ปมอัลไพน์ดาบ 2 ฟัน ‘ชินวัตร’ ‘ทักษิณ’ ตั้งรับจริยธรรม ‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’

ปมอัลไพน์ดาบ 2 ฟัน ‘ชินวัตร’ ‘ทักษิณ’ ตั้งรับปมร้อน ‘จริยธรรม’ 4 ตัวละครร่วมจ่าย 7 พันล้าน เปิด 5 ทางออก จับตา “เช่าระยะยาว - ตรา พ.ร.บ.”
KEY
POINTS
- หลัง “ชำนาญวิทย์ เตรัตน์” รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เซ็นลงนามเซ็นเพิกถอนการจดทะเบียนฯ และนิติกรรมต่างๆ ที่ดิน
“บทสรุป” ที่ดูเหมือนจะยังมีอีกหลายฉากหลายตอน ให้ต้องจับตา “ภาคต่อ” หลัง “ชำนาญวิทย์ เตรัตน์” รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เซ็นลงนามเพิกถอนการจดทะเบียนฯ และนิติกรรมต่างๆ ที่ดิน “สนามกอล์ฟอัลไพน์” แล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.68 ที่ผ่านมา
ขั้นตอนต่อจากนี้ “กรมที่ดิน” จะต้องดำเนินการ แจ้งผลการพิจารณาของรองปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมแจ้งสิทธิการฟ้องคดีให้ผู้มีส่วนได้เสียได้รับทราบ
จากนั้น ต้องแจ้งไปยัง จ.ปทุมธานี เพื่อให้สำนักงานที่ดิน จังหวัดปทุมธานี สาขาคลองหลวง ดำเนินการ ตามหมายเหตุการเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนมรดกที่ดิน และขายรวมสองโฉนด ในโฉนดที่ดินเลขที่ 20 และ 1446 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รวมทั้งโฉนดที่ดินแปลงแยกที่ออกสืบเนื่องมาจากโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง กลับมาเป็นทรัพย์มรดกของ "ยายเนื่อม ชำนาญชาติศักดา" เจ้ามรดก มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัยฯ ในฐานะผู้จัดการมรดก สามารถจดทะเบียนโอนมรดกตามพินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ตามมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
เมื่อที่ดินตกเป็นของวัดธรรมิการามวรวิหารแล้ว วัดสามารถนำที่ดินดังกล่าวให้ผู้ครอบครองคนปัจจุบันเช่า หรือออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อโอนสิทธิให้แก่ผู้ครอบครองคนปัจจุบัน หรือโอนที่ดินโดยการตราเป็นพระราชบัญญัติ ตามมาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ นร 0601/908 ลงวันที่ 1 เม.ย.2545 ข้อ 6
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดิน และโฉนดที่ดินตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 2308/2544 ลงวันที่ 20 ธ.ค.2544 สามารถใช้สิทธิยื่นคำฟ้องพร้อมขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองต่อศาล หรือยื่นคำขอให้กระทรวงมหาดไทย/กรมที่ดิน ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ได้
“4 ตัวละครร่วม” ชดใช้ 7.7 พันล้าน
ก่อนหน้านี้กรมที่ดิน ได้ประเมินมูลค่าความเสียหาย ที่กรมที่ดิน มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวชินวัตร และบริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด (ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ราชธานี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด) อาจจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายในคดีแพ่งคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 7,700 ล้านบาท (แบ่งเป็นทรัพย์ตามมูลค่าตลาดประมาณ 7,228 ล้านบาท และทุนทรัพย์จำนอง 439.05 ล้านบาท)
หากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินในปัจจุบัน ซึ่งมีจำนวน 533 ราย และผู้รับจำนองอีก 30 ราย ยื่นฟ้องกรมที่ดิน และบริษัทที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากได้รับความเสียหายจากกรณีที่มีการเพิกถอนการนิติกรรมที่ดินอัลไพน์
จับตาทางออก “เช่าระยะยาว-ตรา พ.ร.บ.”
ต่อจากนี้ต้องจับตา เพราะหากมีการ “ฟ้องร้อง” ระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์ เพื่อเรียกค่าเสียหายจาก “4 ตัวละครร่วม” เกิดขึ้นจริง มูลค่าความเสียหายที่ต้องชดใช้ จะมีจำนวนมหาศาลกว่า 7 พันล้าน มิหนำซ้ำกระบวนอาจต้องยืดเยื้อกินเวลา 1 ปีเป็นอย่างน้อย
สอดคล้องกับท่าทีของ “มท.หนู” อนุทิน ที่ยอมรับในทำนองที่ว่า จากจำนวนค่าชดเชยมูลค่ามหาศาลนี้เอง ที่เป็นภาระอันหนักอึ้ง สำหรับกรมที่ดิน เพราะเป็นผู้เก็บค่าธรรมเนียม และออกโฉนดให้แก่ประชาชน
เป็นเช่นนี้ จึงมีความพยายามในการเสนอทางออก แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก : "ทางออกที่ดิน"
1.วัดให้เจ้าของที่ดินคนปัจจุบันเช่า ซึ่งถ้าเช่าเกินกว่า 3 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี ต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักพระพุทธศาสนา
2.วัดขอออกหนังสือรับรองทรัพย์อิงสิทธิ ไม่เกิน 30 ปี
และ 3.วัดโอนที่ดินโดยตราเป็น พ.ร.บ.ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2545 โดยให้เฉพาะบุคคลซึ่งได้สิทธิในที่ดินมาโดยสุจริต
ส่วนที่สอง : การดำเนินการกับสิ่งปลูกสร้าง ทางออกคือ
1. วัดต้องชดใช้ราคาให้กับเจ้าของปัจจุบัน
2.เจ้าของขอรื้อถอนออกไปโดยเรียกค่าเสียหายจากทางราชการ
ต้องจับตาแม้เวลานี้ “รองปลัด มท.” จะมีคำสั่งแบบเป็นทางการให้เพิกถอนการจดทะเบียน ที่ดินอัลไพน์ แต่ตามกระบวนการชั้นต่อไปยังมีอีกหลายชั้นหลายตอนให้ต้องลุ้นเผลอๆ ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะได้ข้อสรุป
การเมืองขยับฉาก “อัลไพน์-เขากระโดง”
ไม่ต่างจาก “เกมการเมือง” ที่ยังคงสะท้อนภาพเกมชิงไหวชิงพริบ ภายใต้อำนาจต่อรองที่ต่างฝ่ายต่างถือในมือ โดยเฉพาะจังหวะก้าวย่างของ “2 ศาสดา”
ทั้ง “ทักษิณ” ในฐานะศาสดาสีแดง ที่เวลานี้มีบ่วงอัลไพน์ และ “เนวิน ชิดชอบ” นายใหญ่สีน้ำเงิน ที่มีกรณีเขากระโดง ค้างคาอยู่ในกระบวนการ และกำลังถูกตั้งคำถามภายใต้มาตรฐานความ “เหมือน-ต่าง” กันของทั้ง 2 กรณี รวมไปถึงเกมแลกหมัดที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
แถมปมร้อนพิพาทเขากระโดง จนถึงเวลานี้ยังคงคาราคาซัง อยู่ในชั้นศาลปกครอง ลัง รฟท.ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่เพิกถอนของอธิบดีกรมที่ดินซึ่งตามกระบวนการ ซึ่งมีกรอบระยะเวลา 60 วัน
ทิ้งไว้ซึ่งคำถามว่า ประเด็นเขากระโดงในวันที่พรรคสีน้ำเงินคุมกระทรวงมหาดไทย ที่สุดบทสรุปประเด็นนี้จะเป็นอย่างไร
