'พริษฐ์' ฉายภาพละคร 5 ตอน ปูดสารพัดดีลลับ ซักฟอก 'นายกฯ' เป็ดง่อย

'พริษฐ์' ฉายภาพละคร 5 ตอน ปูดสารพัดดีลลับ ซักฟอก 'นายกฯ' เป็ดง่อย

'พริษฐ์' ฉายภาพละคร 5 ตอน เหน็บรัฐบาลเพื่อไทย หัวใจคือ ประชาชนจริงหรือ ปูดสารพัดดีลลับ ไม่มีประชาชนในสมการ เปรียบ 'แพทองธาร' เป็ดง่อย ต้องรอ 'นายกฯ คนพ่อ' ตัดสินใจ

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยวานนี้ (24 มี.ค.68) เมื่อเวลา 22.45 น.ที่ผ่านมา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า เข้าใจดีว่าเป็นความพยายามของ น.ส.แพทองธาร ที่จะชวนพวกเรานึกย้อนไปถึงภาพจำของรัฐบาลพรรคท่านในอดีต ที่เคยบริหารประเทศในช่วงเวลาที่คนจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นประชาธิปไตยกินได้ ผสมผสานเศรษฐกิจที่รุ่งเรือง การเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน แต่ภายในระยะเวลา 6 เดือนภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ภาพจำดังกล่าวพังทลายลงไปเรียบร้อยแล้ว ประชาชนไม่มีกินอย่างไร จีดีพีของเรารั้งท้ายในอาเซียน ค่าแรงขั้นต่ำแตะ 400 บาทใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ ราคาข้าวตกต่ำลดลงมา 30-50 เปอร์เซ็นต์ แม้นายกฯ จะสอบตกเรื่องเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ซึ่งท่านก็สอบตกเช่นกันเรื่องการยกระดับประชาธิปไตย

นายพริษฐ์​ กล่าวว่า หากย้อนกลับไปการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา วันนั้นมีการตกผลึกของสังคม และแปรเปลี่ยนออกมาเป็นพลังของประชาชนอย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าคูหาเลือกตั้ง และลงโทษผู้นำที่สืบทอดมาจากเผด็จการ และมอบอำนาจให้พรรคฝ่ายค้านในตอนนั้นด้วยความคาดหวังว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะมีอำนาจที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย และก็ไม่น่าเชื่อว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้สึกว่าประชาธิปไตยของบ้านเราในตอนนี้ไม่ได้ดีไปกว่าการนำของรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่มีนายกฯ​ ที่เป็นคนก่อรัฐประหาร

\'พริษฐ์\' ฉายภาพละคร 5 ตอน ปูดสารพัดดีลลับ ซักฟอก \'นายกฯ\' เป็ดง่อย

หากวัดจากดัชนีประชาธิปไตยจะเห็นว่าประชาธิปไตยของเราบกพร่องจริงๆ โดยในปี 2567 ลดลงเหลือ 6.27 หรือหากวัดจากเสรีภาพทั่วโลกประเทศเราก็ถูกลดลำดับลง ตอนนี้อยู่ในหมวดหมู่ของการไม่มีเสรีภาพจากที่เคยอยู่ในหมวดหมู่มีเสรีภาพบางส่วน หากนายกฯ ไม่อยากใช้มาตรฐานสากล เราใช้ไม้บรรทัดของพรรคเพื่อไทยก็ได้ ซึ่งจะเห็นว่าตอนนี้ยังไม่ได้ก้าวขึ้นสู่บันไดสักขั้นเลย

นายพริษฐ์​ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม คนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดต่อความล้มเหลวดังกล่าว คือ น.ส.แพทองธาร ที่จงใจทิ้งขว้างโอกาสที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปีในการสร้างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ในการเอาอำนาจที่ประชาชนมอบให้ไปแลกกลับผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว และเครือข่ายที่พึ่งพาการมีอยู่ของน.ส.แพทองธาร

ฉะนั้น การบริหารประเทศ และการปฏิรูปการเมืองภายใต้การนำน.ส.แพทองธาร จึงเป็นเหมือนละครเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า “รัฐบาลเพื่อไทยหัวใจคือ ประชาชน” มีทั้งหมด 5 ตอน โดยมีนายกฯ เป็นตัวละครหลักที่กำลังจะมุ่งสู่ความพังพินาศของระบบการเมืองไทย ทั้งนี้ ละครนี้อาจจะมีภาพ เสียง และเนื้อหาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้นำประเทศเรา โปรดใช้วิจารณญาณ

