ตรวจแถว 3 ‘ยังบลัด’ สีส้ม '7 ดาวรุ่ง' ฉายแสงศึกซักฟอก

พรรคประชาชนยังพยายามผลักดัน สส.รุ่นใหม่ “แถวสาม”ขึ้นมารับไม้ต่อ โดยเฉพาะหลายคนที่เป็น “หน้าใหม่” ได้ก้าวขึ้นเวทีสภาฯ รับแสงเฉิดฉายในศึกซักฟอกครั้งนี้
KEY
POINTS
- ส่องบรรดา “ยังบลัดสีส้ม” 7 ดาว
จบศึกซักฟอก “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ คนที่ 31 ลงไปแล้ว แบบไม่มีเซอร์ไพรส์ เป็นไปตามคาด ได้รับคะแนนเสียง “ไว้วางใจ” ท่วมท้น 319 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง
ในห้วง 28 ชั่วโมงหรือราว 2 วัน 1 คืนที่ผ่านมาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ฝ่ายค้าน” ที่นำโดยพรรคประชาชน (ปชน.) ขุดคุ้ยเงื่อนปม สารพัดความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ของนายกฯ-รัฐบาล มาอภิปรายอย่างกว้างขวาง
แน่นอนว่า ทีมเก๋าแถวหน้า ที่ถูกจับตา หนีไม่พ้น “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ ที่อภิปรายเรื่อง “ตั๋วสัญญาใช้เงิน” (ตั๋ว PN) 4.4 พันล้านบาท ส่อเอื้อประโยชน์ให้มารดา-เครือญาติ เลี่ยงการจ่ายภาษีกว่า 218 ล้านบาท
“ธีรัจชัย พันธุมาศ” สส.กทม. ขุดปมธุรกิจโรงแรมหรู “เทมส์ วัลลีย์” เขาใหญ่ ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับ “แรนโช ชาญวีร์” สนามกอล์ฟของคนตระกูล “ชาญวีรกูล” ซึ่งกำลังถูกตรวจสอบข้อพิพาททางที่ดิน ส.ป.ก.
“รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ เจ้าเดิม ที่ขุดคุ้ยเงื่อนปม “ชั้น 14” โดยรวบรวมข้อมูลจากสื่อสำนักต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลเชิงลึกบางอย่าง เช่น บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเซ็นโยกย้าย “ทักษิณ ชินวัตร” ไปโรงพยาบาลตำรวจ เป็นต้น
นอกจากบรรดาแถวหน้าสีส้ม ที่หลายคนคุ้นหน้า คุ้นเคยสำบัดสำนวนในการซักฟอกมาหลายครั้ง ตั้งแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกล เมื่อปี 2562-2566
พรรคประชาชนยังพยายามผลักดัน สส.รุ่นใหม่ “แถวสาม”ขึ้นมารับไม้ต่อ โดยเฉพาะหลายคนที่เป็น “หน้าใหม่” ได้ก้าวขึ้นเวทีสภาฯ รับแสงเฉิดฉายในศึกซักฟอกครั้งนี้
“ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ปชน. ที่ซักฟอกฉายภาพความเคลื่อนไหวของรัฐบาล-พรรคร่วมฯ เปรียบเทียบกับละคร 5 ตอน โดยเฉพาะการเชื่อมโยง “การเมือง 3 ก๊ก” ที่มี ปชน.เป็น “ก๊กส้ม” เพื่อไทย “ก๊กแดง” และภูมิใจไทย “ก๊กน้ำเงิน” โดยเขาเชื่อว่า “ก๊กแดง-น้ำเงิน” แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนมีรอยร้าวกัน แต่หลังฉากยังคงแนบแน่น และมีสารพัดดีลเพื่อผลประโยชน์ระหว่างกันอยู่ พร้อมชำแหละความหลอกลวงในนโยบายหาเสียง แต่ไม่สามารถนำมาปฏิบัติจริงหลังเป็นรัฐบาลได้
ชื่อ “ไอติม พริษฐ์” คอการเมืองน่าจะคุ้นเคยเขาคือหลานแท้ ๆ ของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตนายกฯ “ไอติม” มีบทบาททางการเมืองตั้งแต่ช่วงปี 2561 ก่อตั้งกลุ่ม NEWDEM ร่วมกับลูกหลานบิ๊กเนมค่ายสีฟ้า ไม่ว่าจะเป็น สุรบถ หลีกภัย (ลูกชวน หลีกภัย) ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ (ลูกสุรินทร์ พิศสุวรรณ) พรพรหม วิกิติเศรษฐ์ (ลูกพนิช วิกิตเศรษฐ์) เป็นต้น
ทว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 เมื่อมติสมาชิกผู้อาวุโสในพรรคตัดสินใจไปร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาก็ลาออกจาก ปชป.มาขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับ iLaw คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ในนามกลุ่ม Re-Solution กระทั่งเข้าพรรคก้าวไกลเมื่อปี 2566 ถูกส่งเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ และได้รับเลือกตั้ง หลังจากนั้นได้รับบทบาทสำคัญในพรรคเรื่อยมา โดยมีฐานจาก สส.กทม.สีส้ม ที่หลายคนเคยเป็นเพื่อนเขา และขับเคลื่อนวาระทางการเมืองมาด้วยกัน
