วิชั่น‘ทักษิณ’2ปีดัน‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ 'นายทุน-การเมือง'รุกชิงทำเลทอง

วิชั่น‘ทักษิณ’2ปีดัน‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ 'นายทุน-การเมือง'รุกชิงทำเลทอง

2 ปีดัน‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ ผ่าปัจจัย‘ทักษิณ’โชว์วิชั่น โกยเรตติ้งเพื่อไทย จับตา‘นายทุน-การเมือง’ เปิดเกมรุก ชิง‘ทำเลทอง’

KEY

POINTS

  • เดิมพัน "กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ" 2ปีรัฐบาลแพทองธาร ภายใต้ยุทธศาสตร์ “พ่อคิด-ลูกทำ”
  • จับตา “เกมต่อรอง” ระหว่างกระทรวงการคลัง ที่กำกับดูแลโดยพรรคเพื่อไทย และกระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลโดยพรรคภูมิใจไทย 
  • แน่นอนว่า การติดดาบ “กระทรวง” ใดกระทรวงหนึ่ง ซึ่งกำกับดูแลโดยพรรคการเมือง มีอำนาจเลือกทำเลที่ตั้ง ย่อมเป็นการเปิดช่องอย่างชัดเจน ถึงโอกาสในการเลือกพื้นที่ ทำเลทอง ที่เป็นฐานเสียงของพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง หรือแม้แต่นายทุน เพื่อต่อยอด “ธุรกิจการเมือง” หลังจากนี้

ประกาศิตจาก “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่พรรคเพื่อไทย กลางงานดินเนอร์ทอล์ค หัวข้อเสวนา“Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market”จัดโดยหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา 

พูดถึงกรณี ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันเดียวกัน เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ "กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ระบุว่า จะมีการลงทุน 5 แสนล้าน ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์กระเตื้องขึ้น พร้อมคาดว่า  จะสำเร็จในช่วงรัฐบาลแพทองธาร หรืออีก 2 ปีนับจากนี้ 

เวิร์ดดิ้งดังกล่าว นอกเหนือจากจะเป็นการตอกย้ำ“เกมคู่ขนาน”พรรคเพื่อไทย ภายใต้ยุทธศาสตร์ “พ่อคิด-ลูกทำ”แล้ว ยังถือเป็นการสะท้อนฉากการเมืองที่ต้องจับตาหลังจากนี้

อย่าลืมว่า กระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่ ณ เวลานี้ ยังอยู่ในกระบวนการขั้นต้น หลังผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ในเชิงหลักการ ยังผ่านอีกหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของกฤษฎีกา ที่ก่อนหน้านี้มีข้อท้วงติง ถึงประเด็นความชัดเจนของกฎหมาย ที่มุ่งเน้นการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อสร้างเม็ดเงินที่จะเข้ามาในประเทศ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา 

แต่การรวมกาสิโนถูกกฎหมายเข้าไปใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะถือเป็นประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลหรือไม่ ยังคงต้องพิจารณา 

วิชั่น‘ทักษิณ’2ปีดัน‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ \'นายทุน-การเมือง\'รุกชิงทำเลทอง

 

ฉากหน้าแม้ “ทักษิณ” รวมถึงรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย จะยืนยันหนักแน่นว่า กฤษฎีกาไม่ได้เห็นต่าง แต่เป็นการเสนอแนะให้ไปดูเนื้อที่อาจมีในส่วนของกาสิโนมากเกินไป ทั้งที่ในความเป็นจริง เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีถึง 90% ขณะที่ตัวกาสิโนมีแค่ 10% หลังจากนี้ต้องมีการเขียนกฎหมายใหม่ ให้ตรงกับนโยบายของรัฐบาล

