ยันกลุ่มหนุนคสช.ยื่นหนังสือสถานทูตไม่ผิดกม.

ยันกลุ่มหนุนคสช.ยื่นหนังสือสถานทูตไม่ผิดกม.

"พล.ต.อ.สมยศ" ยันกลุ่มสนับสนุนคสช.ยื่นหนังสือสถานทูตสหรัฐฯไม่ผิดกฎหมาย ไม่เข้าข่ายแสดงออกทางการเมือง

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีกล่าวโจมตีในโซเซี่ยลมีเดียว่าตำรวจเลือกปฏิบัติ 2 มาตรฐานไม่จับกุม นพ.เทพ เวชวิสิฐ แพทย์ศัลกรรมตกแต่ง ผู้ก่อตั้งประตูน้ำโพลีคลินิค ออกมาเรียกร้องสถานทูตสหรัฐฯ ไม่ให้แทรกแซงการเมืองไทยบริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยว่า ตำรวจและทหารได้ชี้แจงทำความเข้าใจร่วมกันในเรื่องการแสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มประชาชนที่มีความคิดเห็นต่างจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) เนื่องจากเหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนคสช.ไปยื่นหนังสือคัดค้านสหรัฐอเมริกาที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ ที่ผ่านมาทำให้ประชาชนบางส่วนเข้าใจว่า ตำรวจและทหาร เลือกปฏิบัติ ซึ่งเรื่องนี้ขอชี้แจงว่า การแสดงออกหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา ไม่เข้าข่ายการแสดงออกทางการเมือง เนื่องจากไม่ได้มีท่าทีต่อต้านการทำงานของคสช.แต่เป็นความต้องการสื่อสารข้อมูลถึงประเทศสหรัฐอเมริกา และไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เพราะเคยมีการยื่นหนังสือถึงประเทศออสเตรเลีย ในลักษณะเดียวกันแล้วซึ่งตำรวจและทหารก็ไม่ได้เข้าจับกุม หากมีการแสดงออกในลักษณะนี้อีกจะพิจารณาเป็นรายกรณีไป ว่าการแสดงออกต่างๆเกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมืองหรือไม่ หากการกระทำใดไม่ขัดต่อประกาศคสช. และไม่ผิดกฏหมายก็สามารถทำได้

พล.ต.อ. สมยศ กล่าวต่อว่า นโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะคสช. เน้นย้ำการปฏิบัติกับผู้ชุมนุมที่มีความเห็นต่างโดยให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ให้ใช้วิธีการถ่ายรูป และติดตามตัวมาปรับทัศนคติ แทนการเข้าจับกุมทันที ส่วนการย้ำเร่งติดตามจับกุมบุคคลที่มีหมายจับ พลเอกประยุทธ์ สั่งการให้เร่งดำเนินการโดยจะต้องไม่เลือกปฏิบัติ และต้องมีความเสมอภาคทางกฏหมายอย่างเท่าเทียมกัน สำหรับกรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีหมายจับในท้องที่ สน. สามเสน คดีระเบิดรั้วบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูรานนท์ ประธานองคมนตรี และหมายจับในคดีอาวุธสงครามตอนนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมเอกสารส่งให้กองกการต่างประเทศ แปลเอกสาร ก่อนนำส่งต่อให้อัยการสูงสุด จากนั้นจะนำส่งต่อให้กระทรวงต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตาม สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป เช่นเดียวกับคดีของ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชายชุดดำที่ติดอาวุธในเหตุการณ์ปี 2553 ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเร่งตรวจสอบหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในปี 2553 หรือไม่หากมีความเชื่อมโยงก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป