ลูกเก๋า‘เฮียตือ’ บ้านใหญ่อ่างทอง ปั้น‘แบด-แชมป์’ จากพ่อส่งต่อลูก

ลูกเก๋า‘เฮียตือ’ บ้านใหญ่อ่างทอง   ปั้น‘แบด-แชมป์’ จากพ่อส่งต่อลูก

ภาพคุ้นชินของคนอ่างทอง ขายยกแพ็ค 4 คน “สมศักดิ์-สุรเชษ-ภราดร-กรวีร์” ตอกย้ำการเมืองตามแบบฉบับบ้านใหญ่ตามสไตล์พรรคสีน้ำเงิน

KEY

POINTS

  • ในเมื่อเวลานี้ “3 พ่อลูกปริศนานันทกุล” ก็สวมเสื้อสีน้ำเงินแบบเต็มตัว ไม่แปลกหาก

ลูกเก๋า “เฮียตือ”สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต สส.อ่างทอง 9 สมัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกโรงปลุกพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว ท่ามกลางกระแสข่าว “นายใหญ่”พรรคเพื่อไทย ไม่แฮปปี้ แถมขู่ขับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ที่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง “ไม่เห็นด้วย” กับร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” 

แน่นอนว่า การออกแอ็กชันของ “เฮียตือ”บ้านใหญ่อ่างทองผู้นี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า กระแสข่าวขู่ขับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่แค่ข่าวโคมลอย โดยเฉพาะท่าทีของ “พรรคสีน้ำเงิน” ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลลำดับสอง ที่ถูกจับตามาโดยตลอดว่า จะเล่นหน้าไหนกันแน่ 

อย่างที่รู้กัน “เฮียตือ” ผู้นี้ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็นพ่อของ “2 สส.อ่างทอง”  คือ “ลูกแบด”ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง และ “ลูกแชมป์”กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง แห่งค่ายสีน้ำเงิน

อย่าลืมว่า ก่อนเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน สู่รัฐบาลแพทองธาร ก็เป็นฝั่งของ “ลูกแบด”ภราดร ที่เป็นหนึ่งใน สส.ภูมิใจไทย ที่ตั้งโต๊ะแถลง 4 ข้อคัดค้าน พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ 

ลูกเก๋า‘เฮียตือ’ บ้านใหญ่อ่างทอง   ปั้น‘แบด-แชมป์’ จากพ่อส่งต่อลูก

ในเมื่อเวลานี้ “3 พ่อลูกปริศนานันทกุล” ก็สวมเสื้อสีน้ำเงินแบบเต็มตัว ไม่แปลกหากท่าทีดังกล่าว จะถูกตีความไปยังท่าทีพรรคภูมิใจไทย ในฐานะต้นสังกัด ภายใต้สัญญาณบางประการที่ถูกส่งออกมา 

เหนือไปกว่านั้น จังหวะของ“เฮียตือ” ยังเป็นการตอกย้ำจังหวะการเมืองฉบับบ้านใหญ่ ตามสไตล์พรรคภูมิใจไทย  

หลังถอยฉากการเมือง บทบาทของ “เฮียตือ”ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้นำหลังม่าน คุม“ซุ้มบ้านใหญ่อ่างทอง” ซึ่งคนพื้นที่รู้ดีว่า หากพูดถึงบ้านใหญ่อ่างทอง นั่นหมายรวมยกแพ็คไปถึง 4 คน “สมศักดิ์-สุรเชษ-ภราดร-กรวีร์”

“เฮียตือ”สมศักดิ์ เป็นสส.สมัยแรกในนามพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่ปี 2529 เคยเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง รวมถึงยังเคยเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 

ในปี 2550 “เฮียตือ” ปั้น “ลูกแบด” ภราดร เดินตามรอยพ่อ เป็น สส.สมัยแรกในนามชาติไทย แต่หลังเป็น สส.ได้เพียงปีเศษ ทั้ง “เฮียตือ” และ“ลูกแบด” ถูกตัดสิทธิทางการเมืองในปี 2551 จากคดียุบพรรคชาติไทย บ้านใหญ่อ่างทองจึงส่งลูกชายคนเล็ก"ภคิน ปริศนานันทกุล" ลงสมัคร และได้รับเลือกเป็น สส.อ่างทอง

ปี 2554 เฮียตือวางมือ ส่ง "ภราดร" และ“กรวีร์”ลงสมัคร สส.อ่างทอง ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เข้าสภาฯ แพ็คคู่ 

กระทั่งปี 2561 “เฮียตือ”ตัดสินใจปิดตำนาน 33 ปี “ค่ายมังกรสุพรรณ” พาลูกชาย “แบด-แชมป์” ย้ายไปสังกัด “ค่ายบุรีรัมย์” 

ผลจากการแบ่งเขตเลือกตั้งในเวลานั้น ส่งผลให้อ่างทองถูกเฉือนเหลือ 1 เขต "ภราดร"ลูกชายคนโต ได้รับเลือกเป็น สส.เขต ส่วน“กรวีร์” ขยับขั้นสส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย

กระทั่งการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปี 2566 อ่างทองถูกแบ่งเป็น 2 เขตตามเดิม 2 พี่น้อง “แบด-แชมป์”ก็ตีตั๋วเข้าสภาฯ ได้ตามคาดหมายแบบไม่ยากเย็น 

 โดยเฉพาะ“ลูกแบด”ผู้พี่  ที่ได้รับรางวัลตอบแทนด้วยเก้าอี้ “รองประธานสภาฯ” ตามรอยผู้เป็นพ่ออีกหนึ่งตำแหน่ง ชนิดที่ว่า ชื่อลอยมาตั้งแต่ต้น 

ลูกเก๋า‘เฮียตือ’ บ้านใหญ่อ่างทอง   ปั้น‘แบด-แชมป์’ จากพ่อส่งต่อลูก

 

เมื่อไม่นานมานี้ ยังมีไวรัลในโลกโซเชียล พูดถึงการทำหน้าที่ประธานการประชุมของ “รองแบด” ด้วยการใช้วิธี “ยืน” เพื่อควบคุมการประชุมในเวทีซักฟอก “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ที่เกิดความวุ่นวาย 

ไม่ต่างจากการเมืองท้องถิ่น 20 ปีที่แล้ว “เฮียตือ”สมศักดิ์ ตั้ง “กลุ่มสำนึกรักบ้านเกิด” สนับสนุน “กำนันตี๋”สุรเชษ นิ่มกุล ลงสมัครนายกอบจ.อ่างทอง ผูกขนาดสนามท้องถิ่นติดต่อกันมาหลายสมัย 

ฉะนั้น แม้ไม่ใช่สายเลือด แต่“กำนันตี๋”ถือเป็นแม่ทัพคนสำคัญของ“บ้านใหญ่อ่างทอง” เป็นภาพคุ้นชินของคนอ่างทอง ขายยกแพ็ค 4 คน “สมศักดิ์-สุรเชษ-ภราดร-กรวีร์” ตอกย้ำการเมืองตามแบบฉบับบ้านใหญ่อ่างทอง และเป็นไปตามสไตล์พรรคสีน้ำเงิน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "พรรคบ้านใหญ่" ในสนามการเมือง

ลูกเก๋า‘เฮียตือ’ บ้านใหญ่อ่างทอง   ปั้น‘แบด-แชมป์’ จากพ่อส่งต่อลูก