'สว.' ชี้ 'ดีเอสไอ' ไร้อำนาจสอบเลือกสว. ชี้เป็นเกมล้มสว.-ปลุกวิกฤติรธน.

'สว.' ชี้ 'ดีเอสไอ' ไร้อำนาจสอบเลือกสว. ชี้เป็นเกมล้มสว.-ปลุกวิกฤติรธน.

“สว.” ตั้งโต๊ะแถลงด่วน  ชี้แจง “ดีเอสไอ”ไม่มีหน้าที่-อำนาจสอบเลือกสว. พร้อมเตรียมสู้กลับ ล่าชื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้าน “สว.กอบ” ซัดแรง เป็นเกมฉ้อฉลล้มสว.-สร้างวิกฤติรัฐธรรมนูญ

ที่โรงแรม สวนสนปฏิพัทธ์ หัวหิน  คณะวุฒิสภา นำโดย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง  พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร  พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ร่วมแถลงต่อกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมรับเรื่องกรณีที่กลุ่มอดีตผู้สมัคร สว. ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการได้มาซึ่ง สว.ปี 2567 นั้นได้มาโดยมิชอบ ไว้เป็นคดีพิเศษ เพราะเกี่ยวข้องกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116

ปธ.วุฒิสภา  แจงตั้งโต๊ะแถลงเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี

โดยนายมงคล กล่าวว่า จากการตรวจสอบในหลายด้านทราบว่าดีเอสไอ เตรียมบรรจุเรื่องตามคำร้องของ สว.กลุ่มสำรองที่ต้องการให้สอบสวนการทุจริตเลือก สว.  ทั้งนี้ตนมองว่าประเด็นดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะการตรวจสอบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง  (กกต.) ซึ่งขณะนี้ กกต. ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว และสว.ได้ให้ความร่วมมือไปให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้สว.จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากเข้าข้อกฎหมายเรื่องใดมีความผิดปกติกับข้อกฎหมายเรื่องใดหรือเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดหรือบุคคลใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อวุฒิสภาของเราเราก็จะดำเนินการตามกฏหมายอย่างที่สุด

“สว.เข้ามาอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ตามเงื่อนไขและระเบียบ ที่กกต.กำหนด และทำหน้าที่ของสว. อย่างตรงไปตรงมา ไม่ฝักใฝ่หรือเกี่ยวข้องกับผู้ใด  ซึ่งการตรวจสอบของกกต. นั้นเป็นไปตามอำนาจและหน้าที่ของ กกต. ส่วนหน่วยงานที่ไม่ีอำนาจหน้าที่ ที่ออกมาให้ข่าวนั้น ทำให้ สว.ต้องมาปกป้องสิทธิ ศักดิ์ศรี” นายมงคล กล่าว

เตรียมรวบรวมข้อมูล-กฎหมาย ช่วย "สว." สู้คคี

ขณะที่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ  กล่าวว่าข่าวที่ปรากฎทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นต่อสว. ในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ  อย่างไรก็ดีในกระบวนการของดีเอสไอนั้นไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนใด แต่มีกระแสข่าวว่าจะรับ ทั้งนี้ในประเด็นข้อกฎหมายนั้นตนมองว่าการทำงานของภาครัฐต้องอยู่ในขอบเขตหน้าที่ และอำนาจ หากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไม่ได้มอบอำนาจ  ซึ่งการให้ข่าวจากหน่วยงานและพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ทำให้สว.เสื่อมเสียและเกิดความเข้าใจผิดในสังคม

“สว.ทุกคนมาโดยสุจริต โปร่งใส มาในการแข่งขันที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนข้อกล่าวหา อั้งยี่ ซ่องโจร เป็นการให้ข่าวที่ผิดไป ขณะนี้ได้เตรียมรวบรวมข้อมูล และ ข้อกหมาย เพื่อแก้ข้อกล่าวหาให้กับ สว.ทั้งหมด”  พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว

จ่อรวมชื่อ ยืนอภิปรายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ขณะทีพล.อ.เกรียงไกร กล่าวด้วยว่า เรื่องดังกล่าวโยงอยู่กับกระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ความพยายามบางอย่างตนมองว่าไม่ค่อยปกติ  จากนี้ไป สว.จำนวนหนึ่ง จะใช้กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกันในการกล่าวโทษดำเนินคดีในประเด็นต่างๆ และจะลงชื่อกันอภิปรายไว้วางใจผู้บริหารที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ต่อไป

ซัดเป็นการใส่ความ  บั่นทอนความเชื่อมั่นสว.

ทางด้าน พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่าย้ำว่าสว.ปัจจุบันมาโดยรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มาโดยสมาคม หรืออั้งยี่ ซึ่งข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นนั้นเกินเลยจากข้อเท็จจริง อย่างไรก็ดี สภาฯ คณะรัฐมนตรี องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ  การกล่าวหาว่า องค์กรของรัฐที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชน เป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ คือ การใส่ความ

“มันผู้ใดก็ตามที่ใส่ความ สว. ทำให้เกิดดวามเสียหาย บั่นทอนความเชื่อมั่นในกระบวนการนนิติบัญญัติคนที่ทำต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตนเองกระทำ ทั้งหน่วยงานของรัฐ ผู้บริหารบ้านเมือง ต้องรรับผิดชอบ ในการกระทำของตนเอง ส่วนผู้ร้อง ที่เคยเข้ากระบวนการคัดเลือกเป็น สว. แต่เข้ามาไม่ได้ กลับมากล่าวหาว่าเป็นกระบวนการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ต้องมองย้อนกลับไปว่า ท่านทำตามกติกาแต่ทำไม่ได้ ก็มากล่าวหาว่าไม่ชอบกฎหมายดังนั้นต้องรับผิดชอบ” พ.ต.อ.กอบ กล่าว

