ศึก‘สามก๊ก’ กะเหรี่ยง เกมอำนาจ ‘ซับซ้อน’ที่สุดในโลก

สามก๊กกะเหรี่ยง ที่มีแนวคิดการเมืองต่างกัน มีมหาอำนาจหนุนบางกลุ่ม ทำให้แผนส่งกำลังทหารเข้ายึดเมืองบาปของมังกรปักกิ่ง เป็นแค่ฝันกลางวัน
KEY
POINTS
- ปัจจุบัน มีองค์กรการเมืองและการทหารของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอยู่ 3 ก๊กใหญ่ ที่มีแนวคิดการเมืองต่างกัน มีมหาอำนาจหนุนบ
ในที่สุด ปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ ฝั่งเมืองเมียวดี ส่อจะจบลงด้วยอีเวนต์ใหญ่ส่งเหยื่อการค้ามนุษย์ ประมาณหมื่นคน กลับคืนถิ่นฐานบ้านเกิด
เริ่มจากกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ชิงรุก จัดอีเวนต์ส่งเหยื่อการค้ามนุษย์ 260 คนกลับบ้านผ่านประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2568
ล่าสุด พ.ท.นาย หม่องซอ โฆษกกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง(BGF) แถลงข่าวว่า พ.อ.ซอ ชิตตู่ ผู้นำสูงสุด BGF ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง Tiger Force เป็นหน่วยเฉพาะกิจเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ และควบคุมดูแลเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ ระหว่างการส่งให้ทางการไทย
โฆษก BGF ระบุว่า ในชเวก๊กโก่ เคเคพาร์ค มีตัวเลขเหยื่อการค้ามนุษย์ 7-8 พันคน ไม่รวมเหยื่ออีกหลายพันคนที่ไท่ฉาง หรือบ้านช่องแคบ ในเขตอิทธิพลของ DKBA
นักวิเคราะห์ข่าวหน้าจอทีวี เสนอให้อาเซียนจัดทีมหน่วยเฉพาะกิจบุกเข้าไปกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ ฝั่งเมืองเมียวดี เหมือนกรณีจีน จับมือกองกำลังโกก้าง(MNDAA) บุกยึดเมืองเล้าก์ก่าย รัฐฉานเหนือ จับมาเฟียโกก้างส่งให้ตำรวจจีน
หากใครที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ชายแดนเมียนมา-ไทย มา ตั้งแต่สิ้นสุดยุคโบเมี้ยะ ก็จะรู้ดีว่า
การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชาติพันธุ์กะเหรี่ยงให้พ้นเงื้อมมือเผด็จการทหารเมียนมา เป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนมากที่สุดในโลก เนื่องจากมีทั้งการต่อสู้บนเส้นทางอุดมการณ์ การประนีประนอมเพื่อการอยู่รอด และการแปรพักตร์รักษาผลประโยชน์ของผู้นำกะเหรี่ยงบางคน
ความเป็นเอกภาพของกะเหรี่ยง KNU จบลงด้วยการแยกตัวของทหารกะเหรี่ยงนับถือพุทธ มีการก่อตั้ง “กองทัพกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย” (DKBA)
ปัจจุบัน มีองค์กรการเมืองและการทหารของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอยู่ 3 ก๊กใหญ่ และอีกหลายก๊กย่อย
ก๊กแรกคือ “สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง” (KNU) เป็นองค์กรทางการเมืองของชาวกะเหรี่ยง ซึ่งสู้รบกับกองทัพพม่าเพื่อความเป็นอิสระและสันติภาพของชาวกะเหรี่ยงมา 70 กว่าปี
สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) มี ซอ กวยทูวิน เป็นประธานคนที่ 10 แทน พล.อ.มูตู เซพอ ที่มีปัญหาสุขภาพ
ส่วน “กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง” (KNLA) เป็นปีกการทหารของ KNU มี พล.อ.ซอ จ่อนี่ หรือ “นายพลจอห์นนี่” เป็น ผบ.สส. และ พล.ท.บอจ่อแฮ เป็นรอง ผบ.สส.
กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) แบ่งออกเป็น 7 กองพล เฉพาะกองพล 5 จ.ผาปูน ควบคุมรัฐกะเหรี่ยงตอนเหนือ ตรงข้าม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
กองพล 6 จ.ดูปลายา ควบคุมพื้นที่ จ.กอกะเร็ก และ จ.เมียวดี ตรงข้าม จ.ตาก จ.ราชบุรี และบางส่วน จ.กาญจนบุรี
กองพล 7 จ.ผาอัน ควบคุมพื้นที่ตอนกลางรัฐกะเหรี่ยง ตรงข้าม จ.กาญจนบุรี และ จ.เมียวดี ฝั่งใต้ ตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก
เป้าหมายเฉพาะหน้าของ KNU ในห้วงเวลานี้คือ หนุนรัฐบาลเงา NUG ฝ่ายต้านมินอ่องหล่าย ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
ทหาร KNLA ยังสู้รบกับทหารเมียนมา แต่ก็ไม่ขัดแย้งกับทหาร BGF และทหาร DKBA เนื่องจากผู้นำ KNU บางคนยังรับส่วยจาก พ.อ.ซอ ชิตตู่
ก๊กที่สองคือ “กองทัพกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย” (DKBA) ที่แยกตัวมาจาก KNU และแปรพักตร์เข้าร่วมกับกองทัพเมียนมา
10 กว่าปีมานี้ DKBA ภายใต้การนำของ พ.อ.นะคะมวย ไม่ยอมสิโรราบให้กับเผด็จการทหารเมียนมา จึงนำนักรบกะเหรี่ยง DKBA ยืนหยัดพึ่งตนเอง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหน
DKBA มีที่มั่นใหญ่อยู่ในฐานกองบัญชาการกองพล 910 บ้านโซซีเมียน จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้ามบ้านมอเกอร์ไทย ต.วาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก
ที่มั่นสำคัญอีกแห่งหนึ่งของ DKBA คือ เขตพญาตองซู ตรงข้ามกับด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
หลัง พ.อ.นะคะมวย เสียชีวิต ก็ส่งต่อให้ พ.อ.ซอ มูเซ เป็นผู้นำ DKBA แต่โชคร้าย โควิดพรากชีวิต ซอ มูเซ เมื่อปี 2564
ทุกวันนี้ ผู้นำทรงอิทธิพลของ DKBA มี 3 คนคือเบอร์ 1 พล.ต.ซอ สตีล ผู้บัญชาการกองกำลัง DKBA และเบอร์ 2 พ.อ.หม่อง ส่วยวะ รอง ผบ.DKBA
เบอร์ 3 คือ “โกไซ” หรือ พล.จ.ไซ จ่อหล่า ผู้ทรงอิทธิพลแห่งเมืองใหม่ทุนจีน บริเวณบ้านช่องแคบ อ.วาเล่ย์ จ.เมียวดี ตรงข้าม ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
เบอร์ 4 พ.อ.ซอ ซานอ่อง เสนาธิการทหาร DKBA ที่มีบทบาทกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ในเขตบ้านช่องแคบ และประสานงานกับทางการไทย
ปี 2555 DKBA เข้าร่วมโต๊ะเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลเต็งเส่ง จึงวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ก๊กที่สามคือ “กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF” เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2554 โดยแยกตัวมาจาก DKBA
พ.อ.ซอ ชิตตู่ พ.ท.ซอ โม้โต่ง และ พ.ต.เต่งวิน นำกำลังทหารที่แยกตัวมาจาก พ.อ.นะคะมวย แปรสภาพเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) สังกัดกองทัพเมียนมา
รัฐบาลทหารเมียนมา มอบให้ พ.อ.ซอ ชิตตู่ และกองกำลังกะเหรี่ยง BGF ควบคุมพื้นที่ จ.เมียวดี จ.ผาอัน และ จ.ผาปูน รัฐกะเหรี่ยง
แม้ต้นปี 2567 พ.อ.ซอ ชิตตู่ ประกาศตั้งกองกำลังกะเหรี่ยงแห่งชาติ (KNA) ก็แค่ละครคั่นเวลาต่อรองกับศูนย์อำนาจเนปิดอว์
พ.ศ.นี้ กองกำลังกะเหรี่ยง BGF ยังเป็นทหารสังกัดกองทัพเมียนมา ขึ้นตรงต่อกองบัญชาการทหารภาคตะวันออกเฉียงใต้ เมืองเมาะละแหม่ง
พลันที่ “ชิตตู่-โม้โต่ง-เต่งวิน” สร้างเมืองใหม่ และเปิดทางจีนเทาสร้างเมืองสแกมเมอร์ ผู้นำ BGF ก็กลายเป็นมหาเศรษฐี มีรายได้ปีละ 3 พันล้านบาท
เม็ดเงินดังกล่าว ได้ส่งเป็นบรรณาการให้แก่ผู้นำเผด็จการทหารที่เนปิดอว์ และอุดหนุนกองกำลัง KNLA บางกองพล มินับที่ต้องจ่ายส่วยให้ไทยเทา
กองกำลัง BGF กลายเป็นกองทัพกะเหรี่ยงที่ใหญ่ที่สุด มีกำลังพลหมื่นนาย พร้อมอาวุธทันสมัย มีเงินเดือนประจำ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ทั้งครอบครัว
สามก๊กกะเหรี่ยง ที่มีแนวคิดการเมืองต่างกัน มีมหาอำนาจหนุนบางกลุ่ม ทำให้แผนส่งกำลังทหารเข้ายึดเมืองบาปของมังกรปักกิ่ง เป็นแค่ฝันกลางวัน
ภูมิรัฐศาสตร์การเมืองในรัฐกะเหรี่ยง ต่างจากเล้าก์ก่าย รัฐฉานเหนือ อิทธิพลของสหรัฐฯ ยังมีบทบาทสูงต่อผู้นำกะเหรี่ยง KNU และกลุ่มกะเหรี่ยง PDF
ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์เมืองเมียวดี จึงกลายเป็น “อีเวนต์ไถ่บาป” ของกะเหรี่ยงเทา ทั้ง DKBA และ BGF