สำหรับตอนที่หนึ่ง ตนให้ชื่อว่ารวมกันอ้างชาติ คือ พฤติกรรมของนายกฯ ที่รวมกันตั้งรัฐบาลโดยอ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติ แต่ไม่เคยเอาเรื่องนโยบายส่วนรวมเป็นตัวตั้ง และหากย้อนไปตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ​ ที่พรรคการเมืองเหล่านั้นมาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันได้เพราะไม่เอามาตรา 112 และพรรคก้าวไกลในขณะนั้น จนมาถึงสมัยของน.ส.แพทองธาร ก็ออกมาในรูปแบบเดิมคือพรรคการเมืองนั้นๆ ต่างออกมาบอกว่าไม่เอา มาตรา 112

\'พริษฐ์\' ฉายภาพละคร 5 ตอน ปูดสารพัดดีลลับ ซักฟอก \'นายกฯ\' เป็ดง่อย

"2 ปีที่ผ่านมา จึงพิสูจน์ให้เห็นว่าภาพจำตอนเลือกตั้งของปี 2566 ที่บอกว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลข้ามขั้วนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เพราะแม้พวกเขาจะหาเสียงแตกต่างกันแค่ไหน แม้พวกเขาจะเคยไล่หนูตีงูเห่ากันมาไม่รู้กี่รอบ แต่ความจริงแล้วพวกเขาเป็นพวกขั้วเดียวกันที่มีคุณสมบัติร่วมกัน คงเส้นคงวาในการกลับคำพูดไปมาโดยไม่เขินอายต่อคำพูดตัวเองในอดีต เพียงแค่ให้อยู่ในอำนาจโดยไม่สนใจวาระการปฏิรูปการเมืองต่างๆ คงจะไม่สำเร็จภายใต้รัฐบาลนี้ แต่ก็เข้าใจดีว่านายกฯ จะมายอมรับเช่นนั้นในตอนนั้น เลยคงเป็นไปไม่ได้จึงต้องเล่นละครต่อไปเรื่อยๆ" นายพริษฐ์ กล่าว

ละครตอนที่สอง ขอให้ชื่อว่า ปากอย่างใจอย่าง สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีที่เสแสร้งว่าต้องการผลักดันการปฏิรูปการเมืองแต่ไม่เคยออกแรงให้ได้เห็น เช่น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีต้นกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และทำให้กลไกปราบโกงมีความล่าช้า และอ่อนแอ ถูกแทรกแซงได้ เปิดช่องให้รัฐบาลกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สามารถฮั้วกันได้โดยใช้ตำแหน่งประธานรัฐสภาเป็นเครื่องมือ

นายพริษฐ์​ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังทำให้อำนาจที่มาของสมาชิกวุฒิสภาไม่สมดุลกัน มีกระบวนการ การเลือก สว.ที่พิสดาร ไม่ยึดโยงกับประชาชน และเอื้อต่อมหกรรมการโกงที่ทุกคนรู้มีเพียงแค่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไม่รู้ รวมถึงรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังทำให้เกิดการยุบพรรคการเมือง ตัดสิทธินักการเมืองเป็นว่าเล่น ซึ่งกระทบต่อเสถียรภาพของการเมือง และทำให้ประชาชนต้องรับกรรมจากการมี น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ทั้งที่ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของประชาชน และไม่ใช่ตัวเลือกแรกของพรรคการเมืองที่ท่านสังกัดอยู่ ปัญหาเหล่านี้ ตนเชื่อว่านายกฯ จะรู้ดี แม้พรรคฝ่ายค้านจะเสนอทางออกว่าให้ทำประชามติแค่สองครั้ง แต่ท่านนายกฯ ก็ไม่เคยลงแรง มีแต่พรรคฝ่ายค้านที่พยายามจะทำ