“อิทธิพล ชลธนาศิริ”สส.ขอนแก่น ผู้ขุดปม “เหมืองทองอัคราฯ” เรื่องเก่าตั้งแต่ยุครัฐบาล คสช. ที่มีการใช้อำนาจตาม “มาตรา 44” มายับยั้งสัมปทานเหมืองแร่ดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอย่างมหาศาล โดยปัจจุบันขั้นตอนอยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการ แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันกลับไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาอะไรต่อ พร้อมจี้ไปยัง “สส.น้ำ” จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด ก่อนหน้านี้สมัยเป็นฝ่ายค้านยุครัฐบาลเดิม ได้ซักฟอกอย่างถึงพริกถึงขิง แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันพอมาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ กลับเงียบเสียงลง ทำเอา “สส.น้ำ” ต้องใช้สิทธิพาดพิงลุกชี้แจงเป็นการด่วน
“อิทธิพล” เป็นคนขอนแก่นโดยกำเนิด ประวัติการศึกษา จบสาขาวิชาคณิตศาสตร์ศึกษา ม.ขอนแก่น ปี 2559 ก่อตั้งสถาบันกวดวิชา Tutor King ปี 2561 ก่อตั้งกิจการธุรกิจแฟรนไชส์ชานมไข่มุกตักเอง Chincha รวมถึงก่อตั้งและเป็นผู้บริหารร้านอาหาร “จ้วดคาเฟ่” ใน จ.ขอนแก่น โดยสส.หนุ่มจากขอนแก่น เขต 2 ผู้นี้ เป็น 1 ใน 3 สส.สีส้มปักธงพื้นที่ จ.ขอนแก่น ที่นำโดย “ทนายป๊อก” วีรนันท์ ฮวดศรี สส.ขอนแก่น เขต 1 โดยอยู่ใน “กลุ่มยังบลัด” สส.ส้มภาคอีสาน
“ชยพล สท้อนดี” สส.กทม. ที่เปิดผัง “ขบวนการไอโอภาค 5” ขุดข้อมูลเชิงลึกว่า แม้จะหมดยุครัฐบาลทหารไปแล้ว แต่กองทัพ-ฝ่ายความมั่นคงก็ยังคงเฝ้าจับตาบรรดา “บิ๊กเนมการเมือง” รวมถึง “กลุ่มมวลชน” ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และมีความสุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับ “สถาบันฯ” อยู่ พร้อมกับเปิดสไลด์โชว์แผนผังว่า บุคคลใดถูกฝ่ายความมั่นคงจับตาบ้าง ไม่เว้นแม้แต่ “ทักษิณ ชินวัตร-อนุทิน ชาญวีรกูล-ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ-แกนนำพรรคส้ม” ก็ถูกจับตาด้วย
“ชยพล” เป็นบุตรชายของ “ตระกูลทหาร” เขาเล่าประวัติอ้างว่า ตระกูลเขาทางพ่อรับราชการทหารมาตั้งแต่สมัย “รัชกาลที่ 6” วัยเด็กเขาได้เรียนโรงเรียนจิตรลดาจนถึง ม.3 หลังจากนั้นเลือกเรียนต่อโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 53 (ตท.53) ก่อนทิ้ง “จักรดาว” มาบนถนนการเมือง ยืนเคียงข้างประชาชน และลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.กทม. สังกัดก้าวไกล เมื่อปี 2566 และสร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์พลิกล็อกคว่ำ “สุรชาติ เทียนทอง” สส.กทม.เขต 8 หลายสมัย ลงได้สำเร็จ
“ศุภโชติ ไชยสัจ” สส.บัญชีรายชื่อ ซักฟอกหมัดตรงไปถึง “แพทองธาร” และ “รมว.พลังงาน” ประเด็นปัญหาราคาค่าไฟฟ้าแพง ซึ่งตั้งข้อสังเกตต่อการเดินหน้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าที่ส่อว่าทุจริตเชิงนโยบาย เนื่องจากมีอัตราการรับซื้อที่สูงผิดปกติ และส่อเอื้อให้กับกลุ่มทุนพลังงานที่มีความใกล้ชิดกับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ รวมถึงตระกูลชินวัตร
ศุภโชติ คือหนึ่งในกลุ่มยังบลัด “เจน 2” ของพรรค เติบโตในทางการเมืองในยุคเดียวกับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-ปกรณ์วุมิ อุดมพิพัฒน์สกุล” โดยเขามีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน เคยตั้งกระทู้ถาม เสนอญัตติเกี่ยวกับปัญหาไฟฟ้า และพลังงานหลายครั้งตั้งแต่ปี 2566
