอำนวยความสะดวกให้กับลูกจ้างออกไปใช้สิทธิ์ เพราะหากคนมาใช้สิทธิ์น้อย กกต.ต้องรับผิดชอบ และสังคมวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตน ทั้งนี้ กกต.มักให้เหตุผลว่า ในมาตรา 117 ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ได้กำหนดว่าห้ามนายจ้างขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท แต่โลกแห่งความเป็นจริงจะมีจะมีลูกจ้างคนไหนจะไปแจ้งความเอาผิดนายจ้างซึ่งเป็นไปไม่ได้
เมื่อถามว่าทราบความคืบหน้าเรื่องที่เลขาฯ กกต.ได้ส่งหนังสือถึงปลัดกระทรวงแรงงาน และปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอความร่วมมือให้ลูกจ้างสามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ. โดยส่งตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.2567 แล้วหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็เป็นการประสานราชการต่อราชการ แต่ตนเห็นว่า กกต. ควรทำหนังสือประสานตรงไปยังผู้ประกอบการต่าง ๆ เลย และอาจจะอธิบายมาตรา 117 ด้วยว่า นายจ้างมีความจำเป็นต้องอำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2568 เช่น อาจจะไม่นับเป็นวันลาหรือมีมาตรการใดๆ จูงใจ หรือสนัสนุนให้พนักงานในสังกัดของตนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ต้องทำงานทำหน้าที่ของตนให้มากกว่านี้ ไม่ใช่แทงหนังสือไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องแค่นั้นแล้วจบ คิดว่าต้องทำทั้งระบบ และกระวีกระวาดมากกว่านี้ ตอนนี้หากถามห้างร้าน สถานประกอบการอาจทราบ แต่จากการที่สส.ของเราไปสอบถามมา ไม่พบว่าเขารู้จากการบอกต่อกันมา แต่ไม่มีหนังสือตรงจากหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีหนังสือตรงจาก กกต.เลย
“สิ่งที่กกต.ทำได้มากกว่าการทำหนังสือคือ การทำสื่อประชาสัมพันธ์ออกมา ที่ต้องมีน้ำหนักในการสื่อสารอย่างกว้างขวาง เรายังไม่เห็นการกระทำนั้นอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่โพสต์ ๆ เดียวในเฟซบุ๊ก หรือทำหนังสือ 1 หน้า A4 ถึงกระทรวงแรงงาน หรือกรมกองที่เกี่ยวข้องแล้วคิดว่าจบ อย่างนั้นเท่ากับว่า กกต.ก็คำนึงถึงแค่ตัวเองได้ทำอะไร ออกประกาศเป็น A4 1 แผ่นก็พอแล้ว แต่ผมว่ามันไม่พอ มันต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ เช่นผู้ประกอบการในวงกว้าง ภาคประชาชนในวงกว้างทราบดีว่าในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2568 ผู้ประกอบการ ห้างร้านต่างๆ ต้องพร้อมอำนวยความสะดวกและเปิดให้ประชาชน ซึ่งเป็นพนักงานนั้นไปใช้สิทธิ์ เรายังไม่เห็นฝ่ายทรัพยากรบุคคลในการวางแผนสลับกะการทำงานว่าเปิดให้พนักงานไดลาไปเลือกตั้งโดยไม่นับเป็นสิทธิ์การลากิจ เรายังไม่เห็นภาพแบบนี้ในวงกว้าง” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะไปติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงแรงงาน และอุตสาหกรรมที่ดูแลสถานประกอบการ และแรงงานโดยตรง หรือไม่ว่าดำเนินการอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า หลังจากวันนี้จะต้องมีการติดตามว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานที่มาสนธิกำลังกันได้ดำเนินการกระตุ้น หรือแจ้งให้สถานประกอบการทราบหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าหัวเรี่ยวหัวแรงหลักคือ กกต. ซึ่งคาดหวังว่า กกต.จะทำสื่อประชาสัมพันธ์ออกมาในกว้าง เพราะคนที่ตัดสินใจเลือกในวันเสาร์ ก็เป็น กกต.เอง ดังนั้น กกต.ก็พึงที่จะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว กกต.จะอ้างว่าไม่ทราบว่า สถานประกอบการ หรือโรงงานหลายแห่งทำงานในวันเสาร์ไม่ได้ คิดว่าเรื่องนี้ประชาชนก็น่าจะคาดการณ์ได้อยู่แล้ว แต่พอกกต.ไปคาดการณ์เชิงลบว่าการออกมาใช้สิทธิ์อาจจะน้อย แต่กลับไม่กระวีกระวาดในการทำสื่อเข้าถึงประชาชนและผู้ประกอบการอย่างกว้างขวาง ยังไม่เห็นกกต.พูดถึงมาตรา 117 รวมถึงไม่เห็นการขอความร่วมมือผู้ประกอบการอย่างจริงจัง ไม่เห็นการขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์เลย ย้ำว่าถ้าเป็นไปได้กกต.ควรทำหนังสือตรงไปยังสถานประกอบการทุกแห่ง และขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้
นายวิโรจน์ กล่าวถึงการทำงานของ กกต.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ.ว่า อบจ.เป็นการบริหารในส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวพันโดยตรงกับการพัฒนาสาธารณูปโภค และคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จริงๆ ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญ และงบประมาณที่อบจ.ได้รับและมีสิทธิ์ในการบริหารจัดการหลายที่เป็นเม็ดเงินมหาศาล อย่างที่จังหวัดจันทบุรี 741 ล้านบาทต่อปี 4 ปีประมาณ 3 พันล้านบาท แต่ยังไม่เห็นบทบาทกกต.ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งอบจ.ครั้งนี้อย่างมากเพียงพอ ไม่มีความกระวีกระวาดที่อยากเห็นการมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปรากฎการณ์ เหมือนกับว่า เรารู้สึกและกังวลการทำงานของกกต. จะเหมือนหน่วยงานที่ออกกระดาษ A4 ไปแล้วบอกว่าทำไปแล้ว แต่ไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ หรือผลสัมฤทธิ์ที่ควรจะเป็นคือ ประชาชนตื่นตัว นายจ้าง สถานประกอบการให้ความร่วมมือ มีการตื่นตัวร่วมกัน ตนอยากเห็นท้องถิ่นพัฒนาจากการเลือกตั้ง อบจ.