ลับลวงพราง ‘ศึกซักฟอก’ เกม'เพื่อไทย-ประชาชน'ส่อ‘มวยล้ม’

เวทีซักฟอกครั้งแรกรัฐบาลแพทองธาร ส่อแวว “มวยล้ม” จับอาการของแต่ละฝ่าย เห็นชัดถึงเกม “ลับลวงพราง” ที่อาจซุกซ่อนอยู่ภายใต้เงื่อนไขหรือ “ดีล” บางประการ
KEY
POINTS
- เวทีซักฟอกครั้งแรกรัฐบา
ศึกซักฟอกเดี่ยว “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะผู้นำรัฐบาล จากเดิมถูกคาดหมายว่า จะมีการเปิดฉากขึ้นวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้ แต่นาทีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณ เวทีซักฟอกครั้งแรกรัฐบาลแพทองธาร ส่อแววจะกลายเป็น “มวยล้ม”
จับอาการของแต่ละฝ่าย เห็นชัดถึงเกม “ลับลวงพราง” ที่อาจซุกซ่อนอยู่ภายใต้เงื่อนไขหรือ “ดีล” บางประการ
ไม่ว่าจะเป็น“วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่แสดงท่าทีขึงขัง ด้วยการงัดอำนาจ “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ” ส่งหนังสือไปถึงผู้นำฝ่ายค้าน ภายใต้“เงื่อนไข” ต้องตัดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่พรรคเพื่อไทย ออกจากญัตติซักฟอก จึงจะมีการบรรจุระเบียบวาระ
มองเผินๆ แม้ “ประธานวันนอร์” จะให้เหตุผล ในเรื่องแนวปฏิบัติในอดีตที่ผ่านมา ที่ไม่เคยมีกรณีการเขียนชื่อบุคคลภายนอกไว้ในญัตติซักฟอก
โดยหยิบยก ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นในสมัยปี 2545 ซึ่ง “อุทัย พิมพ์ใจชน” เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เคยให้ “ชวน หลีกภัย” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น ไปแก้ญัตติ ซึ่ง”ชวน" ก็รับไปแก้ไข ทั้งที่ไม่เห็นด้วย จนกระทั่งมีการบรรจุญัตติในท้ายที่สุด
“หากชื่อคนนอกไม่อยู่ในญัตติ จะอภิปรายอะไรก็อภิปรายไป ถ้าเขาเสียหาย ก็จะฟ้องคนพูด แต่ถ้าบรรจุในญัตติ หากมีการฟ้อง จะฟ้องประธานสภาฯ ที่ให้บรรจุระเบียบวาระ ซึ่งประเด็นเรื่องอำนาจการบรรจุระเบียบวาระ ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้แล้ว” ประธานสภาฯ พยายามอธิบาย
ทว่า ประเด็นนี้กำลังเกิดคำถามตามมาว่า มีสัญญาณจาก“ค่ายเพื่อไทย”ส่งผ่านมายังประธานสภาฯ หรือไม่ อย่างไร
อย่างที่รู้กันว่า แผนซักฟอกเดี่ยว“นายกฯอิ๊งค์”รอบนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ว่าฝ่ายค้านข้อสอบรั่ว ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน หรือ แท้จริงแล้วเป็นแผนสับขาหลอก ตั้งใจซักฟอกนายกฯ เพียงคนเดียวมาตั้งแต่ต้น
แต่ที่แน่ๆ เป้าประสงค์หลักของการซักฟอก ไม่ได้อยู่ที่ “นายน้อย”เพื่อไทยเพียงคนเดียวแน่นอน แต่หมายรวมไปถึง“ทักษิณ” ในฐานะกล่องดวงใจพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “นายกฯนอกสภา”
ท่ามกลางหลากหลายสารพัดปมร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดินอัลไพน์ โยงไปถึงกรณีถือหุ้นของนายกฯอิ๊งค์ และการพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของ “ทักษิณ” ที่มีคดีอยู่ใน “ป.ป.ช.”
