'ภูมิธรรม' เร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โพล ชี้รัฐบาลแก้ถูกทาง

"ภูมิธรรม" เร่งขยายพื้นที่ปราบคอลเซ็นเตอร์เข้มข้น สกัดย้ายฐานไปกัมพูชา ด้าน โพล สำรวจความเห็นชี้"รัฐบาล" แก้ถูกทาง 61.2% หนุนมาตรการ แต่ยังกังวล 57%
22 ก.พ.2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกฯ และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
ระบุถึงการปัญหาขบวนการคอลเซนเตอร์ว่า ปัญหาคอลเซนเตอร์ เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประชาชนไทย และประชาคมโลก
รัฐบาลตระหนักดีว่าการแก้ไขปัญหานี้ ไม่ใช่เพียงแค่การจับกุมผู้กระทำผิด แต่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การตัดเส้นทางปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากร การช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวง ไปจนถึงการสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะปัญหาใหญ่ระดับนี้ไม่สามารถทำเพียงประเทศใดประเทศหนึ่งได้
ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกภายใต้ความร่วมมือกับ จีนและเมียนมา ผ่านแผนปฏิบัติการ "ตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน" ใน 5 จุดสำคัญ เพื่อลดศักยภาพของขบวนการคอลเซนเตอร์ และ สามารถสกัดกั้นขบวนการเหล่านี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้รัฐบาลไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น
แต่ได้ดำเนินการประสานงานกับรมว.กระทรวงป้องกันประเทศลาว ในโอกาสที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และได้มีความร่วมมือที่จะช่วยกันปราบปรามยาเสพติด การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์
นอกจากนี้เพื่อป้องกันการย้ายฐานของเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางด่วนเพื่อร่วมประชุมวางแผนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศกัมพูชา
โดยพล.ต.อ.ธัชชัยได้รายงานถึงข้อสรุปจากการประชุมทั้งหมด 3 ข้อ ได้แก่ 1. ร่วมกันปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ให้หมดไป โดยมีเป้าหมายเข้าไปกวาดล้าง ตรวจค้น จับกุม ในจุดต่างๆ ที่เป็นที่ตั้งของขบวนการเหล่านี้ โดยทางตำรวจไทยขอนำตัวคนไทยกลับมาลงโทษตามกฎหมายที่ประเทศไทย
2. ร่วมกันช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ให้กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างรวดเร็ว
3. ให้มีการประสานงานร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อความรวดเร็วในการปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ให้หมดไป
การประชุมวางแผนปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อจัดการปัญหาคอลเซนเตอร์ให้เด็ดขาด
การแก้ไขปัญหานี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกี่ยวข้องกับทั้งกฎหมาย อาชญากรรมข้ามชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร มีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องประชาชนคนไทยให้พ้นจากเครือข่ายมิจฉาชีพ และได้ลงมือทำจริง โดยวันนี้ผลลัพธ์เริ่มปรากฏชัดเจนว่าการแก้ไขปัญหานี้เดินมาถูกทาง
รัฐบาลจะเดินหน้าต่อไป เพื่อให้พี่น้องประชาชนปลอดภัยจากการถูกหลอกลวง และขอให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะไม่หยุดปฏิบัติการจนกว่าปัญหานี้จะหมดไป
วันเดียวกัน ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้สอบถามถึงกรณี "การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ของรัฐบาล" โดยมีผู้สำรวจรวมทั้งสิ้น 1,500 ราย จากทั่วทุกภูมิภาค
โดยการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นเป็นปัญหาที่ประชาชนชาวไทยได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพรวมมองว่ารัฐบาลไทยสามารถ "แก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ได้ถูกทาง" จากการดำเนินการทุกมาตรการในการแก้ปัญหา เช่น การร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อเร่งรัดในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติออนไลน์ การตัดสัญญาณในระบบสื่อสารโทรคมนาคมต่างๆ การตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ต และระงับส่งน้ำมัน รวมไปจนถึงการร่วมมือกันกับประเทศเพื่อนบ้าน และอื่นๆ เป็นต้น เพื่อต้องการตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนานให้หมดสิ้นไป
