'อภิสิทธิ์'ย้ำคำตัดสินศาลโลกไทยเสียดินแดน

'อภิสิทธิ์'ย้ำคำตัดสินศาลโลกไทยเสียดินแดน

"อภิสิทธิ์"ย้ำคำพิพากษาศาลโลกไทยเสียดินแดนเขาพระวิหาร กินพื้นที่ 0.3-2 ตร.กม. แนะนายกฯอย่ารับคำตัดสิน

นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งอภิปรายทั่วไป แบบไม่ลงมติ ต่อคำพิพากษาศาลโลก คดีพระวิหาร ว่าสงสัยมาโดยตลอดว่าปัญหาเรื่องการตีความเรื่องเขตแดนทำไมต้องส่งให้ศาลโลกเป็นผู้ตีความ ทั้งที่ศาลโลกได้ระบุไว้ในคำตัดสิน เมื่อปี 2505 ระบุให้ทั้ง2ประเทศไปเจรจาตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ความสูญเสียของพื้นที่ จากคำพิพากษาศาลโลก มีอย่างแน่นอน โดยจะเป็นอย่างที่มีคนตีความ ว่ากินพื้นที่ 0.3 - 2 ตร.กม. หรือไม่ แต่จะจริงหรือไม่ต้องยอมรับว่าเป็นพื้นที่นอกเขตรั้วลวดหนามเดิมที่เป็นดินแดนของประเทศไทย ทั้งนี้เราปฏิเสธข้อเท็จจริงว่าคำพิพากษาของศาลได้ระบุไว้เช่นนั้นไม่ได้ ตนเสียใจและผิดหวังว่า ศาลไม่ได้ตัดสินไปตามเหตุผลของปี 2505 อย่างเคร่งครัด เพราะปี2505 ศาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับสัณฐานทางภูมิศาสตร์ หรือ"แนวสันปันน้ำ"ดูแค่ประเด็นกฎหมายปิดปากประเทศไทย ยอมรับพื้นที่

นายอภิสิทธิ์ อภิปรายว่า คำว่า"promontory" หรือ ยอดเขา หรือ ชะง่อนผาที่มีการระบุถึง ตามคำพิพากษา พ.ศ.2505 ปรากฎอยู่ 3 ครั้ง ไม่เชื่อว่าจะมีบุคคลใดตีความได้ว่าหมายถึงอาณาบริเวณของปราสาท ทั้งนี้เชื่อว่าเมื่อได้อ่านแล้ว จะทำให้เข้าใจว่าหมายถึง พื้นที่ที่ใหญ่กว่ายอดเขา แต่เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ศาลโลกตีความว่า พื้นที่พิพาท คือทั้งหมดของยอดเขา ทั้งนี้ศาลโลกได้กำหนดพื้นที่ของยอดเขา ตามคำพิพากษาของศาล ตามวรรคที่ 98 กล่าวคือ ครอบคลุมถึงเชิงเขา หรือตีนเขาของภูมะเขือ ซึ่งข้องใจทำไมไม่ครอบคลุมแค่เชิงเขาพระวิหาร ขณะที่ด้านทิศเหนือ ระบุว่าให้ยึดเส้นตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน และพิจารณาว่าทางตะวันออกไปตัดกับหน้าผาตรงไหน และทางตะวันตกไปตัดกับพื้นที่บริเวณเชิงเขาภูมะเขือตรงไหน ตนมองว่าอาจจะเรียกว่าพื้นที่เล็ก หรือ"แคบ" แต่มีความหมาย เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าเป็นจุดใด คือแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ฝ่ายไทยได้ยกเป็นข้อต่อสู้ว่าไม่สามารถแปลงในพื้นที่จริงได้ ศาลจึงเขียนในวรรคที่ 99 ว่า ในเส้นดังกล่าวขอให้ 2 ประเทศไปตกลง ด้วยความสุจริตและเคารพต่อคำตัดสินของศาล

นายอภิสิทธิ์ อภิปรายต่อว่าขอให้รัฐบาลเร่งไปแก้ไข และหาแนวทางปฏิบัติต่อการเรียกร้องจากฝ่ายผู้นำประเทศกัมพูชาว่า ให้มีการถอนทหารไทยออกจากพื้นที่เขาพระวิหารทั้งหมด นอกจากนั้นขอคำยืนยันจากนายกฯว่า จะรับคำพิพากษาของศาลโลก ในคดีปราสาทพระวิหารหรือไม่ หากนายกฯ ยืนยันว่ารับต้องชี้แจงกับประชาชนคนไทยด้วยว่าประเทศไทยจะเสียพื้นที่ที่เรียกว่า "promontory"ทันที สำหรับแนวทางปฏิบัติต่อไป รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นหรือไม่ ตามช่องทางของรัฐธรรมนญ และต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าการเจรจาจะไม่มีผลประโยชน์อื่นๆ เช่น พลังงาน , มรดกโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนั้นแล้วสำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ว่าด้วยหนังสือสัญญาที่ต้องให้รัฐสภาเห็นชอบ ที่คาดว่านายกฯ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประมาณวันที่ 24 พ.ย. หรือ 25 พ.ย. นี้ หากนายกฯจริงใจ ต้องกราบบังคบทูลถวายคำแนะนำและถ้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนญ ถูกพระราชทานคืน รัฐสภาจะต้องไม่ยืนยัน เพื่อให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ตกไปและใช้มาตรา 190 ในบทบัญญัติเดิม

"การเจรจาตามกรอบของเจซี จะรวมถึงการพัฒนาและปัญหาชายแดน รัฐบาลต้องยืนยันว่าจะไม่มีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้อง ตามคำพิพากษาศาลโลก ได้ส่งผลกระทบกับประชาชนชัดเจน ดังนั้นทางเลือกของรัฐบาลต้องมีคำอธิบาย ว่าได้รักษาอธิปไตยอย่างสุดความสามารถอย่างไร และขณะนี้ประชาชนเป็นห่วง เพราะหากพลาด จนเกิดความสูญเสีย เชื่อว่าจะนำประเด็นไปขยายผลต่อในอนาคตอย่างแน่นอน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว