ปปช.ชี้มูลอดีตเลขาปรส.ผิดวินัย-อาญา

ปปช.ชี้มูลอดีตเลขาปรส.ผิดวินัย-อาญา

ป.ป.ช.ชี้มูลอดีตเลขาฯ ปรส.ผิดวินัย-อาญา ปมช่วยเอกชนเลี่ยงภาษี ระบุ ยังไม่สามารถชี้มูลโครงการจำนำข้าว ลั่นต้องสอบเพิ่มรอแบงก์ส่งข้อมูลเช็ค

นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 4 ชี้มูลความผิดนายมนตรี เจนวิทย์การ อดีตเลขาธิการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส.) ทั้งทางวินัยและอาญา กรณีขายสินทรัพย์กลุ่มสินเชื่อพาณิชย์และสินเชื่อตามสัญญาขายสำหรับการจำหน่ายฯ ให้กองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 3 โดยมิชอบ

"คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติว่าการกระทำดังกล่าวของนายมนตรี เจนวิทย์การ มีมูลความผิดทางวินัย ฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง และแบบแผนของ ปรส.หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11"

ในการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายมนตรีในฐานะเลขาธิการ ปรส.ได้มีหนังสือฯ ลงวันที่ 10 พ.ย.42 ขยายกำหนดระยะเวลาให้ บง.เกียรตินาคิน ผู้ชนะการประมูล แจ้งรายชื่อให้ผู้อื่นลงนามในสัญญาขายมาตรฐานแทน โดยไม่มีการนำเสนอให้คณะกรรมการ ปรส.พิจารณา และยังยินยอมให้กองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 3 เป็นผู้รับโอนสิทธิจาก บง.เกียรตินาคิน

โดยให้กองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 3 ลงนามในสัญญาขายสินทรัพย์ กลุ่มสินเชื่อพาณิชย์และสินเชื่ออื่นตามสัญญาขาย สำหรับการจำหน่ายเลขที่ FRA07 กลุ่มสินทรัพย์ COS-03 และ COS-09 แทนจาก บง.เกียรตินาคิน เมื่อวันที่ 30 พ.ย.42 ทั้งที่ทราบว่า บง.เกียรตินาคิน แจ้งรายชื่อกองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 3 เป็นผู้ทำสัญญาแทนเกินกำหนด 5 วันทำการนับจากวันประมูล และทราบว่าในวันที่แจ้งรายชื่อผู้ลงนามในสัญญาขายมาตรฐานแทนในวันที่ 23 พ.ย.42 บง.เกียรตินาคิน มิได้ยื่นสำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งกองทุน และจดหมายอนุมัติการจัดตั้งกองทุนจาก ก.ล.ต.เป็นหลักฐานประกอบด้วยตามที่กำหนดไว้ในข้อสนเทศการจำหน่ายสินทรัพย์ข้อ 7 ทั้งนี้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ บง.เกียรตินาคิน หลุดพ้นภาระทางภาษี

กล่าวคือ หาก บง.เกียรตินาคิน ผู้ชนะการประมูล เข้าทำสัญญาซื้อขายสินทรัพย์กับ ปรส.โดยตรงแล้ว ต่อมาขายสินทรัพย์นั้นต่อไปให้บุคคลอื่น จะต้องเสียภาษีทุกประเภทที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย จึงได้ยินยอมให้ บง.เกียรตินาคิน ไปจัดตั้งกองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 3 ให้เสร็จสิ้น และเข้าทำสัญญาแทนทันตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ในวันที่ 30 พ.ย.42 เนื่องจากกองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 3 ได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระภาษีอากร

ส่วนการไต่สวนมูลฟ้องโครงการรับจำนำข้าวยังอยู่ระหว่างการติดตามเส้นทางการเงิน โดยมีแคชเชียร์จำนวน 1,474 ฉบับ จากธนาคารแห่ง 6 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 70,952 บาท จึงยังไม่สามารถชี้มูลความผิดได้ในขณะนี้

ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้รับความร่วมมือจากธนาคารที่ให้ข้อมูลแล้ว 3 ธนาคาร คือ 1.ธนาคารกรุงไทย มีแคชเชียร์เช็ค 291 ฉบับเป็นเงิน 16,259 ล้านบาท 2.ธนาคารแห่งประเทศจีน มีแคชเชียร์เช็ค 10 ฉบับ จำนวน 253 ล้านบาท และ 3.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ เป็นเงิน 86 ล้านบาท ส่วนข้อมูลที่ยังไม่ได้รับจากธนาคารอีก 3 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย รวมเป็นมูลค่าประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากการประสานงานกับธนาคารกรุงเทพและกสิกรไทยได้รับการยืนยันว่าจะส่งข้อมูลมาให้ ป.ป.ช.ภายในเดือน ก.ย.นี้

"ในขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะดำเนินการชี้มูลความผิดได้เมื่อไร เพราะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน"