ป.ป.ช.ชง มท.ป้องปรามโกงลอบขุดดิน ยกเคสโคราช 10 ปีเสียหาย 1.2 พันล.

ป.ป.ช.เผยชงถึง มท.แล้ว มาตรการป้องปรามทุจริต 'ขุดดิน-ถมดิน' มิชอบด้วยกฎหมาย หลังพบหลายกรณีลักลอบทำหลายที่ทั่วประเทศ ยกเคสโคราช แค่ 10 ปีเสียหาย 1.2 พันล้านบาท
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยระบุว่า ในปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวในประเด็นการขุดดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายหลายกรณี เช่น การลักลอบขุดหน้าดินในพื้นที่ ส.ป.ก.จังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำไปขายโดยพื้นที่ดังกล่าวมีเนื้อที่กว่า 300 ไร่ มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี ไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท การออกใบอนุญาตประกอบกิจการขุดดินรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ข้อเท็จจริงในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ พบว่ามีการลักลอบขุดหน้าดินโดยไม่ได้แจ้งขออนุญาตอย่างถูกต้องหรือใบอนุญาตหมดอายุ ซึ่งกระทบต่อรายได้จากค่าธรรมเนียมที่รัฐควรได้ มีการขุดดินผิดไปจากแบบแปลนตามหลักวิชาการเกินกว่าที่ขออนุญาต ส่งผลทำให้พื้นที่ที่ดินบริเวณข้างเคียงเกิดการทรุดตัวและพังทลายได้รับความเสียหายและมีการบรรทุกดินน้ำหนักเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดทำให้ถนนหนทางชำรุดเสียหายซึ่งกระทบต่องบประมาณของภาครัฐจำนวนมากในการซ่อมบำรุง
รวมถึงการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้พิจารณาการให้ใบอนุญาตขุดดินและเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้เข้าไปตรวจสอบควบคุมการประกอบกิจการขุดดินให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนในประเด็นเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ในการออกใบอนุญาตสำหรับ ขุด ตัก ลอก หรือดูดทรายหรือดินและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการชี้มูลในเรื่องดังกล่าวไปแล้วนั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้เสนอมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 32 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขุดดินและถมดิน กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขุดดินและถมดินมีหลายฉบับ ส่งผลให้การกำกับติดตามการให้อนุญาตขุดดินและถมดิน มีความแตกต่างกันไป ส่งผลให้ต้องใช้ใบอนุญาตหลายฉบับและมีกระบวนการขอใบอนุญาตที่ยุ่งยากและใช้ระยะเวลานานเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการ ทำให้ผู้ประกอบการหลบเลี่ยงการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ตามกฎหมาย จึงเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแสวงหาผลประโยชน์เพื่ออำนวยความสะดวกและเร่งรัดการอนุญาต รวมถึงการแสวงหาประโยชน์ในการกำกับดูแลการควบคุมตรวจสอบการดำเนินการขุดดินและถมดิน โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. การแก้ไขประเด็นปัญหาด้านกฎหมาย กฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติที่ขัดแย้งกัน
1.1 ควรปรับปรุงกฎหมาย หรือกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขุดดินและถมดิน เพื่อให้การควบคุม ดูแลการขุดดินและถมดินมีประสิทธิภาพ และสามารถป้องกันการทุจริตได้มากยิ่งขึ้น โดยในกฎหมายดังกล่าว ให้กำหนดถึงแนวทางในการขนย้ายดินหลังจากที่มีการขุดดินและถมดินด้วย
1.2 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอนุมัติ อนุญาตในการขุดดินและถมดิน ทำความ ตกลง เพื่อลดขั้นตอนในการขออนุมัติ อนุญาต ซึ่งจะทำให้กระบวนการอนุมัติ อนุญาต มีความโปร่งใสมากขึ้น เช่น ร่วมกันพิจารณาออกกฎระเบียบการใช้หน้าที่และอำนาจในการออกใบอนุญาตเป็นกฎระเบียบร่วม พร้อมทั้งให้นำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการอนุมัติ อนุญาต การออกใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต
1.3 ควรร่วมกันจัดทำแผนที่แสดงเขตพื้นที่ที่สามารถขออนุญาตขุดดินและถมดินได้โดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ GIS เพื่อป้องกันมิให้เกิดการให้ใบอนุญาตในพื้นที่ห้ามขุดดิน
1.4 ควรมีการวิเคราะห์ ว่าในแต่ละสภาพพื้นที่สามารถขุดดินและถมดินได้หรือไม่รวมถึงผลกระทบจากการขุดดินและถมดิน และแนวทางในการฟื้นฟูสภาพดินและสิ่งแวดล้อม
2. การแก้ไขปัญหาการขออนุญาตขุดดินลูกรังในที่เขาหรือภูเขาและพื้นที่นอกเขตเขาและปริมณฑลรอบเขา 40 เมตร การแก้ไขปัญหาการอนุญาตในการดูดทราย และการขุดลอกคลองเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยหรือภัยแล้งสำหรับแม่น้ำภายในเขตจังหวัด ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความตกลงและจัดทำคู่มือในการแก้ไขปัญหาการขออนุญาตขุดดินลูกรังในที่เขาหรือภูเขาและพื้นที่นอกเขตเขาและปริมณฑลรอบเขา 40 เมตร การแก้ไขปัญหาการอนุญาตดูดทราย และการขุดลอกคลองเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยหรือภัยแล้งสำหรับแม่น้ำภายในเขตจังหวัด
3. การแก้ไขปัญหาการกำกับดูแลการดำเนินการขุดดินและถมดิน การบังคับใช้กฎหมายยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเคร่งครัดหรือมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม ดูแล ตามภารกิจ และอำนาจหน้าที่
3.1 ต้องมีมาตรการหรือแนวทางในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีการลงโทษอย่างจริงจังสำหรับผู้ใช้อิทธิพลและอำนาจ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เจตนาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน และควรมีการสร้างระบบของการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำถูกต้องตามกฎหมาย และมีระบบป้องกันให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ร่วมกระทำการทุจริต เกิดความเกรงกลัวที่จะกระทำความผิด
3.2 ต้องอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความรู้อย่างเพียงพอ มีการกำหนดระบบการตรวจสอบ ที่มีประสิทธิภาพ
3.3 ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการขุดดินและถมดิน
4. ปัญหาการขาดความโปร่งใสในการตรวจสอบและการมีส่วนร่วมของประชาชนให้หน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความดูแลของตนเอง สร้างกลไกในการเฝ้าระวังเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชน ต้องสร้างระบบการแจ้งเบาะแสโดยไม่เปิดเผยชื่อผู้แจ้งข้อมูล โดยจัดให้มีช่องทางที่เหมาะสม ซึ่งอาจใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือเครือข่ายสังคมออนไลน์และรายงานผลการดำเนินการภายหลังได้รับการแจ้งเบาะแสให้ประชาชนผู้แจ้งเบาะแสรับทราบด้วย และต้องมีกลไกในการคุ้มครองประชาชนผู้แจ้งเบาะแสด้วยเช่นกัน
5. ปัญหาในภาพรวมที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน การลักลอบขุดดิน การออกใบอนุญาตประกอบกิจการขุดดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ การขุดดินขณะที่ใบอนุญาตหมดอายุ การขุดดินผิดไปจากแบบแปลนตามหลักวิชาการ การขุดดินเกินกว่าที่ขออนุญาต การขุดดินในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือที่ดินเอกชน การขุดดินที่กระทบถึงความปลอดภัย การบรรทุกดินเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดทำให้ถนนเกิดความชำรุดเสียหายซึ่งกระทบต่องบประมาณของภาครัฐจำนวนมากในการซ่อมบำรุงเส้นทาง การแก้ไขปัญหาในข้อนี้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต้องกำหนดมาตรการในการเฝ้าระวังเป็นรายกรณี
6. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการดำเนินการตามมาตรการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาและมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป โดยขอให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการขับเคลื่อนมาตรการฯ เสนอต่อสำนักงาน ป.ป.ช.
เป็นประจำทุกปีด้วย
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง