'โรม' หวั่นฟอกขาว'คอลเซ็นเตอร์' ปูด17 ล้านคนเข้าออกไทยไร้เก็บอัตลักษณ์

'โรม' หวั่นฟอกขาว'คอลเซ็นเตอร์'  ปูด17 ล้านคนเข้าออกไทยไร้เก็บอัตลักษณ์

'กมธ.มั่นคงฯ' เรียกหน่วยงานแจงปราบอาชญากรรมข้ามชาติ 'โรม' หวั่นฟอกขาว 'คอลเซ็นเตอร์' หลังข้อมูลใหม่'ไบโอเมตริกซ์' ไลเซนส์หมดอายุ นักท่องเที่ยว17 ล้านคนเข้าออกไทยไร้ระบุตัวตน คาใจ 'ดีเอสไอ'ยื้อหมายจับหม่อง ชิดตู่

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน  ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมกมธ.ซึ่งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลประเด็นนการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ว่า การส่งตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับไปประเทศต้นทางขณะนี้มีความน่ากังวลอยู่ตรงที่การเก็บข้อมูล ซึ่งมี2ส่วน

ส่วนที่หนึ่งคือการสอบข้อเท็จจริงต่างๆการเช็กข้อมูลเพื่อยืนยันว่าเป็นเหยื่อจริงหรือไม่หรือเป็นอาชญากร ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำมาใช้ในการปราบปรามต่อไป ที่น่าห่วงคือ ณ วันนี้ข้อมูลที่เก็บได้ยังไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมดเพราะยังมีระดับบอส ระดับเมเนเจอร์ ซึ่งบางกระแสระบุว่า อาจจะไม่ได้อยู่ที่เมียวดีแต่อยู่ที่ประเทศไทย ในจุดที่ไม่ไกลจากเมืองหลวง

เพราะหากยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้จะกลายเป็นว่าเมื่อมีการส่งเหยื่อคอลเซ็นเตอร์กับประเทศแล้วจะยังมีจีนเทาอยู่ในประเทศใช่หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องปกป้องตัวเองจะหวังพึ่งประเทศอื่นไม่ได้

ประเด็นที่2ซึ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการเก็บอัตลักษณ์ข้อมูล เพราะอย่างที่รู้กันบรรดาจีนเทาเหล่านี้จะมีการไปซื้อสัญชาติ ซื้อพาสปอร์ต ฉะนั้นหากไม่มีการเก็บอัตลักษณ์เลยเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้ในอนาคตอาจจะกลับมาอีกด้วยพาสปอร์ตเล่มใหม่

วันนี้ตนได้ข้อมูลว่าเหตุผลที่ไม่มีการเก็บอัตลักษณ์นั้นอาจเป็นเพราะระบบที่เราซื้อ ใช้ไม่ได้อีกแล้ว หมายความว่า ที่เราใช้กันที่สนามบินไม่ว่าจะเป็นสุวรรณภูมิดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ รวมไปถึงบริเวณชายแดนมีความเป็นไปได้ว่าตอนนี้ระบบที่เคยซื้อไปไม่ได้มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์อีกแล้วมาเป็นเวลานาน

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า สาเหตุที่ไม่มีการเก็บข้อมูลเท่าที่ทราบเกิดจากไลเซนส์น่าจะหมดอายุ เรื่องนี้คงต้องมีการซักถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากไม่มีมาตรการอะไรเลยแล้วปล่อยให้คนเข้าออกเช่นนี้ประเทศไทยจะเสียหายอย่างมาก

นอกจากนี้เท่าที่ทราบคือมีความเป็นไปได้ว่าคนที่เข้าออกประเทศไทยซึ่งตัวเลขอาจจะถึง 17ล้านคน อาจจะไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์เลยส่วนที่มีการเก็บอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงแค่การเก็บหน้าพาสปอร์ตรวมถึงชื่อแต่เพียงเท่านั้นแต่ไม่ได้เป็นไปในลักษณะของไบโอเมตริกซ์

หมายความว่า "นาย ก." มาประเทศไทยด้วยสัญชาติจีนด้วยพาสปอร์ตจีนไปก่ออาชญากรรมอะไรเข้า เราพบว่า คนนี้คือ นาย ก. แต่หนีไปแล้วเราอาจจะขึ้นแบล็คลิสต์วันข้างหน้าหาก นาย ก.มาด้วยสัญชาติวานูวาตูมาที่ประเทศไทยใช้พาสปอร์ตวานูวาตู เราไม่สามารถระบุได้ ผมขอให้เรื่องนี้ไม่จริงวันนี้จึงถือโอกาสถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสองเรื่องดังกล่าว ผมรับรองได้เลยว่าถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องใหญ่นั่นหมาย ความว่าระบบความมั่นคงของประเทศ พังทั้งหมด

อีกประเด็นที่จะมีการพิจารณาวันนี้คือการออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำ BGF ซึ่งมีข้อสงสัยว่าเป็นการละครหรือ ฟอกขาวหรือไม่อย่างที่รู้กันว่าเดิมทีอัยการจะมีการไปพบกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)แต่จู่ๆกลับมีการยกเลิกกระทันหัน

คิดว่าเรื่องนี้ถ้าเป็นจริงผิดกันอย่างชัดเจนรวมถึงประเทศต่างๆคว่ำบาตรหม่อง ชิดตู่ อย่างชัดเจนตนเป็นห่วงว่าระบบกฎหมายไทยจะกากกลายเป็นการฟอกขาวให้กับ หม่อง ชิตตู่ไป

ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องมีการพูดคุยนอกจากนี้ยังมีอาชญากรอีกหลายหลายคนที่เราจะต้องวางเป้าหมายร่วมกันของรัฐต่อไปและจะต้องมีการพูดคุยทั้งในส่วนของดีเอสไอ และ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)

เมื่อถามถึงข้อมูลของเมือง กลุ่ม D.K.B.A นายรังสิมันต์โรม เผยว่า ข้อมูลที่ได้รับมานั้น เป็นบริเวณแถบช่องแคบที่มีแก๊งสแกมเมอร์อยู่ประมาณหลักหมื่นคน อาจจะรวมเหยื่อ อาชญากร ที่มีการทารุณกรรม ความโหดร้าย จากข้อมูลของชาวบ้านที่ระบุว่ามีการพบศพช่วงน้ำหลากบริเวณริมแม่น้ำเมยประจำ ซึ่ง D.K.B.A ก็ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ มีผู้นำคือ พลจัตวา ซาย จอ หล่า หรือ โกซาย ซึ่งตนเองมองว่ามีความโหดร้ายทารุณไม่ต่างกับพื้นที่ของ พล.ต.หม่องชิตตู่

อย่างไรก็ดี ในส่วนของเรื่องการใช้ไฟตนเองเข้าใจว่าน่าจะมีการพ่วงมาก่อนหน้านี้จากภายใน แต่ตอนนี้ตัดไปหมดแล้ว รวมทั้งข่าวที่ตนเองได้รับจากสื่อมวลชนว่าจะมีการขนถังแก๊ส และน้ำมัน ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของโกซายอีกด้วย