ทว่า สัญญาณที่เกิดขึ้นเวลานี้ยังต้องจับตาอีกหลายฉากหลายตอนหากกฎหมายฉบับนี้ผ่านกฤษฎีกา  ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอกฎหมายเข้าสู่สภา เมื่อถึงเวลานั้น “เกมการเมือง” อาจยังต้องลุ้นกันที่อำนาจต่อรองที่ต่างฝ่ายต่างถือในมือ

เช็กท่าทีแต่ละพรรคการเมืองเวลานี้ “พรรคร่วมรัฐบาล”  ไล่ตั้งแต่ “ภูมิใจไทย”  อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่แม้จะบอกถึงท่าทีของกระทรวงมหาดไทย  "เห็นด้วย" ในหลักการและได้แนบความเห็นต่างๆต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ปรับปรุงร่างกฎหมาย

ทว่าจุดยืนดังกล่าวอาจไม่ได้หมายรวมไปถึง “พลพรรคสีน้ำเงิน”   เพราะอย่างที่รู้กันนับตั้งแต่เริ่ม “ตั้งไข่” นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เมื่อครั้งเสนอเป็นรายงานผลการศึกษาเข้าสภา

ท่าทีของภูมิใจไทย สะท้อนหลายฉากหลายตอน ในลักษณะกลับไปกลับมา ทั้งการส่งบทให้  "กลุ่มยังบลัด"นำโดย "ไชยชนก ชิดชอบ"  เลขาธิการพรรค แถลงจุดยืนของพรรคคัดค้าน 4 ข้อ

1.ร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้แก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย

2.ยังไม่ชัดเจน เรื่องผลประโยชน์ต่อรัฐ และประชาชนมากพอที่จะลงทุนทำเรื่องนี้ 

3.ไม่เชื่อว่า กาสิโนจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศได้ 

4.ยังไม่เห็นมาตรการใดในร่างกฎหมาย จะเอื้อประโยชนต่อการว่าจ้างแรงงานไทย

วิชั่น‘ทักษิณ’2ปีดัน‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ \'นายทุน-การเมือง\'รุกชิงทำเลทอง

จับอาการ ภท.หนุนแบบ “มีเงื่อนไข”?  

เวลาต่อมา ท่ามกลาง “เกมต่อรอง”ทางการเมือง ที่ว่ากันว่า มีการแลกเปลี่ยนกันระหว่าง "นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ"  ของพรรคเพื่อไทย และ“นโยบายกัญชา” อันถือเป็นเรือธงของพรรคภูมิใจไทย

ท่าทีของ “อนุทิน”กลับตรงกันข้ามกับท่าทีพรรคโดยสิ้นเชิง โดยยืนยันถึงจุดยืนพรรค ในการรักษามารยาทการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยการ “สนับสนุน”กฎหมายฉบับดังกล่าว

ถึงเวลานี้ แม้ “อนุทิน” จะแสดงจุดยืนในฐานะ รมว.มหาดไทย แต่หากไล่ลงลึกไปจริงๆ จะพบว่า ซ่อนไว้ซึ่งประเด็นต่อรองอีกมากมาย ถึงที่สุดอาจเป็นการ “สนับสนุน”แบบมีเงื่อนไข 

โดยเฉพาะท่าทีของ “มท.หนู” ที่ยอมรับว่า  กระทรวงมหาดไทยได้ทำความเห็นประกอบเข้าไป โดยเฉพาะการผนวกเอา พ.ร.บ.การพนัน ซึ่งอยู่ในอำนาจกระทรวงมหาดไทย และ พ.ร.บ.อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปด้วย 

สอดคล้องกับข้อมูลอ้างถึง “แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล” ที่ระบุว่าในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้ทำความเห็นในทำนองว่า การให้ใบอนุญาตตั้งสถานบันเทิงครบวงจร เดิมเป็นอำนาจกระทรวงคลัง อยากให้ปรับมาเป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทย

‘นายทุน-การเมือง’ เปิดเกมรุก ชิง‘ทำเลทอง’