อีกคนน่าจับตา “ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์” สส.เชียงใหม่ หรือคนในพื้นที่เรียกเขาว่า “สส.ตี๋” ผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับมาตรการ “ฝุ่นพิษ” ที่ระบาดหนักในหลายพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะ กทม. และภาคเหนือ หลายครั้งในช่วงรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ต่อมาถึงแพทองธาร ทว่ารัฐบาลกลับไม่มีมาตรการป้องกันอย่างเห็นผล หรือเป็นรูปธรรม เรียกเรตติ้งให้กับพรรคได้อย่างมาก เพราะเรื่องฝุ่นพิษ เป็นปัญหาใหญ่ของไทยในตอนนี้ที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก
“สส.ตี๋” เป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด จบมงฟอร์ตวิทยาลัย ต่อมาจบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา ม.เชียงใหม่ จบปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ สาขาโครงสร้าง ในหลักสูตรร่วมกันระหว่าง ม.เอดินบะระ และ ม.กลาสโกว์ ที่สกอตแลนด์ หลังจากนั้นเขาทำงานเป็นวิศวกร และทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนลงถนนการเมือง สมัครรับเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่ เขต 8 ในนามพรรคก้าวไกล และได้รับชัยชนะอย่างพลิกล็อคโค่นผู้สมัครจากเพื่อไทยไปแบบถล่มทลาย
อีก 2 คนเรียกได้ว่าเป็น “ดูโอ”ตั้งแต่นอกสภาฯ นั่นคือ “เนม” สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี และ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. ซึ่งเปิดโปงประเด็นการใช้งบประมาณสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และกองทุนประกันสังคม โดยเฉพาะการซื้อบริษัทที่มีหนี้สิน 2 พันล้านบาท เพื่อให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 มูลค่า 7 พันล้านบาท ส่อไม่คุ้มค่า และส่อเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่
อย่างไรก็ดี ประเด็นการใช้งบ สปส.กลับไม่ถูกใช้ในศึกซักฟอกครั้งนี้ โดยมีรายงานข่าวว่า มติในที่ประชุมบิ๊กเนมการเมืองสีส้ม มองว่าเรื่องนี้ เกี่ยวโยงกับรัฐบาลเดิมมากเกินไป และ “แพทองธาร” ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้อง ทั้งที่ก่อนหน้าทั้ง 2 คนโหมโรงเรื่องนี้มายาวนานนับเดือน ทำให้ต้องพับโปรเจ็กต์นี้ในศึกซักฟอก
ทั้งนี้ “เนม สหัสวัต” ได้ซักฟอกในประเด็นค้ามนุษย์ ส่งแรงงานไทยข้ามชาติไปเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์ โยงใยไปถึง “สุชาติ ชมกลิ่น” ไม้เบื่อไม้เมาเจ้าเดิม จนตอบโต้กันอย่างดุเดือดในสภาฯเมื่อช่วงดึกวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วน “ไอซ์ รักชนก” ซักฟอกประเด็น “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ได้ถึงพริกถึงขิง แม้แต่พรรคเพื่อไทย และองค์รักษ์พิทักษ์นายกฯ ก็ไม่มีใครประท้วงเบรกเธอ เรียกเสียงชื่นชมจากสภาฯ และมวลชนสีส้มได้อย่างมาก
“เนม สหัสวัต” เป็นคนบ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีโดยกำเนิด จบปริญญาตรีทางด้านกฎหมาย เคยขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมือง และกิจกรรมด้านแรงงานในพื้นที่มาก่อน ปี 2552-2553 เคยไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงใน กทม.ด้วย เขามี “ไอดอลทางการเมือง” คือ “สหายคำตัน” พ.ท.พโยม จุลานนท์ แห่งพรรคคอมมิวนิสต์ เตียง สิริขันธ์ สส.ฝ่ายซ้ายลายคราม ปรีดี พนมยงค์ แกนนำคณะราษฎร ผู้ก่อการปฏิวัติ 2475 และในยุคใหม่มาหน่อยคือ ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นต้น ก่อนจะมาเข้าพรรคก้าวไกล และปี 2566 ลงเลือกตั้ง สส.ชลบุรี เขต 7 และชนะการเลือกตั้ง
ส่วน “ไอซ์ รักชนก” มีบทบาทโด่งดังมาจากเป็นครีเอเตอร์ในแอปพลิเคชั่น “คลับเฮ้าส์” ที่เป็นกระบอกเสียงให้กับ “เยาวชน-คนรุ่นใหม่” ช่วงม็อบราษฎรกระแสสูงระหว่างปี 2562-2564เธอเคยร่วมฟัง และถามคำถามกับ “โทนี่ วู้ดซัม” ด้วย ก่อนจะมาร่วมกับพรรคก้าวไกล และปี 2566 ถูกส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.กทม.เขต 28 ที่มีคู่แข่งสำคัญคือ “วัน อยู่บำรุง” และเธอชนะไปด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น