นายกฯนั่งรถไฟไปศรีสะเกษไม่รอดม็อบนกหวีด

นายกฯนั่งรถไฟจากสุรินทร์ไปศรีสะเกษ เปลี่ยนจุดขึ้นหวังหนีม็อบ สุดท้ายนั่งไปเจอทั้งม็อบหนุน-นกหวีดตลอดทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวและภารกิจในการลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่17-22 ธ.ค.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในวันที่ 18 ธ.ค.ว่า ในช่วงเช้าที่บริเวณด้านหน้าโรงแรมทองธารินทร์ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีนอนพักค้างคืน ได้มีกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ที่เรียกตัวเองว่า กปปส. ได้ทยอยมารวมกลุ่มกันตะโกนขับไล่นายกฯพร้อมเป่านกหวีด โบกธงชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลชุดควบคุมฝูงชนคอยกันไม่ให้เข้ามาภายในบริเวณโรงแรม ขณะที่บริเวณประตูทางเข้า-ออก ของโรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลชุดควบคุมฝูงชนพร้อมโล่ห์และกระบองตั้งแถวตรวจค้นเพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดสำหรับรถยนต์ และบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการนายกฯ จากเดิมที่จะขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟสุรินทร์มาขึ้นที่สถานีปุฤาษีแทน เพราะไม่ต้องการให้กลุ่ม กปปส.มาขัดขวางการปฏิบัติภารกิจจึงมีการสลับการปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีและคณะ ทั้งนี้ "น้องไปป์" ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายของนายกรัฐมนตรี เดินทางมาสมทบกับนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ธ.ค.ด้วย
โดยเวลา 09.40 น.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี อาทิ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกฯ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฯ เริ่มปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดสุรินทร์ ด้วยการติดตามความคืบหน้าการพัฒนาสนามบินสุรินทร์ภักดีซึ่งเป็นสนามบินที่อยูในการดูแลของจังหวัดทหารบก กองกำลังสุรนารี มีรันเวย์ยาว 1,800 เมตร ให้เป็นสนามบินพาณิชย์ตามมติคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสุรินทร์ โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เป็นผู้ดำเนินการ แต่ยังมีปัญหาติดขัด เนื่องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินท้วงติงว่า อบจ.ไม่มีอำนาจครอบคลุมทางอากาศจึงต้องให้กรมการบินพลเรือนดูแลแทน
โดยนายกรัฐมนตรี กว่าวว่า สนามบินดังกล่าวยกเลิกมากว่า 11 ปีแล้ว แต่เนื่องจากมีการร้องขอจากภาคเอกชน ประชาชน และหน่วยงานราชการ จึงได้มีมติ ครม.ให้นำกลับมาพัฒนา ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ อบจ.ประสานกับ กรมการบินพลเรือน เพื่อดำเนินการ หลังจากที่ อบจ.ไม่สามารถดำเนินการเองได้ตามข้อกฎหมาย และขณะนี้มีความคืบหน้า หากไม่ติดอะไรอีกภายในเดือนนี้ก็จะสามารถเปิดให้บริการได้ ตามที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รายงาน และทางจังหวัดทหารบก โดยกองกำลังสุรนารี ได้ประสานความร่วมมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามหากสนามบินดังกล่าวเปิดให้บริการ ก็จะเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะอยู่ใกล้กับด่านชายแดนไทย กัมพูชา เพียง 70 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์เพียง 50 กิโลเมตร ดังนั้นหากสามารถพัฒนาและเปิดให้บริการได้ สนามบินดังกล่าวจะกลายเป็นศูนย์กลางการให้บริการทั้งการค้าขาย แหล่งท่องเที่ยว และเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะเพิ่มรายได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการพัฒนายังไม่มีการขยายรันเวย์ให้ใหญ่ขึ้น ยังใช้รองรับเครื่องบินขนาด 30-40 ที่นั่ง แต่อนาคตหากมีความต้องการในการใช้บริการมากขึ้นก็สามารถที่จะขยายได้
ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า การเปิดให้บริการ น่าจะเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นเดือนนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่งบริษัทนกแอร์ ได้ประสานเปิดเที่ยวบินพาณิชย์ ขนาด 40 ที่นั่ง
จากนั้นเวลา 10.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาถึงสถานีรถไฟบุฤาษี อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อนั่งรถไฟชั้น 3 ขบวนพิเศษ เลขที่ 933 เลขตู้ กซข. 1104 เดินทางไปจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจราชการเส้นทางรถไฟสายสุรินทร์-ศรีสะเกษ โดยมีประชาชนมารอต้อนรับและส่งขึ้นรถไฟถึงชานชาลา และจากนั้นขณะที่ขบวนรถไฟแล่นผ่าน "สถานีเมืองที" ได้มีประชาชนประมาณ 10 คนยืนอยู่บริเวณชานชาลาสถานีได้เป่านกหวีดขับไล่ พร้อมโบกธงชาติใส่ขบวนรถไฟที่คณะนายกฯแล่นผ่าน ต่อมาเมื่อบวนรถไฟได้แล่นผ่าน "สถานีศีขรภูมิ" ได้มีประชาชนประมาณ 300 คนมารอให้การต้อนรับและมีประชาชนบางส่วนสอดแทรกเข้ามาเป่านกหวีดและตะโกนขับไล่ แต่ทั้งฝ่ายไม่มีการปะทะกันแต่อย่างใด
จากนั้นขบวนรถไฟมาหยุดที่สถานีสำโรงทาบ อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ และนายกฯได้ลงมาเดินทักทายประชาชนที่มาต้อนรับจำนวนมาก โดยมีการมอบดอกกุหลาบ ขอถ่ายรูปและตะโกนให้นายกฯสู้ ๆ ซึ่งทำให้นายกฯมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า การนั่งรถไฟของนายกฯ วันนี้เป็นการดูความพร้อมของเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ที่ทำความเร็วได้ถึง 190 กม./ชม. เส้นอีสานใต้ ที่จะยาวตั้งแต่จังหวัดนครราชสีมาไปถึงจ.อุบลราชธานี โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชั่วโมงเท่านั้น และเส้นทางนี้จะต่อเนื่องไปยังเมืองปากเซ สปป.ลาว ตามความต้องการของสปป.ลาว ระยะทางจากอุบลฯถึงปากเซประมาณ 100 กม. ทั้งนี้การมาดูความพร้อมเพื่อให้รัฐบาลหน้าดำเนินการต่อไป ส่วนตนจะได้กลับมาทำต่อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับประชาชนจะเลือกเข้ามา
นายชัชชาติ กล่าาวอีกว่า การที่พานายกมาขึ้นรถไฟครั้งนี้หลังจากมีการปรับปรุงการเดินรถจากที่วิ่งได้ 60กม./ชม. มาเป็น 90-100กม./ชม. ส่วนรถส่งสินค้าเดิมวิ่งได้ประมาณ 30กม./ชม. ก็เป็น80กม./ชม. ซึ่งจะปรับปรุงทั่วประเทศ ซึ่งสายสุรินทร์ถึงศรีสะเกษระยะทาง1- กม. ก็ใช้เวลา 1ชั่วโมง
สำหรับขบวนรถไฟเมื่อถึงจังหวัดศรีสะเกษแล้วนายกฯและคณะจะนั่งรถยนต์ต่อไปยังจังหวัดยโสธรเพื่อตรวจและเยี่ยมชมสินค้าเกษตร อาทิ หอมแดง และจากนั้นจะเดินทางต่อไปค้างแรมที่จังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อรอปฏิบัติภารกิจในวันถัดไป