ว่ากันว่า ประเด็นการเพิกถอนที่ดิน “สนามกอล์ฟอัลไพน์” นี้เอง ในวงหารือทั้งที่ "ปรากฏเป็นข่าว" และ การพูดคุย "ทางลับ" ระหว่าง "นายใหญ่" บ้านจันทร์ส่องหล้า และ “หัวหน้าพรรค” สีน้ำเงิน มีการหยิบยกประเด็นนี้พูดคุยในวงหารือ และรายงานสถานการณ์เป็นระยะ
เห็นชัดจากการที่ “หัวหน้าพรรคสีน้ำเงิน” โยนเรื่องนี้ไปที่ “รองปลัดชำนาญวิทย์” ด้วยเหตุผลไม่สามารถไปล้วงลูกได้
ซึ่งตัว “ทักษิณ” เองก็รู้ดีถึงสัญญาณ ที่จะออกมาในรูปการนี้
จึงไม่แปลกที่ในวันลงพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียงเมื่อวันที่ 18 ม.ค.“ทักษิณ” จะพูดถึงประเด็นนี้โดยบอกว่า “จะได้จบๆ เสียที คาราคาซัง น่ารำคาญ”
“นายใหญ่” ตั้งรับดาบสอง “จริยธรรม”
แน่นอนว่า “ทักษิณ” ย่อมรู้ดีว่า บทสรุปของประเด็นนี้ หากมีการเพิกถอน การจดทะเบียนฯ ที่ดินอัลไพน์ หนักสุดก็แค่ชดเชยค่าเสียหาย ซึ่งโฟกัสหลักจะอยู่ที่กรมที่ดิน ที่เป็นต้นเรื่องออกโฉนด ที่ต้องแบกภาระหนักสุด ขณะที่ 2 บริษัท ในตระกูลชินวัตร ที่พยายามหยิบยกข้อกล่าวอ้างที่ว่า ซื้อที่ดินมาอีกทอดหนึ่ง ก็จะเป็นเพียงตัวละครร่วมเท่านั้น
แต่สิ่งที่ “ทักษิณ” น่าจะต้องกังวลมากกว่า คือ “เกมนิติสงคราม” ที่จะตามไล่ล่า “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ผู้เป็นลูกสาว ในฐานะที่เคยมีชื่อเป็นผู้บริหารบริษัทในเครืออัลไพน์
ไม่ว่าจะเป็น "ศึกซักฟอก" ที่จะเปิดฉากในช่วงเดือนก.พ. - มี.ค.นี้ ซึ่งต้องลุ้นว่า ฝ่ายค้านจะหยิบยกประเด็นนี้มาอภิปรายในสภาฯ เพื่อขยายผลไปถึงเกมนอกสภาฯ หรือไม่
เหนือไปกว่านั้น ยังมีการจับตาว่า ประเด็นนี้ถือเป็นปมเสี่ยง นำไปสู่ข้อร้องเรียน การตรวจสอบการถือครองในฐานะเป็น “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” โดยเฉพาะประเด็น “จริยธรรมอย่างร้ายแรง” ซึ่งมีโทษรุนแรงอาจถึงขั้น “ประหารชีวิตการเมือง” ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับบรรดานักการเมืองในช่วงที่ผ่านมา
ประเด็นนี้ต่างหาก ที่ทำให้ “ทักษิณ” ผู้เป็นพ่อกังวลมากกว่า
ต้องจับตาภายใต้สัญญาณ ที่ “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า” มีการเปิดฉากเคลียร์ทางเป็นระยะ แต่ด้วยเกมการเมือง รวมถึงสัญญาณพิเศษ ที่พร้อมรุกคืบได้ตลอดเวลา จนถึงเวลานี้ยังไม่มีสิ่งใดการันตีได้ว่า “แพทองธาร” จะอยู่รอดปลอดภัยบนเก้าอี้ผู้นำนับจากนี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์