‘1 ปี’ประเมินงานรัฐมนตรี ศึกงูเห่า เขย่าเกม‘ปรับครม.’

‘1 ปี’ประเมินงานรัฐมนตรี ศึกงูเห่า เขย่าเกม‘ปรับครม.’

ไทม์ไลน์ที่นายกฯ วางไว้ประเมินผลงานรัฐมนตรี คือนั่่งตำแหน่งครบ 1 ปี จึงต้องลุ้นว่า การเดินเกมกดดัน เพื่อเป็นปัจจัยเร่ง ให้มีการปรับครม.“แพทองธาร 2” จะสำเร็จหรือไม่

KEY

POINTS

  • เสร็จศึกซักฟอก เป็นจังหวะเร่งเกมให้ "นายกฯอิ๊งค์" ปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี ทว่า "เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า" บอกกับ "บิดานายกฯ" ทันทีว่าขอไม่ปรับครม.
  • "บิ๊กเนม" บางคนอยากเข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี จึงต้องเร่งเกมมากเป็นพิเศษ ปฏิบัติการซื้อ "งูเห่า" แลกโหวต ซื้อใจ "นายกฯอิ๊งค์" ไม่สำเร็จ
  • จึงต้องมีปฏิบัติการชักธงรบ "พรรคร่วมรัฐบาล" หวังส

 เสร็จศึกซักฟอก คนการเมืองลุ้นให้นายกฯ เขย่า ครม."แพทองธาร 1/2" เพื่อปรับเปลี่ยนเก้าอี้ หาคนถูกฝาถูกตัว เข้ามาช่วยขับเคลื่อนนโยบาย ดันเศรษฐกิจให้อยู่ในขาขึ้น 

จะว่าไปแล้ว หากยึดตามสไตล์ “บิดานายกฯ” ทักษิณ ชินวัตร ที่มักจะใช้หลักการบริหารแบบผลักดันให้แข่งกันทำงาน โดยมีเคพีไอหรือตัวชึ้วัด เพื่อสลับสับเปลี่ยนรัฐมนตรีในทุก 6 เดือน และยังเป็นการหมุนเวียนโควตากลุ่ม-ก๊วนการเมืองไปพร้อมกัน

สำหรับยุค “นายกฯอิ๊งค์” เกณฑ์ประเมิน 6 เดือน อาจจะโดนรื้อทิ้ง เนื่องจากเจ้าตัวในฐานะ “เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า” ต้องการให้รัฐมนตรีทุกคน โดยเฉพาะรัฐมนตรีโควตาพรรคเพื่อไทย มีระยะเวลาการทำงาน เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเองพอสมควร จึงส่งสัญญาณทั้งในวงลับ-วงเปิดว่า ยังไม่ปรับครม.ในช่วงนี้

ทว่า สถานการณ์เวลานี้ กลับมีความเคลื่อนไหวในการพยายามเดินเกมล็อบบี้ “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเร่งจังหวะในการปรับคน-เปลี่ยนรัฐมนตรี เพื่อส่งตัวเองเข้ามานั่งใน ครม.แพทองธาร 2 แม้บางรายอาจจะมีเงื่อนปมคุณสมบัติ แต่เจ้าตัวก็ต้องการ“ลองของ” เพราะมั่นใจว่ามี “พลังพิเศษ” คอยสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม มีกระแสว่านายกฯอิ๊งค์ไม่ค่อยแฮปปี้กับการเดินเกมดูดงูเห่ามาโชว์ตัวเลข ในศึกซักฟอกที่ผ่านมา จึงชิงออกตัว ประกาศก่อนมีการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า “จะไม่มีงูเห่า” 

หลังจากนั้น บรรดา “บิ๊กเนม” พรรคเพื่อไทย ต่างขานรับ พาเหรดกันออกมาแบ็คอัปให้นายกฯอิ๊งค์ โดยบรรเลงคีย์เดียวกันว่า จำนวน สส.พรรคร่วมรัฐบาล มีมากกว่า สส.ฝ่ายค้าน จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งบริการ สส.งูเห่า

งานนี้ จึงต้องจับตาว่า ในทางลับเจ้าของฟาร์มงูเห่าจะมีการเปลี่ยนเกมหรือไม่ อย่างไร เพราะยังมีจุดอ่อนระหว่าง “พรรคสีน้ำเงิน” กับ “พรรคสีแดง” ที่ไม่ลงรอยกัน เนื่องจาก “นายใหญ่” กับ “ครูใหญ่” มีหนี้แค้นเก่าที่ต้องชำระ จึงทำให้สองผู้มากบารมีต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน

เมื่อมีช่องว่างระหว่างใจ ของพรรคเบอร์หนึ่ง-พรรคเบอร์สอง จึงเป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายจ้องเสียบเดินเกม

หากมองเป้าประสงค์หลักในการรวบรวม สส. “งูเห่า”ภาค 3 หนีไม่พ้นการหา สส.สำรองเอาไว้ ในกรณีที่“นายใหญ่” จำเป็นต้องเขี่ย “พรรคสีน้ำเงิน” ทิ้งกลางทาง แต่แผนนี้ส่อเค้าจะไม่สำเร็จ เนื่องจากเบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้าไม่เอาด้วย เพราะรู้ดีว่าหากเดินตามเกม“งูเห่า” เท่ากับเปิดศึกกับ “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกันเอง

อย่างไรก็ตาม เกมนี้ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะจุดแข็งเจ้าของฟาร์มงูเห่า ที่ใจถึง กล้าได้กล้าเสีย มีเท่าไหร่ ไม่มีอั้น ทำให้ สส.หลายรายอยากมาอาศัยร่มเงา เพื่อต่อยอดงานด้านการเมือง อีกทั้งยังมีบารมี ที่ สส.ใช้บริการได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม แถมบางพื้นที่ ยังได้ผลลัพธ์ในทางบวก

ต้องยอมรับว่าเมื่อระดับจอมเก๋า เดินเกมการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า“บิ๊กเนมเพื่อไทย”หลายราย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่“นายใหญ่” เลือกใช้บริการคนนอกในบางภารกิจ

แต่จุดอ่อน ก็มีไม่น้อยเช่นกัน เพราะสไตล์การเมืองแบบหักเป็นหัก ทำให้มีศัตรู มากกว่ามิตร โดยเฉพาะมีคู่แข่ง-คู่แค้นรอวันที่ชำระหนี้แค้น หนึ่งในนั้นคือ “ลุงบ้านป่ารอยต่อ” ที่รอเช็คบิล รวมอยู่ด้วย

ล่าสุด มีกระแสข่าวว่าเจ้าของฟาร์มงูเห่าเริ่มขัดแย้งกับ“นอมินี” จนมีการขอเจรจากับ“นายใหญ่” ให้ปรับครม.เพื่อกลับเข้าไปมีอำนาจอีกครั้ง โดยพร้อมเป็นแนวรบทางการเมืองให้กับรัฐบาลอย่างเต็มตัว 

ความพยายามครั้งนี้ จะสำเร็จหรือไม่ อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับ“นายใหญ่”เพียงคนเดียว เพราะตัวแปรสำคัญคือความสุ่มเสี่ยงเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีที่ถูกจับจ้อง และศาล รัฐธรรมนูญเพิ่งปฏิเสธการตีความ

อย่างน้อย ไทม์ไลน์ที่นายกฯ อิ๊งค์ วางไว้ในการประเมินผลงานรัฐมนตรีอย่างจริงจัง คือนั่่งตำแหน่งครบ 1 ปี งานนี้ จึงต้องลุ้นว่า การเดินเกมกดดัน เพื่อเป็นปัจจัยเร่ง ให้มีการปรับครม.“แพทองธาร 2” จะสำเร็จหรือไม่