เฉลิมชัย ปลุก ปชป.ผ่าวิกฤติ15 ปี รอเลือกตั้งชี้วัด ร่วมรัฐบาลพท.

เฉลิมชัย ปลุก ปชป.ผ่าวิกฤติ15 ปี รอเลือกตั้งชี้วัด ร่วมรัฐบาลพท.

ปชป.ประชุมใหญ่ "เฉลิมชัย" ปลุกผ่าวิกฤติ15 ปี ลั่นอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน รอเลือกตั้งหน้าชี้วัด ผลลัพธ์ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย โอดถูกปรามาสเข้ามาโกงกิน

26 เม.ย. 68 เวลา 9.30 น. ที่โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดงาน ประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2568 โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช. สธ.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค และบรรดาแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช นายสมบัติ ยะสินธุ์ นายชัยชนะ เดชเดโช นายไชยยศ จิรเมธากร ศ. ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค ตลอดจนบรรดา สส. กรรมการบริหาร อดีต สส. อดีตรัฐมนตรี ประธานสาขาพรรค ตัวแทนพรรค และสมาชิกพรรค เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้อย่างคับคั่ง 

เฉลิมชัย ปลุก ปชป.ผ่าวิกฤติ15 ปี รอเลือกตั้งชี้วัด ร่วมรัฐบาลพท.

โดย นายเฉลิมชัย ได้กล่าวกับสมาชิกฯ ว่า เดือนนี้เป็นเดือนแรกที่พรรคประชาธิปัตย์ก้าวเข้าสู่ปีที่ 80 โดย 79 ปีที่ผ่านมาพรรค ได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤต ผ่านสิ่งต่างๆมามากมายมีทั้งรุ่งเรือง และตกต่ำ นี่คือสิ่งที่เป็นธรรมชาติของการเมือง 

สถานการณ์วันนี้ ด้วยสังคมที่แปรเปลี่ยน ด้วยบริบทการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ประชาธิปัตย์อยู่ในที่วิกฤตอีกครั้ง จากการสังเกตหรือศึกษาจากตัวเลขพบว่า ตลอดระยะเวลา 10 - 15 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตัวเลข สส. ของพรรคลดลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งวันนี้เรามี สส. 25 คน โดยเป็นที่ชัดเจนว่าเราอยู่ในช่วงวิกฤตที่เราต้องยอมความจริงว่าเกิดจากบริบทการเมือง สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นสิ่งที่พรรค ได้ดำเนินการอยู่คือการกล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โดยมีหลักการและอุดมการณ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง 

79 ปีที่ผ่านมาได้สอนบทเรียนสอนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับประชาธิปัตย์ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำประโยชน์ได้กับประเทศชาติเป็นอย่างมาก นี่คือสิ่งที่อยากให้นำมาเป็นความภาคภูมิใจสำหรับพวกเราทุกคน เพื่อให้สมาชิกพรรคจะได้ช่วยกันต่อสู้ให้พรรคเดินไปข้างหน้า แต่การที่จะทำได้นั้น ความมีเอกภาพคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์ 

เฉลิมชัย ปลุก ปชป.ผ่าวิกฤติ15 ปี รอเลือกตั้งชี้วัด ร่วมรัฐบาลพท.

"ผมอยู่ประชาธิปัตย์ปีนี้เป็น สส. 24 ปี แม้ไม่ได้อาวุโสมากเท่าไหร่ แต่ถ้านับตั้งแต่วันที่เล่นการเมืองครั้งแรกรวม 35 ปีแล้ว ตั้งแต่การเมืองท้องถิ่น ปี 2533 และมีโอกาสเป็น สส. ครั้งแรก ปี 2544 และเป็นปีที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ สส. ยกจังหวัด ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงหลักการหรืออุดมการณ์เลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ลดน้อยถอยลงไปคืออารมณ์ ผมอารมณ์ไม่ร้อนแรงเหมือนเดิม อัตตาไม่สูงเหมือนเดิม ทิฐิน้อยลงกว่าเดิม ผมได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ผมได้สถานะทางสังคมเพิ่มขึ้น ผมได้หลายสิ่งหลายอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ผม และอยากจะบอกกับสมาชิกทุกท่านว่า นี่คือสำนึกของผม ไม่ว่าพรรคจะเป็นอย่างไร ผมก็ไม่มีวันทิ้งพรรค ผมจะยืนอยู่กับพวกเราทุกคน"นายเฉลิมชัย กล่าวและว่า