ทั้งนี้ยังได้สอบถามผู้สำรวจว่า มีความวิตกกังวลต่อ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" มากน้อยเพียงใด ซึ่งผู้ให้สำรวจ มีความวิตกกังวล 57% แบ่งเป็น วิตกกังวลมาก 45.7% และ ค่อนข้างวิตกกังวล 11.3% ขณะที่บางส่วน ค่อนข้างไม่วิตกกังวล 19.7% และ ไม่วิตกกังวลเลย 23.3%
ส่วนมาตรการ การแก้ปัญหา "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ของรัฐบาล "แพทองธาร" มีประโยชน์มากน้อยเพียงใด โดยผู้ให้การสำรวจส่วนใหญ่มองว่ามีประโยชน์ 61.2% แบ่งเป็น มีประโยชน์มาก 35.4% และค่อนข้างมีประโยนช์ 25.8% ขณะที่บางส่วนมองว่าค่อนข้างไม่มีประโยชน์ 20.2% และไม่มีประโยชน์เลย 18.6%
พร้อมกันนี้ได้ถามถึง รัฐบาลควรดำเนินมารตรการ การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใดบ้าง ซึ่งผลการสำรวจออกมาดังนี้ 1.ออกหมายจับข้าราชการ และชาวต่างชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 18.9% , 2.หาตัวและลงโทษข้าราชการไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 13.8 %,3. ขอความร่วมมือกับประเทศจีน 12.6%, 4. ขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อบ้าน 12.5%, 5. ตัดไฟ 9.9% ,6. ใช้กำลังทหารเข้าจัดการ 9.6% 7.ตัดอินเตอร์เน็ต 7.4% , 8. สร้างรั้วกั้นตลอดแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน 6.5% ,9. ระงับการส่งน้ำมัน 5.7% และ อื่นๆ 3.1%
ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็น (โพล)เกี่ยวกับการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาล มีความตั้งใจ สามารถแก้ปัญหาได้ถูกทาง ผ่านมาตรการต่างๆ และการสั่งการที่ชัดเจนรวดเร็ว เด็ดขาด จริงจังของนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ประชาชนยังขอให้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพิ่มเติม เพื่อกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป เช่น การร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การตัดสัญญาณโทรคมนาคม การตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต และการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ จากผลสำรวจถึงประสิทธิภาพของมาตรการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในรัฐบาลของ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ของมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพโพล ในหัวข้อ“การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ของรัฐบาล”พบว่าประชาชน 61.2% มองว่ามีประโยชน์ ส่วนแนวทางที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเพิ่มเติม ได้แก่ 1) ออกหมายจับข้าราชการและชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้อง 18.9% 2) หาตัวและลงโทษข้าราชการไทยที่เกี่ยวข้อง 13.8% 3) ขอความร่วมมือกับประเทศจีน 12.6% 4) ขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน 12.5% 5) ตัดไฟ 9.9% 6) ใช้กำลังทหารเข้าจัดการ 9.6% 7) ตัดอินเทอร์เน็ต 7.4% 8) สร้างรั้วกั้นแนวชายแดน 6.5% 9) ระงับการส่งน้ำมัน 5.7% 10) อื่นๆ 3.1%
“รัฐบาล มุ่งมั่นแก้ปัญหาอาชญากรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปอย่างจริงจัง ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล นอกจากการแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมในทุกมิติ ทั้งการค้ามนุษย์ ปัญหายาเสพติด และที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาปากท้อง เมื่ออาชญากรรมลดลง ประชาชนจะมีความปลอดภัยมากขึ้น สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกัน การลงทุนภายในประเทศก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น และนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง“ นายจิรายุ กล่าว







