‘ปชป.’ ย้ำหมุดหมายพิษณุโลก ปั้นพรรคอยู่คู่การเมืองไทย

‘ปชป.’ ย้ำหมุดหมายที่พิษณุโลก อย่างต่อเนื่อง เดินหน้าหาตัวแทนพรรคประจำจังหวัด - ‘มงคลกิตติ์’ เผย ‘กก.บห. - สมาชิกพรรคฯ’ เห็นตรงกัน ควรให้พรรค ปชป. อยู่คู่กับการเมืองไทย
ที่โรงแรมพิษณุโลกออร์คิด ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.ภคอร จันทรคณา อดีต ส.ส.บญชีรายชื่อ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมสมาชิกพรรค เข้าร่วมการประชุมสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ใน จ.พิษณุโลก เพื่อเลือกตั้งตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ใน จ.พิษณุโลก พร้อมกับพบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาโดยนำมาจัดทำเป็นนโยบายที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
โดยมีตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดพิษณุโลก ร่วมสังเกตการณ์ด้วย
โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ตนเชื่อว่า ประชาชนที่สมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีหลากหลายเหตุผลที่สมัครเข้ามา หลายคนที่เข้ามาก็บอกว่า ชื่นชอบในอุดมการณ์และการทำงานของพรรค ที่เป็นพรรคการเมืองที่ดำรงอยู่กับประชาชนมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่า หลายคนเกิดมาก็เห็นพรรคประชาธิปัตย์หาเสียง และตัดสินใจเป็นสมาชิกพรรคฯ มาเป็นระยะเวลายาวนาน
หลายคนที่มีมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ ก็มีความชื่นชอบในบทบาทของหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคในยุคนั้น ๆ จนตัดสินใจก้าวเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ และหลายคนก็ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเหนียวแน่น โดยที่ไม่แปรเปลี่ยนไปไหน เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ และจะมีพรรคประชาธิปัตย์อยู่คู่กับการเมืองไทยไปตลอดนั้น
เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคฯ ที่มี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรคฯ และสมาชิกพรรคฯ มีความเห็นที่ตรงกันว่า ตัวบุคคลก็แค่มาผลัดเปลี่ยนบริหารงานตามยุคสมัยทางการเมือง จึงไม่ควรที่จะเอาพรรคไปผูกติดกับกระแสความนิยมของใครคนใดคนหนึ่ง แต่สิ่งที่ควรดำรงอยู่คู่กับการเมืองไทย ซึ่งทุกวันนี้พัฒนาไปไกลมาก พร้อมกับมีความสลับซับซ้อนและผันผวนอยู่ตลอดเวลานั้น ก็คือพรรคการเมือง ซึ่งในวันนี้ตนเชื่อว่า มีประชาชนจำนวนไม่น้อย อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ กลับมามีบทบาทให้มากกว่าที่เป็นอยู่
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อยากให้สมาชิกพรรคฯ ช่วยกันเป็นพลังในการขับเคลื่อนพรรคฯ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายตามที่ประชาชนคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะตนเชื่อว่า ประชาชนยังมีความรักความศรัทธาในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในสถานการณ์การเมืองและอารมณ์ความรู้สึกร่วมในขณะนั้น ทำให้ต้องตัดสินใจเลือกสิ่งที่เห็นว่า เหมาะสมตามสถานการณ์
โดยหวังว่าคะแนนที่เลือกไปนั้น จะมีน้ำหนักและไม่ใช่คะแนนตกน้ำ เพราะฉะนั้น ขณะนี้การบริหารงานของพรรคประชาธิปัตย์ โดยการนำของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคฯ ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสม เพราะเป็นการนำพรรคฯ ให้ใกล้ชิดกับประชาชน โดยการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งโครงการให้ความรู้การปกครองระบอบประชาธิปไตย การเข้าร่วมการประชุมเพื่อจัดตั้งสาขาพรรคและคัดเลือกสมาชิกพรรคให้เป็นตัวแทนสาขาพรรค โครงการพระแม่พาติวให้กับเด็กและเยาวชนไทย การทำงานที่สอดประสานอย่างลงตัวของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข
โดยเฉพาะการผลักดันการนำสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ ในพื้นที่การดูแลของ กระทรวงทรัพยากรฯ มาสร้างมูลค่าในการรักษาโรค และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นต้น