ตนยึดมั่นในหลักการอุดมการณ์ ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยสุจริต ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง สิ่งที่พูด ท่านอาจจะบอกว่าใครก็พูดได้ ใครก็คุยได้ แต่ในการเลือกตั้งปี 2562 ขอให้ถามคนทั้งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ ที่ตนสอบตกนั้น เป็นเพราะตนไม่ยอมซื้อเสียง และชีวิตนี้ก็ไม่เคยซื้อเสียง เมื่อสอบตกก็ยอมรับกติกาด้วยความภูมิใจในความเป็นประชาธิปไตยที่สุจริตของตน ภูมิใจในความมีหลักการของประชาธิปัตย์ที่ตนสังกัด แต่ตนกลับไม่เคยได้รับคำปรบมือ หรือกำลังใจ แต่ก็ยังมียึดในหลักการอุดมการณ์ และยืนอยู่กับประชาธิปัตย์ วันนี้ก็ยังยืนอยู่และพร้อมจะต่อสู้ พร้อมจะทุ่มเทที่จะนำประชาธิปัตย์กลับมาให้ได้ 

สำหรับแรงบันดาลใจมีหลายส่วน เสียงปรบมือก็เป็นแรงบันดาลใจ คำชมก็เป็นกำลังใจ คำดูถูกก็เป็นกำลังใจ คำปรามาสก็เป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งตนจะรวมทั้งหมดนี้มาเป็นกำลังใจเพื่อพาทุกคน และพาพรรคประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าให้ได้

นอกจากนี้ความเป็นเอกภาพเป็นสิ่งที่ตนเรียกร้องที่สุด เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ประชาธิปัตย์ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องใช้เงินสักบาทเดียว แต่มันทำยากเหลือเกิน แต่ถ้าพวกเราทำได้ ตนก็ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาทันที แต่พวกเรายังมีเวลาเพื่อช่วยกันขับเคลื่อน ยืนยันว่าสิ่งที่คณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ตัดสินใจไปนั้น ล้วนอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก ตนจะไม่ยอมให้ในวันที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นรัฐมนตรีวันนี้มีเรื่องทุจริตคอรัปชั่น เพราะความไม่สุจริตทั้งหลายจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องแปดเปื้อน 

ในการประชุมใหญ่ปีที่แล้ว พรรคเรามีสถานะเป็นฝ่ายค้าน นี่คือเหตุผลอีกอย่างที่จำเป็นที่ต้องพูด เมื่อวันนี้เราเป็นรัฐบาลมาได้ 7 เดือนกว่า ซึ่งการเข้ามาเป็นรัฐบาลของประชาธิปัตย์นี้ เป็นไปตามข้อบังคับพรรคทุกประการ ไม่ใช่เป็นเพราะนายเฉลิมชัย หรือใครคนใดคนหนึ่งมาบอกว่าให้เป็นรัฐบาลแล้วจะเป็นได้ พรรคขับเคลื่อนด้วยข้อบังคับมาโดยตลอด 

แต่สำหรับความเป็นประชาธิปไตยนั้น ตนเข้าใจได้ว่าก็ต้องมีความเห็นต่าง แต่ความเห็นต่างนั้นต้องไม่ทำความเสียหายให้กับองค์กร คำว่าประชาธิปไตยนั้น คือการรู้จักหน้าที่ของตัวเอง และเคารพสิทธิของผู้อื่น 2 อย่างนี้ถ้าทำได้ประชาธิปไตย 100% แต่ส่วนใหญ่ทำกันไม่ได้ บางคนรู้จักหน้าที่ตัวเอง บางคนไม่รู้ บางคนเคารพสิทธิผู้อื่นบ้าง ไม่เคารพบ้าง จึงทำให้กลายเป็นประชาธิปไตยครึ่งๆ กลางๆ วันนี้เมื่อเราตัดสินใจเข้ามาเป็นรัฐบาล ยืนยันกับทุกท่านว่าหลักการของเราไม่มีเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะเรื่องซื่อสัตย์สุจริต 

เมื่อได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่านเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป้าหมายของพวกเรามีอย่างเดียวคือ ทำงานให้เต็มที่ รักษาชื่อเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาให้ได้ นี่คือเป้าหมายที่พวกเราได้ตั้งเอาไว้ พร้อมเชื่อมั่นว่าพรรคการเมืองทุกพรรคต้องพร้อมที่จะเป็นทั้งฝ่ายค้านและต้องพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล ไม่มีพรรคการเมืองไหนในโลกนี้ประกาศว่าจะเป็นรัฐบาล 100% มันเป็นไปไม่ได้ และไม่มีพรรคการเมืองไหนประกาศเป็นฝ่ายค้านตลอดไป เพราะเป็นไปไม่ได้ การจะขับเคลื่อนนโยบาย ขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ ให้พรรคเดินไปข้างหน้า ส่วนหนึ่งนอกจากการนำเสนอแล้วจะต้องปฏิบัติด้วย เพราะการจะปฏิบัติได้นั้น ก็คือการที่จะต้องมีโอกาสไปเป็นฝ่ายบริหาร 