เป็นการตอกย้ำถึง “เกมต่อรองดุลอำนาจ” ระหว่างกระทรวงการคลัง ที่กำกับดูแลโดยพรรคเพื่อไทย และกระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลโดยพรรคภูมิใจไทย 

แน่นอนว่า การติดดาบ “กระทรวง” ใดกระทรวงหนึ่ง ซึ่งกำกับดูแลโดยพรรคการเมือง มีอำนาจเลือกทำเลที่ตั้ง "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ย่อมเป็นการเปิดช่องอย่างชัดเจน ถึงโอกาสในการเลือกพื้นที่ หรือทำเลทอง ที่เป็นฐานเสียงของพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง หรือแม้แต่นายทุน เพื่อต่อยอด “ธุรกิจการเมือง” หลังจากนี้

อันที่จริงประเด็นนี้ เคยมีการพูดถึงมาตั้งแต่ชั้นเสนอเป็นรายงานเข้าสภาฯ ซึ่ง“สส.ฝ่ายค้าน”เคยเปิดฉากชำแหละข้อพิรุธ “3 ยักษ์ใหญ่” ในจำนวนนี้ มี“นายทุน”พรรคการเมืองซีกรัฐบาล ไปเซ็นสัญญาณพื้นที่บริเวณสนามบินอู่ตะเภา ทิ้งไว้ซึ่งคำถามว่า เป็นการล็อกสเปกหรือไม่  

หลังจากนี้ จึงต้องรอวัดใจ “พรรคภูมิใจไทย” ที่ไม่ใช่เฉพาะท่าทีพรรค แต่น่าจะมีผลไปถึงท่าที และจุดยืนของ “วุฒิสภา” ซึ่งถือเป็นปราการด่านสุดท้าย ที่จะผ่านกฎหมาย ซึ่งอยู่ภายใต้คอนโทรล“สีน้ำเงิน” ว่าจะได้รับสัญญาณใดหลังจากนี้ 

วิชั่น‘ทักษิณ’2ปีดัน‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ \'นายทุน-การเมือง\'รุกชิงทำเลทอง

 “พรรคร่วมรัฐบาล”รอสัญญาณไฟเขียว

ไม่ต่าง “พรรครวมไทยสร้างชาติ”ที่อาจสนับสนุนแบบมีเงื่อนไขเช่นเดียวกัน 

ล่าสุด "อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์" สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่า หากกฎหมายฉบับนี้เข้ามาสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนพรรคต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่มีผลกระทบและเกี่ยวข้องกับประชาชน ที่สำคัญกฎหมาย ฉบับนี้มีผลผูกพันกับกฎหมายอีกหลายฉบับ จึงต้องใช้การพิจารณาด้วยความรอบคอบ และใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ

ขณะที่อีกหนึ่งพรรค “ประชาชาติ” แม้จะยอมรับมติวิปรัฐบาล แต่มีแนวโน้มสูงว่า ไม่สนับสนุนแน่นอน เพราะเป็น สส.ในเขตพื้นที่มุสลิม ซึ่งถือว่าขัดกับหลักศาสนา

แม้นาทีนี้ “เพื่อไทย” จะถือแต้มต่อในแง่อำนาจบริหาร รวมถึงแง่นิติบัญญัติ ซึ่งมีเสียง สส.ในมือไม่น้อย แต่ด้วยสารพัด“ด่านหิน”ที่อยู่เบื้องหน้า จึงต้องเผชิญ“เกมต่อรอง”จากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างหนัก 

จุดนี้เอง อาจเป็นตัวชี้วัดว่า ประกาศศิตของ“นายใหญ่”เพื่อไทยขีดเส้น 2 ปี ดัน"เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" เพื่อโกยเรตติ้งรัฐบาล จะทำได้หรือไม่

โอกาสสำเร็จก็มี ขณะที่โอกาสที่จะเจอ“กับดัก”ระหว่างทาง ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน