'ภูมิธรรม' ยัน ไร้ดิวต่อรองภาษีสหรัฐ แจ้งจับ พอล แชมเบอร์ส ม.112

“ภูมิธรรม” ถก สภากลาโหม รับมือภาษีสหรัฐฯ กระทบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ สั่งกองทัพเกาะติด ยันไร้ดิวต่อรองสหรัฐ ปมแจ้งจับ "พอล แชมเบอร์ส" คดี ม.112
30 เม.ย.2568เวลา 12.30 น.ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายภูมิธธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุหลังการประชุมสภากลาโหมสัญจรที่กองบัญชาการกองทัพไทย ว่าที่ประชุมได้รับทราบ สรุปสถานการณ์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายของทางสหรัฐอเมริกา (นโยบายสหรัฐ) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภูมิภาคต่างๆอย่างไรบ้าง รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
ทั้งนี้ไทยจะต้องมีการปรับตัว โดยต้องวางบทบาทต่อมหาอำนาจต่างๆ ให้สมดุลย์ และเหมาะสม เพราะ สองมหาอำนาจกำลังทำสงครามทางการค้า และส่งผลกระทบต่อภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตรง
นอกจากนี้ที่ประชุมสภากลาโหมยังได้รับทราบถึงรายงานการดำเนินงาน 11 ด้านของแต่ละเหล่าทัพ ตามนโยบายที่เคยสั่งการไป
นายภูมิธรรม ยังย้ำว่า ที่ประชุมได้พูดถึงนโยบายของทางสหรัฐในภาพกว้างว่าจะกระทบกับไทยมากน้อยแค่ไหน เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯเปลี่ยนนโยบาย และแปรแทบทุกวัน รวมทั้ง ไม่มีความแน่นอน แต่ก็ยอมรับว่า ท่าทีของประธานาธิบดีสหรัฐฯส่งผลกระทบต่อไทยอย่างแน่นอน ซึ่งในวันนี้ก็ได้ มีการประชุมหารือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรับมือนโยบายของทางสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รู้แนวทาง และประเด็นการพูดคุย รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ของทางสหรัฐทั้งหมด
ส่วนทางกองทัพจะต้องเตรียมตั้งรับนโยบายของทางสหรัฐฯในเชิงรุกอย่างไรนั้น นายภูมิธรรม ย้ำว่า ประเด็นสำคัญคือก็ต้องเตรียมการภายในประเทศ เดี๋ยวเย็นไปที่ความมั่นคงในภูมิภาคต่างๆ และต้องทำอย่างไรในการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ดีสำหรับประชาชนทั้งนี้กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังพูดยากเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลง พรุ่งนี้พูดอย่างมะรืนพูดอย่าง ดังนั้นถ้ากังวลใจในเรื่องนี้มาก เราจะทำตัวไม่ถูก ดังนั้นทุกคนต้องนิ่งอยู่กับที่และดำเนินการ ที่เป็นประโยชน์กับประเทศให้มากที่สุด โดยย้ำว่าใครต้องพร้อมปรับตัว หากจะมีการเจรจา อยากให้ไทยมีอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ยินดีพิจารณา แต่ก็ต้องคำนึงถึงปัญหาความต้องการของไทยด้วย ดังนั้นจะให้มาซื้อในสิ่งที่ไม่ต้องการ ก็คงไม่ซื้อ ทั้งนี้ประเด็นเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งไม่ใช่ประเด็นที่จะมาเสนอ แต่เป็นสิ่งที่เราคาดเดาไว้ซึ่งไทยก็ต้องดูและเตรียมการไว้ ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานให้ไทยเข้มแข็งและแข็งแรงตามศักยภาพของเรา ยืนอยู่ได้ ช่วยกันได้ก็ไม่มีปัญหา
ส่วนกรณี การแจ้งความดำเนินคดี กับ พอล แชมเบอร์ส” (Dr. Paul Chambers) นักวิชาการสัญชาติอเมริกัน ของกองทัพภาคที่ 3 จะเป็นเงื่อนไขหนึ่งอุปสรรคในการเจรจากับสหรัฐหรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่าย้ำว่าเรื่องนี้ยังไม่มีเงื่อนไขของสหรัฐฯการที่ตั้งคำถามมาไม่รู้ว่าเอาข้อมูลมาจากไหน และการที่ระบุว่ามีข้อมูลจะมาจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้นก็เป็นเรื่องของนายทักษิณและเรื่องนี้ย้ำว่าไม่มีท่าทีที่ชัดเจนจากทางสหรัฐ ว่าจะต้องดำเนินการเช่นไร แต่การดำเนินการทั้งหมดต้องคำนึงถึงกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งไม่มีดิวอะไรหรือนำมาทำเป็นเงื่อนไขใดการตั้งข้อหาและแจ้งความของทางทหาร ซึ่งก็ว่าไปตามกระบวนการและต้องตรวจสอบให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และย้ำว่าไม่ได้มีความตั้งใจจะเอาเรื่องนี้มาดิวกับใครหรือเป็นข้อต่อรอง ถ้าคิดว่าทำผิดกฎหมายก็ว่าตามกระบวนการกฎหมายแต่ขณะนี้มีปัญหาอีกหลายอย่างซึ่งให้ทางตำรวจและอัยการดำเนินการไปตามขั้นตอน และเชื่อว่าสหรัฐฯจะเข้าใจเพราะเป็นกระบวนการตามกฎหมายภายในประเทศดังนั้นประเด็นนี้ส่วนตัวอยากขอร้องว่าให้ใช้ความระมัดระวังอย่างมาก หากไปสื่อในทางไม่เข้าใจก็จะเป็นผลเสียต่อประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้นเราตระหนักดีว่าสิ่งไหนเป็นปัญหาซึ่งก็ต้องดูข้อเท็จจริงและคำนึงระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้ไม่ให้ส่งผลเสียหายต่อประเทศเพราะเรื่องที่กำลังพูดคุยกันนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ประเทศซึ่งสำคัญมากก็อยากให้ระมัดระวังในเรื่องนี้