ด่วน! ศาล รธน.สั่ง 'สมชาย' พ้น สว.หลังถูกศาลฎีกาให้ใบแดง 10 ปี

ด่วน! ศาล รธน.สั่ง 'สมชาย' พ้น สว.หลังถูกศาลฎีกาให้ใบแดง 10 ปี

ด่วน! ศาล รธน.มีมติให้ 'สมชาย เล่งหลัก' พ้นสมาชิกภาพ สว. หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี สั่งเลื่อนบัญชีสำรอง สว.ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2568 เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยเรื่องพิจารณาที่ 38/2563 กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของนายสมชาย เล่งหลัก สว. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 110 (4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 98 (5) หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงคดีนี้ฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องเป็น สว. ตั้งแต่วันที่ กกต.ประกาศผลการเลือก คือ 10 ก.ค. 2567 ต่อมาวันที่ 23 ก.ย. 2567 ศาลฎีกา มีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษา สมาชิกภาพ สว.ของผู้ถูกร้องจึงสิ้นสุดลงตาม มาตรา 110 (4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 98 (5)

ประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไปมีว่า เมื่อสมาชิกภาพ สว.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามมาตรา 110 (4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 98 (5) แล้ว สมาชิกภาพ สว.นับแต่เมื่อใด เห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง บัญญัติว่า เมื่อได้รับเรื่องไว้พิจารณา หากปรากฏเหตุอันควรเชื่อว่า สมาชิกผู้ถูกร้อง มีกรณีตามที่ผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลมีคำวินิจฉัย และเมื่อศาลมีคำวินิจฉัยให้แจ้งประธานแห่งสภาที่รับคำร้อง กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ สว.สิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบกิจการก่อนวันพ้นตำแหน่ง

บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว บัญญัติการพ้นตำแหน่งของ สว.ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ มิได้ให้อำนาจศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า 11 ธ.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะวินิจฉัย ศาลจึงสั่งให้ผู้ถูกร้องพ้นจากตำแหน่งนับจากวันหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นสมาชิกภาพ สว.ของผู้ถูกร้อง จึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 82 วรรคสอง นับแต่ 11 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป

เมื่อสมาชิกภาพ สว.สิ้นสุดลง ทำให้มีตำแหน่ง สว.ที่มาจากการเลือกว่างลง ประธานวุฒิสภา ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลื่อนบุคคลบัญชีสำรอง สว.ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง สว.แทน ตามลำดับ ตาม พ.ร.ป.เลือก สว. มาตรา 45 โดยให้ถือว่า วันที่ตำแหน่ง สว.ว่างลง คือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยแก่ผู้กรณีฟังโดยชอบ

อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ สว.ของผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 110 (4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) และมาตรา 98 (5) นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่คือ 11 ธ.ค. 2567 และให้ถือว่าวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลในวันอ่านคือ 26 มี.ค. 2568 เป็นวันที่ตำแหน่ง สว.ที่มาจากการเลือกว่างลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 วรรคสี่ ประกอบ พ.ร.ป.เลือก สว. มาตรา 45

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำพิพากษาของศาลฎีกา เนื่องจากในการเลือกตั้งปี 2566 นายสมชาย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย รู้เห็นสนับสนุนให้มีการแจกเงินแก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพื่อจงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตน

  • 'สมชาย' ยอมรับคำวินิจฉัยให้พ้น สว. เดินหน้าการเมืองนอกสภา

เมื่อเวลา 15:30 น นายสมชาย เล่งหลัก อดีต สว. ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นจาก สมาชิกภาพความเป็น สว.ว่า เกี่ยวกับคดีความนี้ตนได้ทำการชี้แจงข้อกล่าวหา เป็นไปตามกติกา ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เมื่อศาลพิจารณาวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ ตนก็ยอมรับ ซึ่งอาจจะเป็นที่ข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตามการทำงานการเมืองสำหรับตนไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในสภาอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อเรามีอุดมการณ์ อยู่นอกสภาก็สามารถทำได้ ซึ่งประวัติของตนก็ไม่ได้มาจากสายพันธุ์นักการเมืองอยู่แล้ว แต่มาจากชาวบ้าน มาจากศูนย์มีอุดมการณ์แม้จะมาจากศูนย์ แต่ตนไม่กลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์แน่นอน แต่จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่นอกสภา อย่างเต็มที่ ผลที่ออกมาในวันนี้ตนก็ยอมรับแต่ไม่ได้ยอมแพ้ ที่ผ่านมาตนไม่ได้ออกสื่อ เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องออกมาแก้ตัว หรืออธิบายกับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในจังหวัดสงขลา ทุกคนเข้าใจ สามารถเข้าถึงตนได้ตลอด

เมื่อถามว่า การทำงานนอกสภา จะเป็นลักษณะแบบใด นายสมชายกล่าวว่า ก็ต้องเป็นไปตามกรอบ ทำหน้าที่ดูแลช่วยเหลือปกป้องและสื่อสารกับพี่น้องประชาชนเหมือนเดิม ทนไม่ได้มาจากสว. เกษียณ แต่มาจากสว. การเมือง เพราะเป็นอดีตผู้สมัครพรรค ตนรู้เข้าใจและเข้าถึงบริบท ยังไม่ว่างของการเมืองไม่ว่าสภา ฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ อย่าว่าทำงานเต็มที่ในการสอดส่องดูแล ดูแลแบ่งปันช่วยเหลือ ประชาชน และตนก็โชคดีที่มีเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาอีก 199 คน และตนพร้อมที่จะไปสื่อสารหรือแบ่งปันกับเพื่อนสมาชิกทั้งหมด ซึ่งทุกคนพร้อมเพราะมีการสื่อสารและแบ่งปันกัน ในพื้นที่มาโดยตลอด

"ผมถือว่าข้อกฎหมายผมไม่ทราบ แต่ผมทราบเรื่องข้อเท็จจริง ถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานั้นตัวผม สังคมน่าจะพอรู้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง หรือว่าวิธีการเตะสกัด ทางการเมือง นี่คือการเมือง" นายสมชาย กล่าว