“แน่จริงท่านนายกฯ ยอมรับตรงๆ เลย ว่าเมื่อท่านไปทำดีลให้คุณพ่อท่านได้กลับบ้านมาแล้ว ส่วนหนึ่งท่านต้องปกป้องรัฐธรรมนูญปี 2560 เอาไว้ให้ได้ ซึ่งหากลองเปรียบเทียบความพยายามของนายกฯ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญกับความพยายามของนายกฯ เรื่องกาสิโน ก็จะเห็นระดับความพยายามที่ชัดเจน นายกฯ พร้อมจะลุยไฟเรื่องกาสิโนแม้จะต้องหลอกลวงประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลักการก็กลับไปกลับมา ไม่มีผลการศึกษาที่ละเอียดมารองรับ สิ่งที่พวกผมให้อภัยไม่ได้คือ การที่นายกฯ พร้อมจะลุยไฟเรื่องกาสิโน แม้จะต้องไปทำดีลกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่ทำให้วิกฤติพนันออนไลน์สามารถทำร้ายประชาชนสาหัสกว่าเดิม" นายพริษฐ์​ กล่าว

นอกจากนั้น ยังเห็นได้ชัดจากการกลับลำของพรรคภูมิใจไทย นี่ถือเป็นการดีลอำมหิต ในการแจกไพ่พิเศษใบหนึ่งให้กับนายกรัฐมนตรี จากพรรคการเมืองหนึ่งไปออกกาสิโนในพื้นที่ และแจกไพ่พิเศษอีกหนึ่งใบไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจากอีกพรรคการเมืองหนึ่งไปออกใบอนุญาตกาสิโนออนไลน์ โดยไม่มีประโยชน์ของประชาชนอยู่ในสมการ และไม่มีการพูดคุยหาทางออกว่าจะทำอย่างไรในการปกป้องประชาชนชาวไทยอีกหลายล้านคนไม่ให้หลุดเข้าไปเป็นเหยื่อการพนันมากกว่าเดิม

\'พริษฐ์\' ฉายภาพละคร 5 ตอน ปูดสารพัดดีลลับ ซักฟอก \'นายกฯ\' เป็ดง่อย

นายพริษฐ์​ กล่าวด้วยว่า ทั้งยังจะทำให้ภาพของการท่องเที่ยวเสียหายไปด้วย ที่ผ่านมารัฐบาลสอนเรามาโดยตลอดว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสำคัญกับการท่องเที่ยวไทยมากแค่ไหน แต่รัฐบาลเดียวกันกับเดินหน้านโยบายกาสิโนโดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อความพยายามของรัฐบาลจีนในการลดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปประเทศอื่นเพื่อไปเล่นการพนัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะบอกว่าไม่รู้ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ เพราะตอนที่นายกรัฐมนตรี เดินทางไปจีน เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตนได้ทราบข้อมูลว่า ประธานาธิบดีของประเทศจีน ได้ถามย้ำถึงเรื่องนโยบายกาสิโนกับท่านนายกรัฐมนตรี ถึงสามรอบ

นายพริษฐ์ กล่าวย้ำว่า ประชาชนไม่เคยอยู่ในสมการนี้เลย และนายกรัฐมนตรี ก็อยากให้มีกาสิโนอยู่ในประเทศนี้ถึงขั้นที่เอาชีวิตของประชาชนหลายล้านคนไปเสี่ยงด้วย ตอนที่ไปดีลกันนั้นท่านได้คิดถึงชีวิตของประชาชนบ้างหรือไม่ ท่านท่องอยู่เสมอว่ารายได้จากกาสิโนจากกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ แต่ท่านเคยชั่งน้ำหนักจริงๆ หรือไม่ว่ารายได้ที่ได้จากกาสิโนนั้นมากหรือน้อยกว่ารายได้ที่ได้ที่เราเสี่ยงจะสูญเสียไปจากนักท่องเที่ยวจีน

สำหรับตอนที่สาม ตนให้ชื่อว่าสามก๊กลวงโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีในการโยนบาปทั้งหมดให้กับพรรคร่วมรัฐบาล แต่กลับไม่ผลักดันวาระหลายวาระ ที่ตนทำให้สำเร็จเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อท่านเล่นละครไปสักพักประชาชนก็เริ่มดูออกโดยมุกประจำที่ท่านชอบใช้ คือ การให้ที่ปรึกษาของท่านออกมาแต่งนิยายสามก๊ก ที่พยายามหลอกประชาชนว่าการเมืองไทยมีสามก๊ก

แน่นอนว่าก๊กแรกคือ พวกตน พรรคฝ่ายค้าน และพยายามวาดภาพว่าภายในรัฐบาลของพวกท่านนั้นมีสองก๊กอยู่ด้วยกัน ก๊กหนึ่งคือ พรรคของท่านนายกฯ เป็นผู้ประเสริฐ กับอีกก๊กหนึ่งคือ พวกที่เป็นผู้ร้าย อีกมุมอะไรดีๆ เป็นวาระก้าวหน้าที่รัฐบาลถูกสังคมกดดันจนต้องผลักดัน นายกฯ กับพรรคของท่านก็รีบออกมาเคลมบอกว่าเป็นผลลัพธ์จากความเก่งกาจของท่านในการโน้มน้าวอีกก๊กหนึ่ง ทั้งที่หลายครั้งความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นจากท่าน และพรรคของท่านเลย

เช่น การยกเลิกคำสั่ง คสช. ซึ่งเมื่อมาถึงวันนี้อะไรที่ท่านไม่อยากทำมันแล้วท่านก็จะใช้วิธีการลอยตัวเหนือปัญหา อ้างว่าติดที่พรรคร่วมรัฐบาลบ้าง ส่งคนของท่านไปด่าว่าคนนั้นคนนี้เป็นอีแอบ เพื่อหวังจะไปอ้อนกับประชาชนเพื่อที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ที่พรรคของท่านเสนอร่างกฎหมายมาประกบกับพรรคก้าวไกล เนื้อหาสอดคล้องกันที่ต้องการให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน และพยายามทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีอำนาจในการกำหนดนโยบาย ไม่ใช่เป็นเพียงโฆษกกองทัพที่คอยแก้ต่างให้กับมติของสภากลาโหม

\'พริษฐ์\' ฉายภาพละคร 5 ตอน ปูดสารพัดดีลลับ ซักฟอก \'นายกฯ\' เป็ดง่อย

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า แต่ทันทีที่พรรคร่วมรัฐบาลประกาศไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายของพรรคเพื่อไทยที่ปรึกษาของพรรคท่านก็ ช่วยโอกาสงัดนิยายสามก๊ก ขึ้นมาชักแม่น้ำทั้งห้าว่าก๊กของพวกท่านต้องการผลักดันเรื่องนี้ใจจะขาด แต่เมื่ออีกก๊กหนึ่งในรัฐบาลไม่เห็นด้วย หากฝืนจะเดินต่อโอกาสสำเร็จก็จะมีน้อย แต่พวกตนรู้ทัน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้านก็ออกมายืนยันว่า สส.พรรคประชาชน 140 คน พร้อมลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ส่งผลต่อคณิตศาสตร์ทางการเมืองทำให้พวกท่านหลอกลวงประชาชนไม่ได้อีกต่อไป เพราะประชาชนบวกเลขเป็น

และไม่ต้องอ้างว่าในเมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกันต้องให้เกียรติกัน จะเสนอกฎหมายที่ขัดแย้งกันไม่ได้ เพราะตอนที่พรรคภูมิใจไทย โหวตร่างพ.ร.บ.ประชามติต่างจากพรรคของท่านก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่แทนที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะออกมาแสดงจุดยืน คือการที่เรามองว่ากองทัพไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงรัฐบาลพลเรือน แต่นายกฯ กลับทิ้งขว้างโอกาสของดังกล่าว แล้วไปให้สัมภาษณ์ว่าพุทธศักราชนี้ รัฐบาลไม่มีเจตนาในการแทรกแซงกองทัพ ทำให้ สส.พรรคท่าน ต้องถอนร่างกฏหมายดังกล่าวออกไป

นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า ถ้าสังเกตดีๆแปลกมากที่ไม่ว่าจะวาระอะไรก็ตาม รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งท่านนายกฯ ไม่สามารถที่จะรวบรวมในสภาฯ ได้มากพอ ก็จะใช้วิธีลอยตัวเหนือปัญหาแล้วบอกว่าเป็นเรื่องของสภาฯ กลับกันเห็นชอบกับกรณีของร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีเสียงในสภาฯ เพียงพอถอดร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป โดยไม่จำเป็นโดยอ้างพรรคร่วมรัฐบาล

"ดังนั้น นิยายเรื่องสามก๊กนี้จึงเป็นเพียงนิทานหลอกลวงประชาชนที่นายกฯ พรรคเพื่อไทยใช้ในการโยนความล้มเหลวของตัวเองในการปฏิรูปการเมืองไปที่พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น" นายพริษฐ์​ กล่าว

