ปชน.แบ่ง 6 ภารกิจตามต่อปมแผ่นดินไหว บี้สอบตึก สตง.ถล่มอีกยาว

หัวหน้า ปชน.แบ่ง 6 ภารกิจให้ สส.ทำงานหลังเหตุแผ่นดินไหว ตรวจสอบอาคาร-เงินเยียวยา-แรงงานที่ได้รับผลกระทบ-สอบตึก สตง.ถล่ม สำคัญสุดข้อเสนอระยะยาววางมาตรการในอนาคต
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2568 เวลา 14.00 น. ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชน (ปชน.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการพิเศษ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ปชน. แถลงแนะนำทีมติดตามประเด็น และประมวลข้อเสนอต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหว-ตึกถล่ม ต่อรัฐบาล
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อทุกการสูญเสียจากเหตุภัยพิบัติในครั้งนี้ ส่งกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้างาน และส่งกำลังใจไปยังครอบครัว และญาติพี่น้องทุกคนที่ติดตามข่าวใกล้ชิด จากการกู้ชีพผู้รอดชีวิต จากเหตุตึก สตง.ถล่มใน กทม.
“อยากยืนยันต่อประชาชน ภารกิจหนึ่งเดียวของ ปชน.ในช่วงเกิดเหตุภัยพิบัติ 2-3 วันมานี้ ที่เราปฏิบัติหน้าที่หลายพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นไปด้วยการช่วยเหลือ สนับสนุนหน่วยงานรัฐ ให้ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด นี่คือภารกิจของ ปชน.ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันศุกร์ (28 มี.ค.) ที่ผ่านมา ทันทีที่ทราบเหตุ จากที่ตนไปพื้นที่หน้างานที่มีอาคาร สตง.ถล่ม ได้สั่งการไปยังเครือข่ายทีมงานจังหวัดของ ปชน.ทั่วประเทศ รวมถึง สส.ปชน.ในเขตต่าง ๆ หลายจังหวัด ลงพื้นที่ เก็บรวบรวมปัญหา ฟังปัญหาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เราได้นำมาประสานงานต่อ จึงเป็นที่มาวันเสาร์ที่ผ่านมา เราได้เปิดเว็บไซต์ เพื่อแสดงผลให้เห็นว่า มีประชาชนพื้นที่ใดบ้างได้รับผลกระทบ
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ภารกิจที่ดำเนินการไปแล้วบางส่วน เร่งดำเนินการให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ดำรงชีวิตต่อเข้าพักอาคารสูงต่าง ๆ ได้ ขอย้ำอีกครั้ง ไม่ใช่การตรวจอาคารทางการ ที่ใช้ผู้ตรวจมีใบยืนยันจากกรมโยธาฯ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่เราทำไปแล้ว เพื่อช่วยเติมเต็มพื้นที่ปริมณฑล เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เพื่อให้ประชาชนอยู่ในอาคารอีกหลายแห่ง มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอาคารปลอดภัย ดำเนินชีวิตต่อไปได้
นอกเหนือจากนี้สิ่งที่คิดว่าสำคัญไม่แพ้กันคือ การทำงานอย่างเป็นระบบ วันนี้ตนมีเพื่อน ๆ ที่เป็นคณะทำงานที่ สส.วิโรจน์ เคยเป็นหัวหน้าทีมไปลงช่วยเหตุภัยพิบัติน้ำท่วมภาคเหนือมาแล้ว ครั้งนี้ สส.วิโรจน์ ที่ได้รับมอบหมายจากตน ทำงานกับเพื่อน ๆ 2-3 วันที่ผ่านมา ในการเตรียมคณะทำงานที่เราเตรียมไว้แล้วบางส่วน เช่น การช่วยเหลือเฉพาะหน้า อย่าการตรวจอาคารเบื้องต้น ยังมีการเตรียมข้อมูล ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งอาคาร และได้รับเหตุภัยพิบัติที่ผ่านมา
“สุดท้ายข้อเสนอระยะยาว เราเตรียมข้อมูลที่จะสื่อสารให้เกิดความชัดเจน และเกิดความเชื่อมั่นจากประชาชนว่า ปชน.ในฐานะพรรคตัวแทนของ ปชน. ในเหตุวิกฤตินี้ เราตั้งใจหนึ่งเดียวคือเราทำงานร่วมสนับสนุนทุกภาคส่วน ให้ประชาชนทุกคนได้รับการแก้ไขปัญหาเร็วที่สุด และอุ่นใจมากที่สุด” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ต่อมา นายวิโรจน์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในภารกิจนี้ พร้อมกับเพื่อนของตน คือใช้ความเป็น สส.ยึดโยงกับประชาชนอย่างแนบแน่น ในการสนับสนุนการทำงานกับรัฐบาล และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายความกังวล และความสับสนของประชาชนโดยเร็ว และให้เข้าถึงสิทธิ และเยียวยาจากภาครัฐ และภาคประกันภัยอย่างเสมอภาค เป็นธรรม
นายวิโรจน์ กล่าวถึงภารกิจของพรรค ปชน.ที่มีการแบ่งงาน และมอบหมาย สส.ในพรรค ดังนี้
1.ภารกิจการสำรวจอาคาร ภารกิจแรกมอบหมายให้นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ดำเนินการแจ้งความคืบหน้าภารกิจนี้ต่อไป เบื้องต้น ทาง ปชน.ร่วมมือกับสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย สำรวจอาคารที่พักอาศัยเบื้องต้นของประชาชนใน 4 จังหวัดปริมณฑล มีประชาชนแจ้งมาที่เว็บไซต์ อย่างไรก็ตามการตรวจสอบอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารที่ชุมนุมคน อาคารชุด โรงแรม โรงงาน สถานบริการ ป้าย บิลบอร์ดต่าง ๆ มีความจำเป็นต้องให้วิศวกรโครงสร้างที่ออกแบบ หรือวิศวรกรควบคุมงาน หรือวิศวกรตรวจสอบรับงาน มาตรวจรับอีกทีหนึ่ง
การตรวจอาคารเหล่านี้มีความจำเป็นจะต้องเร่งรัดในการตรวจสอบอาคาร และจัดลำดับความสำคัญอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่พักอาศัย โรงพยาบาล โรงงาน ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในการพักอาศัย และการใช้อาคาร โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่จำเป็นต้องตรวจสอบเร่งด่วน ทั้งนี้การตรวจสอบอย่างเป็นทางการทั้งหมดเหล่านี้ ทำให้ประชาชนไม่เกิดความแตกตื่น หรือตื่นตระหนกในอนาคต และรัฐต้องไม่ลืมอาคารพักอาศัยประชาชนที่มีรายได้จำกัด เช่น อาคารเอื้ออาทร ซึ่งนายพริษฐ์ รับผิดชอบติดตามในส่วนนี้
2.ภารกิจทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ ตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 ตลอดจนเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัย ภารกิจนี้มอบหมายให้นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. เป็นผู้รับผิดชอบ โดยหลังจากเหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย ภารกิจช่วยผู้ประสบภัยตึกถล่มลุล่วงไปแล้ว นายศุภณัฐ จะเร่งประสานงานกับ กทม.ถึงหลักเกณฑ์ แบบฟอร์มในการเข้ารับการเยียวยาแก่ประชาชนที่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับผลกระทบ อย่างรวดเร็วที่สุด เข้าใจว่าวงเงินเบื้องต้น อยู่ที่ไม่เกินครอบครัวละ 49,500 บาท ส่วนเครื่องมือประกอบอาชีพเสียหาย จะได้รับเพิ่มอีกครอบครัวละ 11,400 บาท แต่ขึ้นอยู่กับการประเมิน
อีกเรื่องสำคัญไม่แพ้กันคือ นายศุภณัฐ ต้องประสาน คปภ. เพื่อให้ประสานบริษัทประกันภัยให้ประชาชนได้รับเงินเยียวยาอย่างเป็นธรรม รวมทั้งอาจเสนอแนะรัฐบาลถึงลดหย่อนภาษี ออกเงินกู้ซ่อมแซมดอกเบี้ยต่ำ ควบคุมวัสดุก่อสร้างไม่ให้ซ้ำเติมผู้ประสบภัย
3.ส่วนแรงงาน มอบหมายนายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ ทำภารกิจนี้ กรณีไซด์ก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ มีการจ้างงานรูปแบบเหมาช่วงจำนวนมาก จำเป็นต้องสำรวจโดยละเอียดว่า มีคนงานจริงกี่คน สูญหายกี่คน กรณีนี้เราพบเพิ่มเติมเบื้องต้นว่า มีลูกจ้างจำนวนไม่น้อย นายจ้างไม่ได้ลงทะเบียนในระบบประกันสังคม ดังนั้นต้องติดตามว่าจะดูแลเยียวยาแรงงานในส่วนนี้อย่างไร เปิดโอกาสให้แรงงานลงทะเบียนประกันสังคม เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ ได้เยียวยาหรือไม่ โดยเฉพาะการดูแลแรงงานที่เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง เข้าใจว่าได้รับการเยียวยาส่วนหนึ่งแล้ว แต่จะได้รับเยียวยาวเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