ชี้เป็นกระบวนการฉ่อฉล นำทางสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญ

พ.ต.อ.กอบ กล่าวต่อว่าขณะนี้มีกระบวนการจัดตั้ง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวิธีการฉ้อฉลเพื่อทำให้เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญที่ใช้ปัจจุบัน แก้ปัญหาวิกฤติรัฐธรรมนูญ คือ ให้คนดีเข้ามาปกครองบ้านเมือง แต่กลับมีกระบวนการนี้กลับมาเพื่อทำให้เกิดวิกฤติ ทำให้คนกระด้างกระเดื่อง ดังนั้นสว.ต้องอยู่เพื่อให้การดำรงอยู่ของกฎหมายเป็นไปอย่างผาสุข สงบเรียบร้อย ดังนั้นใครบังอาจที่บิดเบือน ฉ้อฉลต้องรับผิดชอบ

มั่นใจมีเกมการเมือง ตั้งใจใช้กฎหหมายสร้างปัญหาการปกครอง

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.กอบ กล่วว่า การใช้ข้อกฎหมายอ้างอิงเพื่อดำเนินคดีกับ สว. นั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง คือ กลุ่มคนที่ทำ มี รมว.ยุติธรรมด้วย ดังนั้นมองได้ว่าเป็นเรื่องของเกมการเมือง โดยเฉพาะการกล่าวอ้างข้อกฎหมายว่ามาโดยไม่ชอบ คือ การใช้กฎหมายเพื่อสร้างปัญหาต่อการปกครองบ้านเมือง

“มีกลุ่มคนไม่สำนึก นำพา ไม่เคารพกติกา กฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมืองเพื่อสร้างให้เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญ การใช้กฎหมายยอาญามาตรา 116 อ้างว่ากลุ่มที่สมัคร สว.​ที่รับรองจาก กกต. แล้ว ว่าไปยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง หากมองโดยหลักของกฎหมายที่ถูกต้อง คนที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่ สว. แต่คนที่ทำคือ คนที่กล่าวหานำเรื่องไปสู่ดีเอสไอ คือ คนที่ขัดขวางความมั่นคง บั่นทอนระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย” พ.ต.อ.กอบ กล่าว

ซัด ดีเอสไอ-รมว.ยธ. บิดบอน ฉ่อฉลอำนาจตามรธน.

พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า กรณีที่ดีเอสไอ หรือรมว.ยุติธรรมกล่าวอ้างนั้นถือเป็นการ บิดเบือน ฉ้อฉลอำนาจตามรัฐธรรรนูญ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในบ้านเมือง เพราะจะเกิดปัญหารอบด้าน  เช่น กรณีปัญหาที่รัฐมนตรีจะแก้ไขมีจำนวนมาก แต่กลับทำกระบวนการที่บั่นทอนฝ่ายนิติบัญญัติ

ซัดกลับ ใช้อำนาจทุจริตเชิงประจักษ์ ยกคดียกฟ้องตู้ห่าว เทียบ

“รัฐสภาเป็นองค์กรใช้กฎหมายนิติบัญญัติแทนประชาชน จะมายุแยง ยั่วยุ ปลุกปั่นประชาชนให้ปั่นป่วนและกล่าวหาฝ่ายนิติบัญญัติ แสดงว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีการปกครองโดยใช้กฎหมาย เมื่อไม่มีการปกครองโดยกฎหมายจะใช้หลักอะไรในการบริหารประเทศ อยากรู้จะแก้ปัญหารอบด้านชายแดนอย่างไร จะให้ต่างชาติมาชี้นำแก้ปัญหาให้ กรณีมีคนต่างด่าวที่มาทำผิดกฎหมายในประเทศ จู่ๆ ก็สั่นคลอนในกระบวนการยุติธรรมและยกฟ้องคดีสำคัญ  เช่น คดีตู้ห่าว ที่เป็นตัวอย่างเล็กๆที่ใช้อำนาจทุจริตในเชิงประจักษ์” พ.ต.อ.กอบ กล่าว

ยันสว.มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ประชาชน

พ.ต.อ.กอบ กล่าวต่อว่า  เป็นการกระทำที่ปกติวิสัยฉ้อฉล บิดเบือนกฎหมายและกระบวนการครั้งนี้กลับมาอีกครั้ง เพื่อแกัไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่แก้ปัญหาไปแล้วด้วยการกำหนดให้คนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เข้ามาปกครองบ้านเมือง ประชาชนต้องมมีหน้าที่ช่วยปกป้องและรับใช้เพื่อให้บ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย  รวมถึงให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง ตอนนี้ประชาชนสับสนเพราะมีการยุยงปลุกปั่น โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือบิดเบือนอำนาจ ทั้งนี้ไม่อยากระบุบุคคล แต่สิ่งที่ปรากฎตามสื่อ กระบวนการนี้กำเริบเสิบสานมาอีก ไม่ให้ใช่อำนาจนิติบัญญัติที่เรียบร้อย ให้ทำบ้านเมืองวุ่นวายและจะเป็นวิกฤตรัฐธรรมูญเพื่อให้กระบวนการนี้กลับมา การที่สว. ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชน ตามหน้าที่และอำนาจที่รัฐธรรมนูญกำหนด

“คนที่จะถูกตรวจสอบ คือคนที่ไม่มีหน้าที่ แต่กลับก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองจะเป็นคนที่ต้องถูกดำเนินคดี และตรวจสอบว่ามาอย่างไรมีองค์กรใดอยู่เบื้องหลังที่ทำใหเ้กิดความปั่นป่วน” พ.ต.อ.กอบ กล่าว.