ส่วนละครตอนที่สี่ ตนขอให้ชื่อว่าประชาชนเป็นแค่คำขวัญ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของนายกฯ ที่ชอบยกตนเองว่ามาจากประชาชน แต่กลับบั่นทอนทุกสถาบันทางการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน เช่น รัฐบาลที่กลายเป็นเป็ดง่อยไม่สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตนเองได้ ต้องรอคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีตัวจริง เมื่อนายกฯ อยากรู้ว่าจะได้เงินหมื่นเฟสต่อไป เมื่อไหร่ก็มักจะไม่ได้คำตอบจากการให้สัมภาษณ์ข องท่านนายกฯ คนลูก แต่มักจะได้ยินที่แรกจากคำพูดหรือบนเวทีปราศรัยของนายกฯ คนพ่อ นอกจากนี้ฝ่ายค้านได้ถามกระทู้สดน.ส.แพทองธาร แต่นายกฯ ตอบพวกเราแค่ 0 ครั้งต่อ 19 ครั้ง เวลาที่ท่านเข้ามาในสภาฯ ก็ทำเหมือนว่าฝ่ายค้านต้องซาบซึ้ง

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนละครตอนสุดท้าย ตนขอให้ชื่อว่าปราบโกงเป็นพิธี ที่ท่านนายกฯ ชอบอ้างความถูกต้อง เมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม แต่กลับปล่อยปละละเลยปัญหาคอร์รัปชัน ที่ไม่เคยได้เห็นจากนายกฯ แพทองธาร หรือแม้กระทั่งการออกกฎหมายในสภาฯ เพื่อสร้างความโปร่งใสท่านก็ไม่ทำ ย้ำว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลการละครที่ชอบอ้างความถูกต้องเอาหล่อเมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม แต่กลับปิดตาข้างเดียวเมื่อไหร่ที่โคจรมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน

“ความจริงแล้วละคร 5 ตอนดังกล่าวนั้น ไม่ได้แยกออกจากกัน แต่มีเส้นเลือดที่ตอกย้ำว่า ประเทศเรามีนายกรัฐมนตรีที่จงใจบริหารราชการแผ่นดินแบบสองมาตรฐาน เมื่อเป็นผลประโยชน์ส่วนรวมก็ทำอีกแบบหนึ่ง แต่พอเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวก็จะทำอีกแบบ นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลที่สามัคคีกันตอนเข้าสู่อำนาจ แต่กลับขาดเอกภาพในการผลักดันนโยบาย เป็นนายกรัฐมนตรีที่ปล่อยจอยกับนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ แต่ทุ่มสุดตัวกับนโยบายที่มีไว้หากิน เป็นนายกรัฐมนตรีที่เคลมความดีทั้งหมดไว้กับตัวเองแต่กลับโยนบาปให้กับคนอื่น เป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถทำให้สุขภาพของคนๆ หนึ่งแข็งแรงขึ้นได้ในพริบตา แต่กลับทำให้สถาบันทางการเมืองของประชาชน 60 ล้านคนต้องอ่อนแอลง นายกรัฐมนตรีที่อ้างความถูกต้องเมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม กลับเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องที่อยู่รอบตัวท่านและรอบตัวครอบครัวท่าน" นายพริษฐ์​ กล่าว

นายพริษฐ์​ กล่าวทิ้งท้ายว่า ฉะนั้น การเล่นละครของนายกฯ แพทองธาร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลับสร้างความเสียหายที่เลวร้ายต่อประเทศชาติ และประชาชนมามากเกินกว่าที่พวกผมสามารถไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จึงขอวิงวอนไปยังเพื่อนสมาชิกว่า แม้ในวันที่ 26 มีนาคม ที่จะมีการลงมติกัน ท่านจะไม่พร้อมใช้หนึ่งเสียงของท่านเพื่อลงโทษผู้นำที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการปฏิรูปการเมืองไทย แต่อย่างน้อยก็หวังว่าท่านจะใช้หนึ่งเสียงของท่านเพื่อปกป้องเกียรติยศ และอาชีพตัวเองในการลงมติเพื่อสื่อสารกับประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของนักการเมืองไทยในสายตาของประชาชน ในสายตาของประชาชนคมโลกไม่ควรจะไปตกอยู่กับบุคคลที่ไร้หลักการ ไร้ความสามารถ และไร้ความจริงใจ ไร้ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมที่ชื่อว่าแพทองธาร ชินวัตร

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์