อย่าลืมว่า สถานการณ์ในซีกรัฐบาลเวลานี้ ก็ใช่ว่าจะไว้วางใจได้อย่างสนิท แม้จะมีฉากการพูดคุยเคลียร์ใจกัน ระหว่าง “2 นายใหญ่” แดง-น้ำเงิน แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็จะทิ้งไว้ภายใต้เงื่อนไขต่อรองหลังจากนี้อีกมาก
ฉะนั้น ด้วยสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจภายในซีกรัฐบาล บวกเป้าใหญ่ที่ฝ่ายค้านจะใช้ “ทักษิณ”เป็นเป้าหลักชำแหละในเวทีสภา
แน่นอนย่อมล่วงรู้ไปถึง “วอร์รูมลับ” ตึกชินวัตร 3 ที่อ่านเกมรู้ดูเกมออกเป็นอย่างดี หากยังขืนปล่อยให้ “ฝ่ายค้าน” สามารถขยี้กล่องดวงใจพรรคเพื่อไทยได้โดยสะดวกโยธิน
ทำไปทำมาอาจเข้าทาง “ฝ่ายแค้น” ชิงจังหวะขยี้ซ้ำ หลังจากนี้เป็นได้ จากเดิมที่มั่นใจว่าเอาอยู่ แต่ถึงเวลาสถานการณ์อาจกลับกลายเป็นอยู่เหนือการควบคุม
2 ขั้ววัดพลัง ‘ศึกซักฟอก’ ส่อมวยล้ม
เมื่อต่างฝ่ายต่างยังคงแสดงท่าทีขึงขัง ทั้ง “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ล่าสุดยื่นคำขาด ฝ่ายค้านจะต้องแก้ไขญัตติ ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้วินิจฉัยไว้ จึงจะพูดคุยเพื่อบรรจุระเบียบวาระ แต่หากฝ่ายค้านไม่แก้ไข ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดคุยใดๆ
แนวโน้มสถานการณ์ หากสัปดาห์นี้ ฝ่ายค้านยังไม่แก้ไขญัตติ การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็อาจจะ "หวุดหวิด" หรือ "ไม่ทัน" สมัยประชุมนี้ ซึ่งจะปิดฉากรูดม่าน ในวันที่ 10 เม.ย.
ขณะที่ฝั่งพรรคประชาชน นำโดย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ส่งข้อโต้แย้งถึงประธานสภาฯ ยืนกราน 3 ข้อ ย้ำหนักแน่นว่า ญัตติดังกล่าวไม่มีข้อบกพร่องตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรอ้างแต่ประการใด
หากถึงที่สุด ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ทำไปทำมาอาจได้เห็นสัญญาณ “มวยล้ม” ไม่มีการซักฟอกในเวทีสภาฯ ในสมัยประชุมนี้ก็เป็นได้
เตะถ่วงยื้ออภิปราย-ดีลลับ?
มีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่ต่างฝ่ายต่างแสดงท่าที หลังพิงฝานั้นจะเป็นเกมลับลวงพรางเพื่อหวังผล “ล้มซักฟอก” หรือไม่ อย่างไร
โดยเฉพาะฝั่ง “พรรคประชาชน” ที่ย่อมรู้อยู่แล้วว่า พรรคเพื่อไทยมีเป้าประสงค์อะไร หากยังตะแบงยืนยันที่จะไม่ตัดชื่อ “ทักษิณ” ออก ไม่มีทางที่อีกฝั่งจะยอมให้ญัตติดังกล่าวหลุดรอดเข้าสภาฯอย่างแน่นอน
เห็นชัดจากท่าทีของ “บิ๊กต๊ะ” พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ตั้งข้อสังเกต ประเด็นการถอนชื่อ“ทักษิณ” ออกจากญัตติ
“ผมไม่มั่นใจว่า ประธานสภาฯ กังวลเกินไป หรือตั้งใจถ่วงเวลาให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีต้องเลื่อนออกไป จนหมดสมัยการประชุม หรือมีข้อตกลงอะไรลับ ๆ หรือไม่อย่างไร ฝากพี่น้องประชาชนช่วยจับตามอง”
ต้องยอมรับว่า ในสภาวะที่ฝ่ายค้านไม่ได้เข้มแข็งเหมือนในอดีต ต่างจากฝั่งรัฐบาลเวลานี้ แม้จะเกิดเแรงกระเพื่อมในขั้วรัฐบาลอยู่บ้าง แต่คงไม่มีพรรคไหนกล้าเปิดเกมหักผ่านเวทีซักฟอกแบบโจ่งแจ้ง เพราะนั่นหมายถึงโอกาสในการถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน
ยังไม่นับรวมเสียง “งูเห่า” ฝ่ายค้าน ที่รอกดปุ่มโหวต “ไว้วางใจ” นายกฯอิ๊งค์ ผ่านศึกซักฟอกได้ฉลุย
ฉะนั้นแม้พรรคส้มจะพยายามประโคมโหมโรงว่ามีหมัดเด็ดน็อกรัฐบาล แต่ถึงที่สุดอาจหวังผลแต่การลดทอนคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย ในฐานะศัตรูเบอร์หนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าเพียงเท่านั้น
จับตาการทิ้งทวนสมัยประชุมสภา ท่ามกลางการเมืองลับลวงพราง “ศึกซักฟอก” จะเปิดฉากได้หรือไม่ หรือที่สุดจะกลายเป็น “มวยล้ม ต้มคนดู” เดี๋ยวคงได้รู้กัน