การตัดสินใจในวันนี้ ที่คณะกรรมการบริหารและสส. ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลในวันนั้น ไม่มีใครตอบได้ว่าถูกหรือผิดแต่ตนบอกได้ว่าคำตอบจะอยู่ที่การเลือกตั้งครั้งหน้า และทุกคนที่ตัดสินใจต้องรับผิดชอบด้วยกัน นี่คือสิ่งที่ตนได้เรียกร้องว่าขอให้ทุกคนมาช่วยกัน และความเป็นเอกภาพคือพลังที่ดีที่สุด 

"การที่ ผม นายกชาย และ สส. กรรมการบริหารเข้าทำหน้าที่นั้น ท่ามกลางการปรามาสว่าจะเข้าไปโกงกินประเทศชาติ เข้าไปหาเงินหาทอง หาทรัพย์สิน หาผลประโยชน์ แต่ผมยืนยันว่า ผมมีสำนึก และจะไม่มีวันให้เกิดเหตุการณ์นี้อย่างเด็ดขาด ผมไม่บ้าจี้ไปโกงไปกิน ไปคอรัปชั่นอย่างที่กล่าวหา เพราะผมมีสติและผมรักพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีวันที่จะทำให้ประชาธิปัตย์เสื่อมเสีย 

หากกระทำของผมเสื่อมเสีย พรรคฯ ก็จะเสื่อมเสียด้วย เพราะฉะนั้นถ้ามีข่าวพวกนี้ขึ้น ผมก็อยู่ไม่ได้ ผมจะกลายเป็นคนเนรคุณทันที" นายเฉลิมชัย กล่าวและว่า

ตนได้รับการมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีฯ สิ่งที่กำลังทำคือการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน การสร้างผลงานของกระทรวงให้เป็นที่ประจักษ์ ให้คนได้รู้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงนี้คือหัวหน้าประชาธิปัตย์ สิ่งนี้ได้ติดตัวไปทุกที่ เช่นเดียวกับท่านเลขาธิการพรรคด้วย ในวันที่ตนเข้ากระทรวงฯ สิ่งแรกที่ได้ให้นโยบายกับข้าราชการคือ "ความล่าช้าคือความอยุติธรรม" มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากกำลังเดือดร้อน และเกิดความสูญเสีย จากระบบราชการที่ล่าช้า 

เพราะฉะนั้นจึงได้กำหนดเป็นนโยบายเป็นมาตรการเพื่อขับเคลื่อน ตั้งแต่เรื่องการขอใช้พื้นที่ในพื้นที่เขตป่าทั้งหมด สาธารณูปโภค น้ำไฟถนน ตนได้สั่งการอย่างเด็ดขาดว่า ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในกรอบระยะเวลา และในความจำเป็นเร่งด่วน ตนก็ได้นำเรื่องเข้า ครม. เพื่อขอมติยกเว้น ให้สามารถเข้าดำเนินการได้ภายใน 180 วันและส่งเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน จนทำให้วันนี้มีพี่น้องประชาชนหลายล้านคนที่อยู่ในพื้นที่เขตป่า มีสาธารณูปโภคที่พร้อม 

สำหรับเรื่องที่เป็นประเด็นร้อนนั้น ตนต้องการเล่าให้ฟังว่า กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามาดูแลกระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับกรมนี้มากเป็นลำดับต้นๆ เพราะเป็นกรมที่เป็นกันชนระหว่างพี่น้องประชาชนกับภาครัฐ เป็นกรมที่จะต้องร่วมกับกรมป่าไม้เข้าไปจัดสรรที่ดินทำกินให้กับประชาชน ซึ่งวันนี้ก็ได้รับฟังมาว่าตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี มีงานออกมากที่สุด โดยกรมอุทยานฯ มีการจัดเก็บรายได้ ปี 68 ได้ประมาณการไว้ที่ 2,200 ล้าน จากปีที่แล้วประมาณ 1,600-1,700 ล้าน ซึ่งก็ได้รับฟังพวกที่รู้บ้างไม่รู้บ้างมาพูด แต่ขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้ฟังว่า หลักเกณฑ์ของการจัดเก็บรายได้นั้น ก็มีหลักเกณฑ์ของการใช้จ่ายเงินด้วย จากจำนวน 2,200 ล้านบาทนี้ จะใช้ได้แค่ 600 กว่าล้าน นอกจากนั้นจะไปเป็นสวัสดิการ ส่งคืนอุทยาน และสิ่งหนึ่งที่ท้าทายอยู่ก็คือเรื่องระบบตั๋ว ในเดือนหน้าจะมีการลงนามในเรื่องของ E-Ticket และ E-service ซึ่งจะเป็นระบบที่ป้องกันการทุจริตได้ดีที่สุด ปปช. ให้งบมา 38 ล้านอุทยานจัดสรรเงินอีก 70 ล้านบาทไปสมทบเพื่อดำเนินการในส่วนโครงการนี้ และเมื่อได้ทำครบทั้ง 150 อุทยาน จะทำให้มีรายรับราวๆ 4-5 พันล้านบาท ซึ่งจะได้นำไปดูแลสวัสดิการ ปรับปรุงยกระดับอุทยานทั้งหมด ไม่มีใครที่จะโกงกินได้ และไม่ใช่ผมแน่นอน ซึ่งผมได้วางแผนล่วงหน้าแล้วว่าจะนำไปยกระดับสวัสดิการ ยกระดับอุทยานทุกที่ให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวและพัฒนาในภาคส่วนอื่นๆ วันนี้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานร่วม 10,000 คน มีทั้งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่มีบาดเจ็บ ทุพพลภาพ จากระเบียบค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลที่ออกไว้ตั้งแต่ปี 66 คือ เสียชีวิตได้ 5 แสนทุพพลภาพได้ 500,000 บาท อัมพาตได้ 300,000 บาท เดือนหน้าผมได้คุยกับอธิบดีแล้วว่าจะมีออกประกาศของกรมโดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการฯ เพื่อปรับสวัสดิการจาก 5 แสนเป็น 1 ล้านบาทเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจครอบครัว ทุพพลภาพจาก 300,000 บาท เพิ่มเป็น 1 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส มีเอกสารรับรองทางการแพทย์จาก 150,000 บาท เพิ่มเป็น 500,000 บาท นี่คือสิ่งที่เราได้นำเงิน ที่เก็บเป็นรายได้อุทยานมาใช้ 

นอกจากนี้ในทุกอุทยาน ต้องมีเรื่องอารยสถาปัตย์ สำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุ หลังจากนี้นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนไทยและต่างประเทศเข้าพื้นที่ของกรมอุทยานจะได้รับการประกันภัยประกันชีวิตนี่คือสวัสดิการที่เราจัดให้ ไม่ได้เอาเงินไปทิ้งน้ำ และส่วนหนึ่งที่มีคนถามว่าไปซื้อเรืออะไรตั้งหลายร้อยล้าน เรื่องนี้อุทยานฯ ที่ทำรายได้ให้มากที่สุด ก็คืออุทยานทางทะเล โดยเฉพาะทางฝั่งอันดามัน ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องใช้เรือ แต่ในความเป็นจริงแล้ว 7 เดือนเศษที่ผมเข้ามา ตนเป็นผู้รับมอบเรือ ซึ่งเป็นการเซ็นซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนจะเข้ามา และเรือที่ใช้ก็มีหน่วยงานเข้าตรวจสอบได้ให้คำแนะนำว่าต้องให้สวัสดิภาพกับคนที่เข้าไปทำงานด้วยเรือที่ไปตรวจสอบด้วย ซึ่งก็มีสภาพเป็นสิบ ๆ ปี ที่อย่างไรก็ต้องซื้อเพราะไปเกาะมันเหาะไปไม่ได้ มันมีความจำเป็น 

"ผมไม่เลวครับ ไม่ทุจริตคอรัปชั่นครับ นี่คือสิ่งที่ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริงบางเรื่อง เพื่อที่จะให้พี่น้องสมาชิกพรรคของผมได้สบายใจ ในวันที่ผมเข้าไปทำงานนั้น ผมทำงานกันแบบไหน ผมมีผู้ช่วยที่เข้าไปทำงานไปกำกับผมอีก 2 ท่านคืออภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ท่านสุธรรม ระหงษ์ ผมมั่นใจว่าท่านกล้ารับรองว่าเรื่องนี้ผมไม่มี พวกเราทำงานเราแบกป้ายประชาธิปัตย์ไปด้วย 24 ปีกับการที่ประชาธิปัตย์มีที่ยืนให้ผมอยู่ตรงนี้ ผมใช้หนี้บุญคุณไม่หมด และไม่มีวันใช้หมดด้วย นี่คือสำนึกที่ผมพยายามพูดถึง "นายเฉลิมชัย กล่าว