หลังจากเยียวยาคลี่คลายลงแล้ว ต่อไปการตรวจสอบข้อสงสัยต่าง ๆ จะต้องดำเนินการตามมา ในภารกิจต่อไปคือ เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบอาคาร สตง.ถล่ม พรรคได้มอบหมายให้นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามตรวจสอบงบประมาณฯ เป็นผู้ตรวจสอบประเด็นข้อสงสัยโดยละเอียด ทั้งเรื่อง TOR การบริหารสัญญา การควบคุมการก่อสร้าง การใช้วัสดุต่าง ๆ กรณีนี้ยืนยันว่า จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรัดกุม รอบคอบ ใช้หลักวิศวกรรมเป็นหลัก ไม่ทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง หรือการด่วนสรุป เพราะอาจทำให้รัฐเสียสิทธิเรียกร้องประกันภัยได้
4.กรณีทุนต่างชาติมารับเหมาธุรกิจก่อสร้างไทย พรรคได้มอบหมายให้นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ ประธาน กมธ.การเศรษฐกิจ ติดตามตรวจสอบประเด็นนี้ ต่อไปว่า มีการใช้นอมินีคนไทยเข้ามาถือหุ้นแทนบริษัทจีน หรือบริษัทต่างชาติใดหรือไม่ และเข้ามาทำธุรกิจที่ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบกิจการชาวไทยหรือเปล่า ทั้งพฤติการณ์นำเข้าวัสดุก่อสร้างราคาถูก คุณภาพต่ำ การตัดราคาตลาด ทำให้เม็ดเงินที่หมุนเวียน และตกถึงประชาชนคนไทยจำกัดมาก ๆ
5.กรณี Cell BroadCast (CBC) มอบหมายให้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ติดตาม เพื่อให้มั่นใจว่าในเดือน ก.ค. 2568 จะมีระบบ CBC แจ้งเตือนกรณีภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที แต่กรณีไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนหรือตามกำหนดการ ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะใช้ระบบใด หรือใช้ช่องใดในการเตือนภัยพิบัติไปพลางก่อน ไม่ว่าวิทยุโทรทัศน์ หรือ Line Alert
6.ภารกิจสำคัญมาก คือการวางแผนรับมือภัยพิบัติในระยะยาว ต้องบูรณาการทั้งระบบราชการ และงบประมาณทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในการรับมือภัยพิบัติในอนาคต
โดยนายณัฐพงษ์ สรุปในภารกิจสุดท้ายว่า อยากย้ำบทบาทของ ปชน.อีกครั้งในการแถลงข่าวคือ การเร่งสนับสนุนช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด อีกหนึ่งอย่างที่เป็นบทบาทสำคัญคือส่งข้อเสนอแนะ ให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อการจัดการของรัฐบาล ความเชื่อมั่นจะเกิดขึ้นได้ มีความจำเป็น 2 ส่วนคือการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วเพียงพอ โดยการมีประสิทธิภาพคือ การตั้งระบบบริหารจัดการภัยพิบัติรวมศูนย์ส่วนกลาง ทำให้รัฐบาลมองเห็นภาพรวม ต้องยอมรับตามข้อเท็จจริงว่า มีประชาชนอีกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะปริมณฑล และภาคเหนือ มีส่วนของอาคารได้รับผลกระทบ ตอนนี้สิ่งที่แต่ละคนอยากได้คือ จะได้รับความช่วยเหลือ หรือการตรวจอาคารเบื้องต้นเมื่อใด และการได้รับเยียวยาเมื่อใด เป็นต้น
“สิ่งที่ผ่านมา เราชื่นชมการดำเนินงานของหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือ กทม.เองที่ดำเนินการบางส่วนไปแล้ว ยกตัวอย่าง กทม.ที่มีการใช้ระบบ “ทราฟฟี่ ฟองดูว์” เราจะเห็นการแถลงข่าวอัปเดตสถานการณ์จากผู้ว่าฯ กทม.เป็นระยะ ๆ สิ่งที่คิดว่าเราอยากเห็นแบบนี้กับทุกพื้นที่ทั่วประเทศ” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ตัวระบบ “ทราฟฟี่ ฟองดูว์” พร้อมใช้ไม่ต้องติดตั้งใด ๆ ทั้งสิ้น หากเสนอรัฐบาล แล้วรัฐบาลทำ เริ่มระบบนี้ในทุกจังหวัด นายกฯสามารถสื่อสารโดยตรงไปยังประชาชนทั้งประเทศ ยอมรับว่าที่ตนไปลงพื้นที่มา ประชาชนในหลายจังหวัดยังสับสนอยู่บ้างว่าต้องแจ้งเรื่องไปทางไหน และระบบปัจจุบันยังเป็นลักษณะต่างคนต่างทำ ทำให้ส่วนกล่างอาจไม่ได้เห็นภาพรวมทั้งหมด ส่วนเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ที่นายกฯเสนอมาบางส่วน เช่น 1784 ของ ปภ.ต้องเปิดให้ประชาชนแจ้งเรื่องได้ต่อไป สำหรับบางส่วนที่ยังไม่สะดวกแจ้งผ่านไลน์
หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวอีกว่า ในส่วนข้อเสนอระยะยาว ในข้อเสนอของเราข้างต้นเราบูรณาการจัดการภัยพิบัติร่วมกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้น กลาง แล้ว ทำให้การวางแผนรับมือระยะยาว สิ่งที่เกิดขึ้น เหตุภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นรุนแรงมากสุดในประวัติศาสตร์ไทย ยังมีอาคารหลายแห่งสร้างก่อนกฎกระทรวงฯปี 2550 ที่ยังไม่รองรับแรงสะเทือนแผ่นดินไหว อย่างน้อยการวางแผนระยะยาวเพื่อรับมือแผ่นดินไหวครั้งต่อไป รัฐบาลมีตัวเลขชัดเจนว่า อาคารไหนบ้างต้องเสริมแรงตามหลักวิศวกรรม รองรับเหตุแผ่นดินไหวในอนาคต
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า สุดท้ายเรื่องระบบ CBC ตามหน้าข่าว 2-3 วันที่ผ่านมา เราให้ข้อมูลไปหมดแล้ว และนายกฯให้ความชัดเจนแล้วว่า ระบบนี้พร้อมใช้ ก.ค. 2568 เป็นแรงใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนติดตั้งระบบนี้ให้เร็วที่สุด เราทำหน้าที่ในฐานะ สส. ของพรรคการเมือง ผู้แทนราษฎร ติดตาม และส่งข้อเสนอแนะต่อไป อย่างน้อยถ้ามีระบบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางก่อน ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล หรือที่ต่าง ๆ รวมถึงการส่งข้อความแจ้งเตือนให้ประชาชน เวลาล่วงหน้า 3-4 นาทีก็มีความหมายให้ประชาชนรับทราบข้อปฏิบัติที่ควรทำ เช่น หนีออกจากอาคารได้ทันท่วงที สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือข้อเสนอแนะระยะยาวต่อไป
สำหรับระยะเวลาหรือกรอบการทำงานของคณะทำงานชุดต่าง ๆ ใน ปชน.นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คณะทำงานชุดนี้ทำงานต่อเนื่อง เช่น สส.สุรเชษฐ์ ตรวจสอบงบประมาณก่อสร้างอาคาร สตง. เป็นภารกิจระยะยาว กรอบเวลา ตราบใดที่มีสถานการณ์ที่ประชาชนยังเดือดร้อนอยู่ หรือต้องส่งข้อเสนอแนะให้รัฐบาล ก็ยังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้คิดว่าคงใช้หลายกลไกด้วยกัน เช่น กลไก กมธ. ส่งข้อเสนอแนะ ส่งข้อสังเกตไปยังรัฐบาล หรือการแถลงข่าวเช่นนี้ เราจะใช้ช่องทางทำงานที่มีอยู่ ส่งข้อเสนอไปยังรัฐบาล
เมื่อถามถึงการเรียกความเชื่อมั่นของฝ่ายรัฐบาล นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างความเชื่อมั่น ทันทีที่เกิดภัยพิบัติ อย่างน้อยสื่อสารให้เกิดความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า รัฐบาลดูแลอยู่ และมีช่องทางใดในการติดต่อขอความช่วยเหลือทันท่วงที ความเชื่อมั่นสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากการจัดการรวมศูนย์แล้ว สิ่งหนึ่งสำคัญคือความโปร่งใส ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า มีข้อสงสัยหลายภาคส่วนในสังคมกับเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม การเปิดให้เข้าตรวจต่าง ๆ เป็นก้าวแรกที่ดี ขั้นตอนต่าง ๆ หลังจากนี้ เกิดจากแบบรองรับไม่ดีเพียงพอ หรือการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน กระบวนการต่าง ๆ ต้องสร้างความเชื่อมั่นได้ต่อไป
ส่วนเรื่องการตรวจสอบตึก สตง.ถล่มนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้อาจไม่ได้ชัดเจน เพราะจากการตรวจสอบของคุณภาพเหล็ก พบว่า บางส่วนอาจไม่ได้มาตรฐาน แต่ส่วนใหญ่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอยู่ ตอนนี้อาจเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า เหตุที่เกิดขึ้น หรือเกิดจากวัสดุไม่ดี หรือการควบคุมงานก่อสร้างไม่ดี รอให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนว่า ต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร
“อย่างที่เรียนว่า สิ่งสำคัญช่วงเหตุวิกฤติ คือการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ต้องมีความโปร่งใส ถ้ากระบวนการในการตรวจสอบ รัฐบาลดำเนินการไม่โปร่งใสมากเพียงพอ ประชาชนอาจขาดความเชื่อมั่นได้ ดังนั้นวันนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐมากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา” นายณัฐพงษ์ กล่าว