2 ทางออก 'เอนเตอร์เทนเมนต์' ‘ประชามติ-ตั้งกมธ.ศึกษา’ 3 เดือนวัดพลัง

2 ทางออก 'เอนเตอร์เทนเมนต์'  ‘ประชามติ-ตั้งกมธ.ศึกษา’ 3 เดือนวัดพลัง

ระยะเวลาที่ทอดออกไปอีก 3 เดือน ต้องจับตาความพยายามในการหาทางออกในเรื่องดังกล่าว ไม่ต่างไปจาก “เกมการเมือง” ที่ยังซ่อนไว้ซึ่งเงื่อนไขต่อรองอีกมากหลังจากนี้

KEY

POINTS

  • “กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็ก

สัญญาณจาก “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี พูดชัด ถึงการประชุมร่วมกันของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เห็นไปในแนวทางเดียวกัน ในการเลื่อนวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จากเดิมจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ วาระแรกในวันที่ 9 เม.ย.68 ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ ออกไปอย่างน้อยในสมัยประชุมหน้า ที่จะเปิดฉากในเดือนก.ค. หรืออีก 3 เดือนนับจากนี้

แม้เบื้องหน้า “นายกฯ อิ๊งค์” จะย้ำว่า ไม่ใช่การ “ถอน” วาระดังกล่าวออกจากสภาฯ แต่เป็นการเลื่อนวาระอื่นที่สำคัญกว่า อาทิ

เรื่อง “แผ่นดินไหว” ที่จะต้องมีมาตรการเยียวยาทั้งคนไทย และคนต่างประเทศ รวมถึงประเด็นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน 

ทว่า เบื้องลึกเบื้องหลังของการถอยในครั้งนี้ ว่ากันว่ามีสัญญาณมาตั้งแต่ก่อนวันโหวต ไล่มาตั้งแต่ข่าวคราวที่ว่า “นายใหญ่” พรรคเพื่อไทย ยื่นคำขาดพรรคไหนไม่โหวตผ่าน “วาระแรก” สุ่มเสี่ยงที่จะเข้าเรดโซน ถูกขับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ถูกตั้งข้อสังเกตว่าถูกปล่อยออกมาจาก “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกัน 

โดยเฉพาะ “พรรคสีน้ำเงิน” ซึ่งถูกจับตามาโดยตลอดว่า ถึงที่สุดจะเล่นบทไหน หน้าไหนกันแน่

2 ทางออก \'เอนเตอร์เทนเมนต์\'  ‘ประชามติ-ตั้งกมธ.ศึกษา’ 3 เดือนวัดพลัง

บัญชา ‘ครูใหญ่’ สีน้ำเงินเดินเกมหัก

แม้ท่าทีของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ดูเหมือนจะเล่นบทตามน้ำ บอกไว้ว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นนโยบายรัฐบาล 

ทว่า หากจับอาการของ “เนวิน ชิดชอบ” นายใหญ่สีน้ำเงิน ที่พูดผ่านเวที บรรยายพิเศษหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ยุคใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด และองค์การบริหารส่วนจังหวัด” เมื่อวันที่ 4 เม.ย.68 ที่ผ่านมา 

ช่วงหนึ่งระบุว่า “การให้อำนาจประชาชน จริงๆ ไม่ใช่แค่ให้อำนาจประชาชนหลอกๆ นี่คือ หลักเกณฑ์การสร้างความยั่งยืนความเจริญของท้องถิ่นสำหรับผม แน่นอนว่าลูกผม และทีมงาน คงพากันไปเสนอกฎหมายแล้ว" 

"แต่อย่างไรคงไม่เร่งด่วนเท่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นี่คือความรู้สึกของคนที่อยากเห็นความยั่งยืนความเจริญเติบโตของบ้านเมืองที่แข็งแรงต่อไป ดังนั้น นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหลาย ท่านก็มีคะแนน ท่านก็มีประชาชน ถ้าอยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ ขอให้ช่วยกันกดดันเรื่องนี้ เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้ จะไม่มีคนค้าน เพราะเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจประชาชนโดยตรง”

มีการตีความว่า ท่าทีดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณ เชิงเหน็บแนม เป็นทอดๆ ไปยัง “พลพรรคสีน้ำเงิน” 

2 ทางออก \'เอนเตอร์เทนเมนต์\'  ‘ประชามติ-ตั้งกมธ.ศึกษา’ 3 เดือนวัดพลัง

ทั้งท่าทีของ “เฮียตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต สส.อ่างทอง และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร บ้านใหญ่สีน้ำเงิน ที่โชว์เก๋า ยุพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว หลังมีกระแสข่าว “นายใหญ่” พรรคเพื่อไทยขู่ขับพรรคร่วมรัฐบาลที่ “ไม่เห็นด้วย” กับร่าง พ.ร.บ.“เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

สอดรับกับ “สว.สีน้ำเงิน” นำโดย “พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์” อ้างถึง สว.เกิน 100 คน มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวที่กำหนดให้มีกาสิโน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการออกเสียงประชามติต่อร่างพ.ร.บ. หากไม่ทำอาจเข้าข่ายทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 172 รวมถึง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) มาตรา 123/1 หากพบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเอื้อประโยชน์แก่บุคคลใดมิชอบ

“หากสภาฯ โหวตรับร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว สว.จะขอดำเนินการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรม

2 ทางออก \'เอนเตอร์เทนเมนต์\'  ‘ประชามติ-ตั้งกมธ.ศึกษา’ 3 เดือนวัดพลัง

ว่ากันว่า ทั้ง “นายกฯ อิ๊งค์” และ “แกนนำเพื่อไทย” ได้รับสัญญาณ มาตั้งแต่ก่อนวันโหวตเสียด้วยซ้ำ ว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคจะใช้สิทธิ “งดออกเสียง” หากยังดึงดันนำร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ 

จึงเห็นอาการของ “นายกฯ อิ๊งค์” ที่เดินออกจากโพเดียม และได้หันไปคุยกับ รัฐมนตรีจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังว่า “หัวจะปวด”

 บทเรียน“สุดซอย” เพื่อไทยพัง

เหนือไปกว่านั้น ต้องไม่ลืมว่ากระแสคัดค้าน “กาสิโน” ที่ขยายวงไปอย่างรวดเร็ว “นอกสภาฯ” ในเวลานี้ถูกจุดกระแสมาจากเครือข่ายเดียวกัน  โดยเฉพาะ “กลุ่มคน” ที่เคลื่อนไหวอยู่หลังฉากม็อบ ที่ว่ากันว่า มีมือประสานกับเครือข่าย “อำนาจเก่า” ในซีกอนุรักษนิยมอยู่เป็นระยะ

แม้ใจหนึ่ง “พรรคเพื่อไทย” ยังเชื่อลึกๆ ว่า เกมเคลื่อนของม็อบนอกสภาฯ จะไม่ซ้ำรอยสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ดันพ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย นำมาสู่การเมืองที่สุกงอม และถูกยึดอำนาจในท้ายที่สุด 

แต่อีกใจหนึ่งย่อมเรียนรู้ถึงบทเรียนในอดีตที่เคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะการชิงจังหวะป่วนผสมโรง “สร้างเงื่อนไข” นำไปสู่การเมืองที่สุกงอม หวังผลช่วงชิงเกมดุลอำนาจหลังจากนี้

ก็คงเหมือนอย่างที่ “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เคยพูดไว้ ถึงความวุ่นวายในสภาฯ ประเด็นการเสนอเลื่อนร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ถูกโยงไปที่เกมการเมืองการชิงเหลี่ยมในสภา “อย่าให้ประชาชนเบื่อการเมือง ถ้าเบื่อมากๆ เดี๋ยวทหารออกมาอีก”

สวนทางกับ "พรรคร่วมรัฐบาล" บางพรรคที่ประกาศตัวเป็นพรรค “เลือดสีน้ำเงิน” บางพรรคถึงขั้นเปลี่ยนโลโก้ โชว์ความเป็น “สีน้ำเงินเข้มข้น”  หวังชิงเกมขึ้นแท่น “เบอร์หนึ่ง” อนุรักษนิยม ที่อาจเกิดอาการขาสั่นหากยังขืนอุ้มปมเสี่ยงที่จะสุดซอยเช่นนี้ ซ้ำร้ายจะเป็นการเสียแต้มมวลชนฝั่ง “อนุรักษนิยม” ไปโดยปริยาย

จับตา 2 ทางออก“เอนเตอร์เทนเมนต์”

จากนี้ต้องจับตาเมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณถอยเร็วสุดกฎหมายฉบับดังกล่าว อาจมีการพิจารณาวาระแรกหลังเปิดสมัยประชุมในอีก 3 เดือนข้างหน้า จึงมีความพยายามในการเสนอทางออก 2 แนวทาง ที่ถูกพูดถึงเวลานี้คือ 

หนึ่ง การทำประชามติ สอดคล้องกับท่าที “กลุ่ม สว.สีน้ำเงิน”  และ “สว.พันธุ์ใหม่” นำโดย นันทนา นันทวโรภาส หรือ “ภาคประชาชน” ที่เห็นไปในทำนองเดียวกัน

สอง การใช้กลไกสภา เสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่งเสนอโดย “สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม” สว. หรือกรณีการเสนอญัตติ ขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาผลกระทบจากการดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้มีความเห็นมาจาก “วีระพันธ์ สุวรรณนามัย” สว. ที่เสนอแนวคิดดังกล่าว 

ระยะเวลาที่ทอดออกไปอีก 3 เดือน ต้องจับตาความพยายามในการหาทางออกในเรื่องดังกล่าว ไม่ต่างไปจาก “เกมการเมือง” ที่ยังซ่อนไว้ซึ่งเงื่อนไขต่อรองอีกมากหลังจากนี้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์