'พิชัย' เล็งนัด "เวียดนาม-อินเดีย" เจรจาแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ

"รมว.พณ." ตอบกระทู้สดของ "สส.ปชน." ย้ำ เร่งแก้ปัญหาส่งออกข้าว-ราคาต่ำ เล็งนัด "เวียดนาม-อินเดีย" เจรจาราคาข้าว ผุดไอเดีย เพิ่มพื้นที่ปลูกกล้วยส่งออก
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระกระทู้ถามสด นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้ตอบชี้แจงการตั้งคำถามของณรงค์เดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ต่อประเด็นการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ที่พบว่ารัฐบาลของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ บริหารจัดการข้าวแบบต่างคนต่างทำ และทำนโยบายตามรายวัน นอกจากนั้นแล้วจากปัญหาที่ตลาดโลกไม่มีใครซื้อข้าว ทำให้ข้าวล้นตลาด ดังนั้นข้าวเปลือกที่มี 2.2ล้านตัน กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการอย่างไร
โดยนายพิชัย ชี้แจงว่า ตนมีความห่วงใยชาวนา เพราะทุกข์ชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน ทั้งนี้การช่วยเหลือปัจจุบัน คือ ใช้เงินที่เหลือจากข้าวหน้าปีมาช่วย ขณะที่สถานการณ์การส่งออกข้าว ตอนนี้ประเทศอินโดนีเซียจากที่เคยซื้อก็ไม่ซื้อ ทำให้ตั้งแต่เดือนพ.ย.67 ตนได้ติดต่อขายข้าวล่วงหน้า และได้มีการเรียกทูตจีนมาพบ นอกจากนี้ยังได้ติดต่อไปที่แอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยตนจะปเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวปลายเดือนนี้จำนวน 3.7 แสนตัน ยืนยันว่าขายได้แน่ เพราะกรมการค้าระหว่างประเทศยืนยันกับตนแล้ว ส่วนตลาดอื่นๆเราพยายามหาเพิ่มเติม ตนได้เรียกทูตพาณิชย์ทั้งหมดรับฟังและหาช่องทางเร่งขายข้าว
ทั้งนี้ในคำถามทิ้งท้าย นายณรงเดช กล่าวว่า "ปีนี้ชาวนาทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี เนื่องจากผลผลิตมากขึ้น แล้วรัฐบาลทำหน้าที่ของตัวเองแล้วหรือยัง ทำงานกับกระทรวงเกษตรฯได้หรือไม่ ตอนแถลงบอกว่าตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ วันนี้เกี่ยวข้าวแล้ว ตลาดอยู่ที่ไหนครับ ถ้าคะแนน 10 เต็ม 10 ท่านรัฐมนตรีจะให้คะแนนตัวเองในการแก้ปัญหาราคาข้าวเท่าไหร่ดีครับ ถ้ามีการปรับ ครม. ท่านจะยังอยู่หรือไม่"
โดยนายพิชัย กล่าวว่า การช่วยเหลือชาวนา จะนำเข้าครม. คาดว่าจะภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์ถัดไป เพราะจะต้องเวียนขอความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆก่อน แต่ขอเรียนว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ นอกจากนั้นรัฐบาลไทยเร่งเจรจาอินเดียกับเวียดนาม ไม่ให้เกิดการแข่งขันกันมาเพื่อให้มีราคาข้าวไม่ตกต่ำ เพื่อช่วยเกษตรกรของทั้ง 3 ประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการนัดหมายอีกครั้ง
นายพิชัย ชี้แจงด้วยว่าเกษตรกรเป็นกลุ่มประชาชนที่สำคัญต้องดูแลความเป็นอยู่ที่ดี ในการแก้ปัญหาระยะยาวมีโจทย์ให้มีรายได้ทีมากขึ้น กระทรวงพาณิชย์หาพืชอื่นเพื่อสร้างรายได้ โดยตนไปญี่ปุ่น ทราบว่าต้องการกล้วย ล้านตันต่อปี ในประเทศไทย มี 8,000 ตัน และมีโควต้าส่งออก 2,000 ตัน ดังนั้นหากเร่งให้ชาวนาหรือเกษตรกรปลูกกล้วยส่งญี่ปุ่น เพราะตนคำนวณแล้ว ผลตอบแทนต่อไร่ของกล้วย อยู่ที่ แสนบาท ทั้งนี้ได้นำทูตพาณิชย์ญี่ปุ่นและผู้นำเข้าจากญี่ปุ่นมาทดลองปลูกที่ จ.นครราชสีมา จำนวน 1.5แสนต้น เพื่อทดลองให้ประชาชนเห็นว่าได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าจริง
"เพื่อให้ชาวนาปลูกพืชที่มีราคาสูงขึ้นเพื่อให้มีรายได้ที่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ทำ และหาผลผลิตเกษตรที่สร้างรายได้ให้ชาวนาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้มีการปลูกกล้วย ที่จ.เชียงราย ทำรายได้กว่าแสนบาท โดยเพื่อดึงดูดให้เกษตรกรมาปลูกพืชอื่น" นายพิชัย ชี้แจง
ทำให้ นายณรงเดช ฝากข้อสังเกตด้วยว่า "ผมอยากฝากรัฐมนตรี จะเสนอมาตรการอะไร ปรึกษากระทรวงเกษตรฯ และผู้ชำนาญให้มากๆ หากมีการพูดคุย เชื่อว่าจะไม่เสนอมาตรการให้ชาวนาปลูกกล้วยแทนทำนา"