เกมต่อเกม ‘เพื่อไทยVSภูมิใจไทย’ ‘อนุทิน-แพทองธาร’ ตัวประกัน

ทุกย่างก้าว ของบรรดาคีย์แมนในซีกรัฐบาลเวลานี้ ทำให้เกิดคำถามว่า “นายกฯอิ๊งค์” จะแบกบางพรรคร่วมรัฐบาล ไปจนสุดทาง ตามความตั้งของตนเองได้นานแค่ไหน
KEY
POINTS
- ทุกย่างก้าว ของบรรดาคีย์แมนในซีกรัฐบาลเวลานี้ ด้วยสารพัดปมร้อนที่เปิดฉากใส่กันแบบไ
ยิ่งนับวันปัญหาความไม่ลงรอยในซีกรัฐบาล จะยิ่งตอกย้ำบาดแผลที่ร้าวลึก ส่งสัญญาณไปสู่การแตกหัก เร็วขึ้นทุกที
แม้ฉากหน้า “นายกอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร บอกว่า พยายามเสาะแสวงหาแนวทางที่จะทำให้รัฐบาลเดินไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคภูมิใจไทย” ตามความตั้งใจที่จะจับมือไปตลอดรอดฝั่ง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
หากจับสัญญาณทุกย่างก้าว ของบรรดาคีย์แมนในซีกรัฐบาลเวลานี้ สถานการณ์อาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะด้วยสารพัดปมร้อนที่เปิดฉากใส่กันแบบไม่ยั้งเป็นระยะ ทำให้เกิดคำถามว่า “นายกฯอิ๊งค์” จะแบกบางพรรคร่วมรัฐบาล ไปจนสุดทาง ตามความตั้งของตนเองได้นานแค่ไหน
ไม่ว่าจะเป็นศึก “ล้มกระดานสว.” ผ่านสงครามตัวแทน ที่สะท้อนภาพชัด การเปิดฉากรบระหว่าง “สีแดง” และ “สีน้ำเงิน”
ล่าสุด คือกรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)หรือ “บอร์ดดีเอสไอ” เลื่อนวาระรับ “โพยฮั้วสว.” เป็นคดีพิเศษออกไปเป็นวันที่ 6 มี.ค.
เบื้องหน้าแม้ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานบอร์ด จะอธิบายว่าที่ประชุมยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับอำนาจในการรับคดีดังกล่าวไว้พิจารณา ระหว่างดีเอสไอ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จำเป็นต้องเชิญกกต.ร่วมหารือ จึงนัดอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค.
ทว่า เบื้องหลังจริงๆ ว่ากันว่า เกิดจากการล็อบบี้เสียงบอร์ดดีเอสไอ ของทั้ง 2 ฝั่ง เพราะเสียงที่จะใช้ในการรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษจะต้องได้เสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 ของของกรรมการ หรือ 17 เสียง จากทั้งหมด 22 เสียง
โดยเฉพาะ “ฝั่งสีน้ำเงิน” ที่กุมอำนาจสภาสูง พยายามเดินเกมขวาง ด้วยการรวบรวมเสียงฝั่ง “ไม่รับเป็นคดีพิเศษ” บางกระแส ระบุตัวเลขที่มีในมือราวๆ 5-7 เสียง
ปรากฎว่า ในวันดังกล่าว กลับมีกรรมการมาประชุมเพียง 19 คนทำให้เสียงโหวตที่จะใช้เหลือ 15 เสียง
หากเป็นไปตามตัวเลขที่ถูกปล่อยออกมา แน่นอนว่า มีโอกาสที่เสียงโหวตเพื่อรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ จะไม่ถึง 15 เสียงจึงเป็นที่มาของการขยับเกม เลื่อนโหวตในท้ายที่สุด
ฉะนั้น ต้องจับตาต้องจับตาวันที่ 6 มี.ค.ซึ่งบอร์ดดีเอสไอจะมีการประชุมอีกครั้งว่า จะได้บทสรุป หรือจะเจอโรคเลื่อนอีกรอบหรือไม่ เพราะด้วยสัญญาณที่ยื้อกันไปมาในเวลานี้ยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่การเปิดโปรสว.ย้ายค่ายย้ายสี กำลังดำเนินอยู่ในคราวเดียวกัน
ถัดมา “ปมร้อนสปก.” ผ่านสงครามตัวแทนวัดพลังแดง-น้ำเงิน จาก “เขากระโดง” ที่รุกไล่พรรคภูมิใจไทย สะท้อนภาพการปะทะระหว่าง 2 กระทรวง 2 พรรค