รวมทั้ง ยังเน้นย้ำถึงนโยบายพรรค ที่ทำสำเร็จ ต่อเนื่อง ยาวนาน จนพรรคอื่นไม่กล้ายกเลิก เช่น โครงการนมโรงเรียน ซึ่งไม่ได้แค่ช่วยให้พัฒนาการของเด็กไทยดีขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ยังช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้เกษตรผู้เลี้ยงโคนมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยให้มีรายได้ที่แน่นอน กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ. ) เบี้ยคนชรา เบี้ยคนพิการ ซึ่งสามนโยบายนี้ ในช่วงการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา
พรรคการเมืองต่างนำนโยบายนี้มาดึงดูดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยการปรับเบี้ยเป็นขั้นบันได บางพรรคถึงขั้นเกทับด้วยจำนวนเงิน บางพรรคถึงขั้นดึงดูดใจโดยการยกเลิกหนี้เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงนโยบายของพรรคฯที่สามารถทำได้จริง และทุกพรรคการเมืองสามารถนำไปต่อยอดได้
ส่วนโครงการประกันรายได้ ชดเชยเกษตรกรปลูกข้าว 1,000 บาท/ไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ ต่อครัวเรือน นั้น เนื่องจากเป็นนโยบายที่สำคัญที่ทำให้เกษตรกรมีความมั่นคงในชีวิต จึงทำให้ทุกวันนี้ ยังมีประชาชนจำนวนมาก รอคอยที่จะให้นโยบายนี้กลับมา
พร้อมทั้ง ยังมีกิจกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องๆ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างประชาชนทุกคน และคาดหวังว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคประชาธิปัตย์ จะได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนที่มากพอในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญๆ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกมิติต่อไป
ด้าน น.ส.ภคอร กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเวลาให้ประชาชนที่มีเงินได้ สามารถยื่นแบบภาษีเพื่อแสดงเจตนาว่า จะอุดหนุนภาษีพรรคการเมืองไหนเพื่อให้นำเงินดังกล่าวมาจัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งตนมองว่า หากมองด้วยหลักการบริหารธุรกิจแล้ว แบรนด์ที่อยู่มานานจะมีความเชื่อถือและได้รับความเชื่อใจจากผู้บริโภค พร้อมกับการปรับปรุงแบรนด์ให้ทันสมัยเพื่อตอบโจทย์ประชาชนในการดำเนินวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ทุกวันนี้มีการปรับตัวให้ทันสมัยและพยายามจะก้าวไปสู่พรรคการเมืองที่ตอบโจทย์ให้กับทุกชีวิตของคนไทย ไม่ใช่เป็นพรรคที่เป็นตัวแทนทางความคิดด้านใดด้านหนึ่งในช่วงเวลานั้น
เพราะฉะนั้น ดังที่นายมงคลกิตติ์ ได้พูดกับพี่น้องประชาชนว่า อยากให้สมาชิกพรรคฯ ช่วยกันเป็นพลังในการขับเคลื่อนพรรคฯ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายตามที่ประชาชนคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งหน้า นั้น ตนก็จะต้องขอร้องกับสมาชิกพรรคฯ และประชาชนผู้ที่มีเงินได้ว่า ‘ช่วยซัพพอร์ตพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคนี้หน่อยได้ไหมค่ะ’
เพราะถือว่า การที่ประชาชนแสดงเจตนาอุดหนุนภาษีให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือนกับเป็นการซัพพอร์ตพรรคการเมืองที่อยู่คู่คนไทย ให้สามารถเดินหน้าทำงานเพื่อซัพพอร์ตประชาชนคนไทยทุกคน ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ดังนั้น ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงในการอุดหนุนภาษีให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยการติ๊กถูกเพื่อแสดงเจตนา และกรอกรหัส 001 ซึ่งเป็นรหัสของพรรคประชาธิปัตย์ ได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เลือกสมาชิกจำนวน 5 คน ขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ประจำจังหวัดพิษณุโลก ได้แก่ นายยุทธนา แพนคร น.ส. ลำเภา มูลวงษ์ นายปรีชา แย้มสมพร นายภูธเนศ ภูศรีเทศ และนางเหมรัศมิ์ พงศาปาน