ผบ.ทบ.อัดกลับข่าวนายกฯคนกลาง

ผบ.ทบ.อัดกลับข่าวนายกฯคนกลาง

"พล.อ.ประยุทธ์"ยันไม่เคยคุยอดีตผบ.ทบ.นั่งนายกฯ ซัด "ณัฐวุฒิ" ละเมิดเกียรติเปิดชื่อ ชี้แดงชกพระบาปกรรม จวกคนจิตใจต่ำทรามตัดต่อภาพล้อเลียน

ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาเปิดเผยชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางว่า ต้องไปถามคนพูดเพราะตนไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ได้อยู่ในกระบวนการอะไรคิดว่าถ้าทุกพวกทุกฝ่ายจับคำพูดของแต่ละพวกมาเป็นอารมณ์มาแสวงหาคำตอบก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อย ๆ ตนอยากให้ลดคู่ขัดแย้งลงไปบ้าง ตนไม่ทราบว่าคนพูดพูดด้วยวัตถุประสงค์อะไร แต่เท่าที่สอบถามจากฝ่ายประชาสัมพันธ์กองทัพบกบอกว่าเขาคิดและประเมินสถานการณ์ขึ้นมาเอง

สิ่งสำคัญคือตนจะเตือนสังคมว่า การจะพูดจาอะไรออกไปหากท่านพูดจาที่ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องที่คิดกันขึ้นมาเอง เป็นเรื่องที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลมันก็เหมือนดูถูกฟังเอาเปรียบคนที่ถูกกล่าวถึง เพราะเขาไม่มีโอกาสตอบโต้ ซึ่งทุกท่านเป็นผู้มีเกียรติทั้งสิ้นการพูดจาที่ไม่มีหลักฐานใช้การประเมินและวิเคราะห์ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคมทำให้ประชาชนดูหมิ่นเกลียดชังถือว่าไม่เป็นธรรม และถือว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของเขา คิดว่าคนพูดต้องไปหาทางแก้ปัญหาของตัวเองให้ได้เสียก่อนทั้งเรื่องคดีความ ปัญหาเรื่องข้าว ปัญหาของชาวนา ในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรี อย่ามาพูดเรื่องอื่นที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางด้วยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไปถามเขา เขาตั้งตนได้ไหม ถ้าตั้งไม่ได้แล้วจะมาถามตนทำไม แล้วถามจะไปเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยกติกาไหน และกติกาจะเกิดหรือไม่ตนก็ไม่รู้ แต่อย่าถามตนว่า ตนจะทำนั่นทำนี่หรือไม่ ตนไม่ตอบ เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตน ไม่ใช่เรื่องของตน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ท่านไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้บอกว่าท่านอยากจะเป็น หรือใครจะมาบอกให้ท่านเป็นก็ไม่มี ไม่มีคนพูด ไม่มีคนมาขอร้อง ไม่มีคนมาถาม มีแต่คนพูดกันไปมาต้องไปหาต้นตอว่าพูดกันมาเพราะอะไร ต้องการหวังผลอะไร และตนไม่เคยคุยอะไรในเรื่องพวกนี้ในเรื่องที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง และ พล.อ.ประวิตร ก็รำคาญ แต่ถามว่ารักบ้านเมืองหรือไม่ท่านก็รัก เพราะทหารทุกคนรักหมด เพราะถ้าไม่รักบ้านเมืองแสดงว่าไม่ใช่ทหาร ถ้าเป็นทหารแล้ววางตัวไม่เหมาะสมทำผิดร้ายแรง ตนถือว่าไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของทหาร แต่ถ้าผิดธรรมดาก็ลงโทษกันไปก็จบ แต่ถ้าผิดต่อชาติบ้านเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตนรับไม่ได้

เมื่อถามว่า มีการมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มีความสนิทสนมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า "ผมสนิทกับคุณสุเทพเรื่องอะไร เพราะท่านเคยเป็นรัฐบาลจะให้ผมสนิทกับใคร เพราะผมทำงานมากับทุกรัฐบาลไม่เห็นมีปัญหา ส่วนจะถูกหรือผิดจะต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ว่าให้ทุกคนทะเลาะเบาะแว้งกันไปทั้งหมด ท่านก็มีคดีของท่านท่านก็ไปสู้คดี และท่านก็บอกว่ายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเข้ามอบตัว ซึ่งเป็นเรื่องของท่าน ก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนจะถูกหรือผิดต้องเชื่อมั่นกระบวนการศาล ถ้าศาลว่าอย่างไรผมก็เอาตามนั้น ตนไม่สามารถตอบโต้กระบวนการยุติธรรมได้ ถ้าบอกว่าผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ผมจะไม่งอแง ไม่ใช่ว่าตัดสินเข้าข้างผมแล้วผมชอบ ผมต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องยึดถือแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง และเป็นกระบวนการที่ยอมรับในสังคมโลก ถ้าไม่ยอมรับกันก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กันด้วยอะไร หรือจะให้รบราฆ่าฟันเหมือนสมัยโบราณ"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางจะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนตอบไม่ได้ ความขัดแย้งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่เคยมีบทเรียนเสียที ต้องแก้ปัญหาประเทศชาติไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ยังกลับไปสู่วังวนอันเก่า จึงต้องกลับมาทบทวนว่าปัญหาเกิดจากอะไร เกิดจากใคร แต่ปัญหาทั้งหมดไม่ได้เริ่มต้นที่ทหาร และทุกครั้งไม่เคยเริ่มต้นที่ทหาร ทหารไม่เคยขัดแย้งกับใคร แต่มีการเริ่มต้นกันมาก่อน และทหารก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องทุกครั้งเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย วันนี้ทหารออกมาทำงานในกรอบของ ศอ.รส. ไม่เคยออกมาทำงานโดยอิสระ ทหารออกมาด้วยกฎหมาย ตนไม่เคยออกมาด้วยอำนาจทหารเลย กองทัพไม่ใช่องค์กรที่อยู่เหนือกฎหมาย ทั้งนี้หากมีการเลือกตั้งตนก็พร้อมสนับสนุน

"ทางออกมีอยู่แล้วไปหากันเอง ผมพูดมา 3 ปีครึ่ง มีคำแนะนำ 100 กว่าอย่าง แต่ไม่เอาสักอย่างก็ช่วยไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง หากมีความขัดแย้งประชาชนก็ต้องแก้ปัญหากับประชาชนด้วยกัน ไม่ใช่ทั้งหมดอิรุงตุงนังโยงใยไปหมดใครก็แก้ไม่ได้ ผมเคยบอกไว้แล้ว ต้องลดความขัดแย้งของประชาชนให้ได้เสียก่อน ประชาชนต้องไม่ตีกัน เช่นตีพระ ชกพระ จะบอกว่า กปปส.มีพระ มันคนละเรื่องกัน มันบาปกรรม ต้องดูแต่ละกรรมที่คนปฏิบัติ ว่าร้ายแรงแค่ไหนอย่างไร อย่าไปมองว่าข้างนี้ข้างนั้น อย่างนี้ตำรวจและศาลทำงานไม่ได้ ต้องมองว่าทำผิดหรือถูก ร้ายแรงหรือไม่ใครเป็นคนทำ ใครยิงเอ็ม 79 ใครยิงเอ็ม 16 เป้าหมายคือใคร สาเหตุคืออะไร ต้องหาให้เจอว่าใครยิงเพราะอะไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีภาพถ่ายรูปหมู่ร่วมกันระหว่างหลวงปู่พุทธะอิสระ กับ พล.อ.ประยุทธ์ และอดีต ผบ.ทบ. ขณะไปทำบุญที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำไม ผิดตรงไหน วันหนึ่งตนถ่ายรูปห้าร้อยรูป ถ้าเขาขอถ่ายตนก็ถ่าย ซึ่งวันนั้นตนทำบุญร่วมกับท่านที่วัด เมื่อเขาถ่ายรูปกันตนก็ถ่าย และตนจะรู้หรือไม่ว่าวันนี้หลวงปู่จะมาเคลื่อนไหว ตนไม่ใช่หมอดูว่าในวันข้างหน้าใครจะทำอะไร ให้ความเป็นธรรมกับตนหน่อย ถ้าทุกคนกลับไปทำงานตามหน้าที่ของตนเอง และไม่ต้องเอาทุกอย่างมายึดโยงกัน เพราะทุกอย่างถูกลากเชื่อมโยงกันไปหมด เขียนเสือให้วัวกลัวกันไปมา จนยอมกันไม่ได้ ไม่มีใครแก้ได้ด้วย ไม่มีใครชนะกันด้วย

ต่อข้อถามที่ว่า มีคนตั้งความหวังกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในการแก้ไขปัญหากับประเทศชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณ ตนก็เป็นความหวังของครอบครัวและกองทัพบกอยู่แล้ว ตนไม่ได้เลิศเลออะไรมากมาย ไม่ใช่ว่ามีคนตั้งความหวังแล้วตนจะต้องพองตัวดีใจ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตัดต่อภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ล้อเลียนเสียดสีทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า ก็จิตใจมันต่ำทราม