ยื่นอุทธรณ์2นปช.เผาเซ็นทรัลเวิลด์

ยื่นอุทธรณ์2นปช.เผาเซ็นทรัลเวิลด์

อธิบดีอัยการศาลสูงระบุยื่นอุทธรณ์2 นปช.วางเพลิงเซ็นทรัลเวิลด์ พ.ค.53 แล้ว

นายไพรัช กังวานสุระ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูง กล่าวถึงการยื่นอุทธรณ์คดีวางเพลิงห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงการชุมนุมกลุ่ม นปช. วันที่ 19 พ.ค.53 ว่า ภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษายกฟ้องข้อหาวางเพลิงแล้ว อัยการคดีศาลสูงได้พิจารณาและมีความเห็นที่จะอุทธรณ์คดีนี้ ซึ่งได้สั่งการให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลสูงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ไปแล้วเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยศาลได้รับเรื่องไว้แล้ว

ส่วนประเด็นที่ยื่นอุทธรณ์นั้น อัยการเห็นว่า มีพยานใกล้ชิดที่เห็นว่าจำเลยทั้งสองคนเข้าไปในห้าง พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งการเข้าไปของจำเลย 2 คนนั้นไม่ได้เข้าไปในลักษณะการให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากประชาชนส่วนมากต่างกำลังจะหนีออกมาจากห้าง แต่จำเลยทั้งสองกลับเดินเข้าไปในลักษณะที่น่าจะเชื่อได้ว่าเข้าไปก่อเหตุ พยานหลักฐานจึงน่าจะเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนวางเพลิงห้างดังกล่าวจริง โดยทางอัยการพิจารณาไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าวเชื่อว่าศาลอุทธรณ์จะรับฟังได้

นายอาคม รัตนพจนาร์ถ ทนายความของนายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ จำเลยทั้งสอง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ของอัยการโจทก์ จึงยังไม่ทราบรายละเอียดว่าอุทธรณ์ประเด็นใดบ้าง ซึ่งจะต้องพิจารณาเนื้อหาอุทธรณ์ก่อน โดยชั้นพิจารณาที่โจทก์เคยมีพยานระบุว่า เห็นเหตุการณ์นั้น ข้อเท็จจริงมีน้ำหนักรับฟังได้น้อยไม่น่าเชื่อถือ ไม่เช่นนั้นศาลชั้นต้น ก็คงจะตัดสินลงโทษจำเลยไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิล์ดนั้น อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสายชล แพบัว อายุ 31 ปี ชาว จ. ชัยนาท การ์ด นปช. และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 29 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.53 ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 มี.ค.56 ที่ผ่านมา ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เนื่องจากพยานอัยการโจทก์ที่นำสืบมานั้นยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยจะกระทำผิดตามฟ้องจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสอง แต่ให้จำคุก 1 ปี นายสายชล จำเลยที่ 1 ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ ส่วนนายพินิจ จำเลยที่ 2 เนื่องจากพนักงานอัยการได้เคยยื่นฟ้องและถูกศาลจำคุกฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯมาแล้วเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.54 ซึ่งพฤติการณ์ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุคดีนั้นเกี่ยวพันกับคดีนี้ ถือเป็นความผิดกรรมเดียว จึงไม่สามารถนำคดีมาฟ้องให้ศาลลงโทษได้อีก ให้พิพากษายกฟ้อง