เกมลับ ‘ล้มกระดานสว.’ วางหมาก รีเซ็ต ‘สีน้ำเงิน’?

เกมลับ ‘ล้มกระดานสว.’  วางหมาก รีเซ็ต ‘สีน้ำเงิน’?

การเมืองยุค 3 ก๊ก “แดง-ส้ม-น้ำเงิน” ที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้ ลำพังแค่ “พรรคสีส้ม” ซึ่งถูกมองว่า จะยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ในฉากการเมืองอนาคต เอาเข้าจริง อาจไม่น่ากังวลเท่าคู่แข่งที่อยู่ใน “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกัน 

KEY

POINTS

  • อ่านใจ“สทร.” ความฝันตั๋วผู้แทน200ใบ เพื่อไทยอาจไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวอีกต่อไป  แต่...“เยอะมากก็ไม่ดี ปวดหัว” 
  • “เกมดุลอำนาจ”ในซีกรัฐบาล เมื่อเวลานี้ไม่มีฝั่งใดฝั่งหนึ่งสามารถถืออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดย่อมทิ้งไว้ ซึ่งอำนาจต่อรอง ไม่ต่างฉากตบจูบ ระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย ที่ยังปรากฎให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
  • กรณีมีการยื

“แย่ๆ เลยคงมี 200 ขึ้น” ความฝันของ “สทร.” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะนายใหญ่พรรคเพื่อไทย พูดเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ถึงเป้า สส.ในการเลือกตั้งรอบหน้า คาดหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะตีตั๋วผู้แทนเข้าสภาฯ ให้ได้อย่างน้อย 200 ใบ

นัยที่ต้องการสื่อ “นายใหญ่” เพื่อไทย พยายามอธิบายว่า  เพื่อไทยอาจไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวอีกต่อไป เพราะนกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ไม่ดี ต้องมีเพื่อน 

“แต่เยอะมากก็ไม่ดี ปวดหัว” 

เป็นเช่นนี้โฟกัสหลักจึงอยู่ที่ การลดแรงต่อรองของ “พรรคร่วมรัฐบาล”เพื่อมิให้เป็นเสี้ยนหนาม กวนใจเพื่อไทยอีกต่อไป

ในสมการการเมืองยุค 3 ก๊ก “แดง-ส้ม-น้ำเงิน” ที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้ ลำพังแค่ “พรรคสีส้ม” ซึ่งถูกมองว่า จะยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ในฉากการเมืองอนาคต เอาเข้าจริง อาจไม่น่ากังวลเท่าคู่แข่งที่อยู่ใน “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกัน 

อย่าลืมว่า ในอนาคตอันใกล้ อาจมีคดีที่ ป.ป.ช.จะมีการชี้ชะตา ประเด็นจริยธรรม “44 สส.” พรรคก้าวไกล ที่ไปร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำนวนนี้มี 25 คน ที่ยังมีสถานะเป็นสส.พรรคประชาชน อยู่ในสภาฯ ชุดปัจจุบัน

แน่นอนว่า หากผลออกมาเป็นลบตัวเลข สส.ย่อมหายไปค่อนกระดาน ผลคือพรรคส้ม อาจไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิม

เกมลับ ‘ล้มกระดานสว.’  วางหมาก รีเซ็ต ‘สีน้ำเงิน’?

ฉะนั้น ที่น่าหนักใจกว่า อาจอยู่ที่ “เกมดุลอำนาจ”ในซีกรัฐบาล ที่เวลานี้ไม่มีฝั่งใดฝั่งหนึ่งสามารถถืออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ฝั่งหนึ่งถืออำนาจบริหารและสภาฯล่าง ในขณะที่อีกฝั่ง มีเสียงสส.ที่อยู่ในระดับสร้างแรงต่อรอง แถมถือเสียงข้างมากในสภาฯสูง

แน่นอนว่าย่อมทิ้งไว้ ซึ่งอำนาจต่อรอง เห็นชัดจากสัญญาณของ “2 นายใหญ่” แดง-น้ำเงิน ที่เปิดฉากออกมาให้เห็นเป็นระยะ

ทั้งข่าวคราวการปรับครม. “แพทองธาร1”ซึ่งคาดการณ์ว่า จะเกิดขึ้นหลังศึกซักฟอกรัฐบาล ช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่เริ่มเห็นสัญญาณต่อรอง “ยื่นหมูยื่นแมว” ยึดคืนบางกระทรวง กลับมาอยู่มือพรรคแกนนำ ตามความตั้งใจของ "สทร."ที่แสดงอาการเบื่อหน่ายพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ที่ทำงานล่าช้า 

หรือแม้แต่วาระร้อน “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” ซึ่งเตรียมเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 13-14ก.พ.นี้ โดยมีทั้งร่างแก้ทั้งในส่วนของพรรคประชาชน และ พรรคเพื่อไทยรวมอยู่ด้วย 

ทว่าสัญญาณล่าสุด เส้นทางแก้รัฐธรรมนูญ อาจส่อแววสะดุดอีกรอบ  โดยมี“ด่าน สว.” ซึ่งส่วนใหญ่ถูกรวบอำนาจโดยพรรคสีน้ำเงิน เป็นอุปสรรคขวากหนามสำคัญ

เกมลับ ‘ล้มกระดานสว.’  วางหมาก รีเซ็ต ‘สีน้ำเงิน’?