ถึงนาทีนี้ ขยายวงไปที่การตรวจสอบที่ดินของสนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรี คลับ ของครอบครัว “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ครอบครอง
แอ็กชั่นของ “ธนดล สุวัณณะฤทธิ์” คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านการวางบิลโดย “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม นอกจากจะเป็นการสะท้อนฉากซื้อใจ “นายใหญ่บ้านจันทร์ฯ” ในบทบาทของผู้พิทักษ์ หวังผลไปถึงฉากการเมืองในอนาคต หากเกิดสมการเปลี่ยน ไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งร่วมรัฐบาลแล้ว
ย่อมเป็นการสะท้อนภาพการเปิดหน้าชนฝั่งสีน้ำเงิน แบบไม่ต้องเกรงกลัวกันอีกต่อไป
จึงไม่แปลก หากจะได้เห็นเกมเอาคืนกลางวงกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกุมอำนาจโดยพรรคภูมิใจไทย เปิดฉากรุกคืน “ขยี้กล่องดวงใจ” นายใหญ่บ้านจันทร์ฯ ด้วยการไล่บี้ถามถึงมาตรฐานความเหมือนความต่างระหว่าง “สนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ฯ” และ “เทมส์วัลลีย์เขาใหญ่” ธุรกิจครอบครัวชินวัตร พุ่งเป้าไปที่ประเด็น ป.ป.ช. เคยเปิดสัญญาจัดการหุ้นของ “นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร
ขณะที่ฝั่ง“ธนดล” ชวนจับตาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในช่วงต้นเดือนมี.ค.จะมีข่าวใหญ่ที่ทาง ส.ป.ก. จะบังคับใช้กฎหมายยึดทรัพย์เพิกถอนสิทธิ์ใช้ที่ดินผิดประเภท จะเป็นหัวเชื้อไปสู่รอยร้าวรอยใหม่ในซีกรัฐบาลหรือไม่
อย่าลืมว่า ในช่วงปลายเดือน มี.ค. จะมี “ศึกซักฟอกรัฐบาล” แม้สัญญาณล่าสุดจากฝั่งพรรคประชาชน จะแก้เกมนาทีสุดท้าย เอาคืน “หนอนบ่อนไส้”ฝ่ายค้าน ที่ปล่อยข่าวพร้อมรายชื่อ “10 รัฐมนตรี” ที่จะถูกซักฟอก จนทำให้ต้องเปลี่ยนแผนเป็นยื่นซักฟอกนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว
สัญญาณร้าวที่เกิดขึ้นในรัฐบาล จนถึงวินาทีนี้ ย่อมต้องจับตาเกมรุกเอาคืนแบบช็อตต่อช็อต ในขณะที่ซีกฝ่ายค้านมี “หนอนบ่อนไส้” ส่งข้อมูลให้ซีกรัฐบาล อาจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซีกรัฐบาลจะมีหนอนบ่อนไส้ ส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้าน เพื่อยืมมือซัดพวกเดียวกันก็เป็นได้
จริงอยู่ แม้ศึกซักฟอกรอบนี้เป้าหลักจะอยู่ที่ “นายกฯอิ๊งค์” ในฐานะผู้นำรัฐบาลเพียงคนเดียว แต่หากอ่านเหลี่ยมการเมืองดูแล้ว อะไรที่ว่าเป็น “เป้าหลัก” ถึงเวลาจริงอาจเป็น“เป้าหลอก” ต่อการญัตติซักฟอกรอบนี้จะมีการยื่นอภิปรายนายกฯเพียงคนเดียวแต่ก็ใช่ว่าจะกระทบชิ่งไปยังรัฐมนตรีคนอื่นไม่ได้
เผลอๆศึกรอบนี้อาจเป็นเกมเข้าทางบางพรรคชิงจังหวะรุกฆาตหลังจากนี้เป็นได้ ไม่ต่างจากเสถียรภาพรัฐบาลท่ามกลางคำถามว่า ยามนี้มีความเป็นปึกแผ่นมากน้อยเพียงใด คำตอบที่ชัดเจน อยู่ที่ผลโหวตไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ใครแตกแถว-ไม่แตกแถวไล่เช็กกันไม่ยาก
สถานการณ์ในขั้วรัฐบาลจนถึงเวลานี้ ส่อแววที่จะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลช่วงค่ำวันที่ 25 ก.พ.ที่แม้จะถูกเซ็ตให้เป็นฉากสยบรอยร้าว แต่ภายใต้แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้น ยังมีหลายฉากการเมืองให้ต้องลุ้น