'นายกฯ' แจงทำตามดีลทุกรอบ ขอ 'ฝ่ายค้าน' ประกาศชัดไม่ร่วมกับใคร

'นายกฯ' แจงทำตามดีลทุกรอบ ขอ 'ฝ่ายค้าน' ประกาศชัดไม่ร่วมกับใคร

"แพทองธาร" ชี้แจงต่อสภาฯ โต้ข้อกล่าวหา "ซักฟอก" พร้อมประกาศไม่เป็นผู้นำที่ดันทุกรังแต่พังทุกรอบ ขอ "ฝ่ายค้าน" ประกาศให้ชัดสมัยหน้าจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร

ที่รัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ วาระอภิปรายไม่ไว้วางใจ  ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ว่า ตลอด2วันของการอภิปราย ตนได้ยินชื่อตัวเองมากที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองเต็มความสามารถอะไรที่เป็นเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จะเป็นประโยชน์กับประชาชน อะไรที่กระทบกระทั่งถือว่าปกติ และคิดว่าจะทำงานร่วมกันต่อไปได้  ส่วนกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ย้ำถึงภาวะผู้นำและกรณีถูกครอบงำหลายครั้ง คนที่ย้ำเรื่องเดิมๆ หลายครั้งไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งที่ตนเองขาดหรือไม่ ทั้งนี้ตนคิดว่าไม่ต้องคิดแบบนั้นก็ได้ เพราะไม่ใช่แค่ตนที่ถูกกล่าว แต่ผู้นำฝ่ายค้านถูกกล่าวหาเช่นกัน แต่ต่างกันเพราะตนถูกครอบงำโดยพ่อ แต่ผู้นำฝ่ายค้าน ถูกครอบงำโดยคนที่ไม่ใช่พ่อ

“ไม่อยากให้ใครพูดแบบนี้ ส่วนตัวเคารพและให้เกียติผู้นำฝ่ายค้าน และไม่เคยสงสัยในภาวะผู้นำ อายุใกล้กันควรเข้าใจและในเรื่องของเส้นทางทางการเมือง คล้ายกันอยู่บ้าง ไม่ว่ามาถึงตรงนี้ เจอชะตากรรมของการถูกกระท หากพรรคของดิฉันไม่ถูกกระทำทางการเมือง อาจมีนายกฯ ชื่อดร.ทักษิณ ชินวัตร ​และท่านยังมีหัวหน้าพรรคชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” น.ส.แพทองธาร ชี้แจง

ยอมรับฟังคำพ่อ แล้วนำมาใช้

น.ส.แพทองธาร ชี้แจงต่อว่า เมื่อชะตากรรมทางการเมืองเป็นแบบนี้ ตนและผู้นำฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด และอย่าด้อยค่าคนอื่น  กรณีที่ตนเป็นลูกของนายทักษิณ​ถูกวิจารณ์ ถูกปรามาสมาตั้งแต่เป็นนิสิตนักศึกษาและเมื่อเป็นนายกฯ จึงมีคนที่กล่าวถึงอีก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเสียหาย ทั้งนี้การรับฟังจากนายทักษิณแล้วนำมาใช้หรือพิจารณา เพราะนายทักษิณเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถถูกยอมรับในวงกว้าง ทั้งในและต่างประเทศหากความคิดเป็นประโยชน์กับประเทศ เป็นสิ่งที่ดี มีนักการเมืองอีกหลายคนโดนตัดสิทธิทางการเมืองจากการยุบพรรค เห็นว่าทุกคนเดินหน้าทำงานเรื่องการเมือง  ทั้งนโยบาย หาเสียง พบประชาชน ทำได้ ทำไมถึงเน้นแต่เรื่องของนายทักษินที่เป็นนประเด็น หรือ จะโดนตัดสิทธิยกกำลังสอง

 

แจงปมส่งกลับอุยกูร์ คำนึงประโยชน์ไทย 

น.ส.แพทองธาร ชี้แจงถึงประเด็นอุยกูร์ ด้วยว่า ตอนนี้ไทยไม่มีกฎหมายของผู้ลี้ภัย ผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งได้ยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน การขังไว้เป็นสิบปี ประเทศจีนฐานะประเทศแม่ขอรับตัวและทวงถาม โดยประเทศที่สามไม่เคยทวงหรือขออย่างเป็นทางการ ได้ติดต่อกับจีนเรียกร้องให้คำยืนยันของความปลอดภัย ถือเป็นพันธสัญญาต่อสังคมโลกจึงต้องรีบส่งกลับไป จากการติดตามพบว่ามีความเป็นอยู่ที่ดีที่บ้าน กรณีที่ต่อว่ารัฐบาลว่าไม่ทำตามใจอุยกูร์ นั้นตนได้พิจารณาสิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศไทย และการส่งกลับมีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ จึงมั่นใจและส่งอุยกูร์กลับไป

เย้ยนักสิทธิมนุษย์สองมาตรฐานเฉพาะ "พท." แนะให้ประกาศนโยบายเพื่อผู้ลี้ภัย

“ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลทำผิดนั้น ได้มองครบในมิติของโลกหรือไม่ ท่านเป็นนักสิทธิมนุษยชน ควรมีมาตรฐานเดียวทั่วโลก หรือจะสองมาตรฐานเฉพาะรัฐบาลนี้ จำได้ไว่าไม่มีพรรคการเมืองไหนมีนโยบายเรื่องผู้ลี้ภัย ท่านควรใช้โอกาสนี้ออกนโยบายก็ได้ว่าจะทำตามผู้ลี้ภัยทุกกรณี เพื่อให้ประชาชนรับฟัง” น.ส.แพทองธาร ชี้แจง

บอกไม่ใช่ผู้นำดันทุรัง ช้าแก้รธน. แต่หวังผลสำเร็จ

นายกฯชี้แจงต่อในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ลงสัตยาบรรณร่วมกันผลักดันและเมื่อเป็นรัฐบาลได้แถลงนโยบายเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญโดยไม่แตะหมวดหนึ่งและหมวดสอง แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายหนทำไม่สำเร็จ เพราะมีกฎหมายที่ซับซ้อน แก้ไขได้ยาก และมีข้อเห็นต่างจากพรรคร่วมและสว. ที่มีข้อเรียกร้องให้แสดงภาวะผู้นำ ไม่ต้องเรียกร้องเพราะได้ทำตลอดเวลา ได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในทุกนโยบายที่ต้องหารือ มีการแลกเปลี่ยนร่วมกัน แสวงสุดร่วมสวงวนจุดต่าง และล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เคยเข้าประชุมลงมติเห็นชอบร่วมกันยื่นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะช้าไม่ทันใจ แต่นี่คือโอกาสที่ชัดเจนของความสำเร็จ ส่วนภาวะผู้นำของตนคิดว่า ต้องมีความอดทน เพราะเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรค ต้องอดทน หากจะให้เป็นผู้นำที่ดันทุนรังแต่พังทุกรอบอาจไม่สำเร็จ เชื่อว่าการดันทุรังไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล

หวานใส่ คนเสื้อแดง ย้ำอยู่ในใจเสมอ

“รัฐบาลเคารพในสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของทุกฝ่าย และไม่เคยลืมความบอบช้ำของพรรคการเมืองที่ต่อสู้เคียงข้างประชาชน เห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญในพรรคเพื่อไทยมีคนเสื้อแดง และลูกหลานคนเสื้อแดงในพรรคอีกมาก แม้ไม่ได้พกหมวกหรือผ้าพันคอเราได้จริงจังและอยู่ในใจเสมอ” นายกฯชี้แจง

ย้อนเกล็ด ทำตามดีลตั้งรัฐบาล "พรรคส้ม" ทุกรอบ

นายกฯ ชี้แจงด้วยว่า หากคำว่าดีลหมายถึงเจรจาหาข้อสรุปร่วมกันทางการเมือง ทุกที่ต้องดีลกัน ซึ่งการตั้งรัฐบาลนั้นมีดีลกับพรรคท่าน และท่านมาดีลกับพรรคเรา ซึ่งเราได้ยยกมือโหวตให้แคนดิเดตนายกฯของท่านไม่ว่าระดับสองคนหรือระดับพรรค เพราะบอกว่ารวมเสียง สว.สำเร็จแล้ว  ที่ผ่านมาได้รักษาคำพูดเสมอ ทำตามดีลทุกอย่าง ปี2562 เป็นพรรอันดับหนึ่ง แต่โหวตนายกฯ ได้มาดีลให้โหวตแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นพรรคอันดับสาม และเลือกตั้งปี2566 ท่านเป็นพรรคอันดับหนึ่งมีดีลร่วมรัฐบาล เราตอบตกลงร่วมรัฐบาล เมื่อครั้งแรกไม่ผ่านและยกมือให้ครั้งที่สอง แต่เท่าที่จำได้ ไม่เคยยกมือให้แคนดิเดตของพรรคเรา เมื่อท่านตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จจึงเดินหน้าตั้งรัฐบาลต่อไปเป็นปกติของระบบรัฐสภา

โวได้เดินหน้านโยบาย ทำการลงทุนสูงสุดรอบ10ปี หลังทำงาน6เดือน

“รู้ดีวาการตั้งรัฐบาลครั้งนี้พบความยากและต้องอธิบายให้ประชาชนฟัง เราตั้งใจอย่างมากต่อการผลักกดันนโยบายสู่ประชาชนจริง เพราะตัวเลขและศักยภาพของประเทศไทยโตช้า 10ปี หากไม่เริ่มจะไม่มีนโยบายถึงประชาน ที่บอกนโยบายไม่ตรงปก แต่ชาวบ้านได้รับหมื่นบาท ถามประชาชนแล้วหรือไม่ว่ามีความสุขหรือไม่ การกระตุ้นเศรฐกิจถูกทำแล้ว หากไม่ทำจะกระเตื้องหรือไม่ หากไม่เริ่มนับหนึ่งวันนั้น วันนี้อาจติดลบอยู่ หากไม่เริ่มจากลบไปศูนย์ หรือเป็นบวก เมื่อไรประเทศไทยจะเคลื่อนไปข้างหน้า พรรคเพื่อไทยจึงแบกไว้ต่อการทำความเข้าใจกับประชาชน เราภูมิใจที่ได้ทำนโยบายเดินสายต่างประเทศ เพื่อทำให้การลงทุนสูงสุดในรอบ 10 ปีทั้งที่เป็นรัฐบาลมาแค่ 6เดือน” นายกฯ ชี้แจง

ขอ "ฝ่ายค้าน" ประกาศชัดวันนี้ จะร่วม-ไม่ร่วมกับใคร สมัยหน้า

น.ส.แพทองธาร ชี้แจงด้วยว่า เพื่อความชัดเจนและสร้างแนวการเมืองแบบใหม่ ควรประกาศให้ชัดว่าสมัยหน้าจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร พูดให้ชัดวันนี้ เพื่อให้ประชานสบายใจ.