ตอกย้ำชัดจากท่าทีของ “ชูศักดิ์​ ศิรินิล” ​รมต.ประจำสำนักนายกฯ พูดถึงความพยายามของ “บางพรรคการเมือง” และ “สว.บางกลุ่ม” ที่เตรียมเสนอญัตติ และทำคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญ​ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 และตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 31 เพื่อเข้าชื่อ​ 40 คน​ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ​วินิจฉัยประเด็นการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

เป็นเช่นนี้ ย่อมส่งผลให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเรือธงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ต้องยืดเยื้อออกไปอีกคำรบหนึ่ง 

กลายเป็นเกมวัดพลังรอบ 2 ต่อจาก “กฎหมายประชามติ”ที่เจอเกมหักดิบกันไปมาระหว่าง2สภาไม่ต่างจากเกมขบเหลี่ยมในขั้วรัฐบาล

ฝั่งหนึ่งคือ สว.และพรรคภูมิใจไทย อีกฝั่งคือ พรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองในซีกฝ่ายค้านและรัฐบาล ส่งผลให้เวลานี้ร่างกฎหมายยังอยู่ในกระบวนการพักร่างไว้ 180 วัน หลังสภาฯ มีมติยืนยันตามร่างเดิม 

ยังไม่นับรวมสารพัดเรือธง ทั้งรัฐบาล กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือล่าสุด กรณีตัดไฟ ตัดเน็ต ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ที่เกิดปรากฎการณ์ "ไฟช็อตการเมือง"

ต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนให้เห็นฉากตบจูบ ระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย ที่ยังปรากฎให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้น เบื้องหน้าที่ดูเหมือนเปิดดีลรอมชอมกันเป็นระยะ แต่เบื้องลึกจริงๆ ยังมีหลายฉากหลายตอนให้ต้องจับตา

โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่มีกลุ่มตัวแทนผู้สมัคร สว.รวมตัวกันมากกว่า 40 คน มีทั้งกลุ่ม ส.ว. สำรอง ผู้สมัคร สว. อื่นๆ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อดีเอสไอ ให้รับเป็นคดีพิเศษ โดยขอให้ร่วมสอบสวนคดีการฮั้ว โกง และบล็อกโหวต ในการเลือก สว.ปี 2567 อย่างจริงจัง  

ประเด็นนี้หากประเมินจากคำวินิจฉัยศาลฎีกา ที่เคย “ยกคำร้อง” 3 ประเด็นเพื่อร้องให้กระบวนการเป็นโมฆะ มองเผินๆ อาจเป็นเพียงอีเวนต์ ชิงพื้นที่สื่อ เพราะกระบวนการจบไปแล้ว

แต่สัญญาณเวลานี้อาจมีตอนต่อไปที่ต้องจับตา เบื้องหน้า “ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ยังไม่ถึงขั้นฟันธงว่า จะเข้าข่ายเอาผิดได้หรือไม่ โดยเลือกโยนไปที่ดีเอสไอ ซึ่งจะดูในส่วนของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(3) ในคดีฟอกเงิน คดีอั้งยี่ ส่วนความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง กกต.จะรับไปดำเนินการเอง

เกมลับ ‘ล้มกระดานสว.’  วางหมาก รีเซ็ต ‘สีน้ำเงิน’?

ว่ากันว่า เบื้องลึกเบื้องหลังในเรื่องนี้มีการส่งสัญญาณผ่าน “บิ๊กตาชั่ง”ในการรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ สอดรับกับ“บิ๊กดีเอสไอ”ซึ่งเป็นที่รู้โดยทั่วว่า เป็นมือขวาใกล้ชิดเสนาบดี ถึงขั้นฟันธงล่วงหน้า แถมเคลมว่ามีหลักฐานชัดเจน บ่งบอกถึง“กระบวนการจัดตั้ง”ของเครือข่ายเดียวกัน โยงไปถึงข้อกล่าวหาที่เกี่ยวพันกับโทษอาญา ซึ่งจะอยู่ในอำนาจการพิจารณาของดีเอสไอ 

มีการประเมินว่า หากสามารถล้มเครือข่าย สว.บางส่วนลงได้ ย่อมส่งผลต่อสมการการเมืองที่จะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะฝั่งสีน้ำเงินที่จะทำให้เสียงที่มีในมือหายไปทันที

ฉะนั้นการเปิดประเด็นดังกล่าวท่ามกลางสารพัดปมร้อน ที่กำลังก่อตัวในเวลานี้ ลึกๆ แล้ว อาจหวังผล ลดแรงต่อรองพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “พรรคสีน้ำเงิน” ที่กุมอำนาจสภาสูง ไม่ให้ใช้เงื่อนไขดังกล่าวต่อรองหนักข้อมากขึ้น

เหนือไปกว่านั้นความน่าสนใจอยู่ตรงที่ข่าวคราวดังกล่าว ถูกปล่อยออกมาในจังหวะที่มีกระแสปรับครม. โดยเฉพาะตำแหน่งเสนาบดี “กระทรวงตาชั่ง” ที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีการ สลับสับเปลี่ยนให้ “เดอะตุ๋ย”  พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ไปนั่งแทน “ทวี” ที่จะโยกไปนั่งเก้าอี้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ 

หากเป็นไปตามรูปการณ์นี้ ต้องมาลุ้นกันว่า การออกแอ็กชั่นของ“รัฐมนตรีตาชั่ง”คนปัจจุบัน จะเป็นผลงานซื้อใจนายใหญ่ เพื่อเป็นหลักประกัน ในการนั่งเก้าอี้กระทรวงเดิมต่อหรือไม่ อย่างไร!