ปปท.ตั้งเป้า3เดือนลุยปราบคดีรุกป่า-ทุจริตงบ

ปปท.ตั้งเป้า3เดือนลุยปราบคดีรุกป่า-ทุจริตงบ

"ประยงค์"ตั้งเป้า3เดือนปราบทุจริตระยะเร่งด่วน ลุยปราบคดีรุกป่า ทุจริตงบประมาณ ย้ำหมดยุคโกงง่าย รวดเร็ว

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการป.ป.ท.เปิดเผยแนวทางการดำเนินการตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่า จะเร่งดำเนินการตามคำสั่งให้เห็นผลภายใน 3 เดือน โดยเรื่องที่สามารถผลักดันให้เห็นผลทางปฏิบัติคือ หัวหน้าส่วนราชการต้องขับเคลื่อนตามคำสั่งที่ 69 โดยตรวจสอบและดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการในสังกัดแล้วเสร็จใน 30 วัน หากไม่เสร็จและป.ป.ท.เข้าตรวจสอบซ้ำหัวหน้าส่วนราชการจะมีความผิดวินัยเอง ล่าสุดได้หารือกับคณะกรรมการป.ป.ท.ขอให้เร่งรัดการไต่สวนคดีค้างเก่ากว่า 4,000 เรื่องให้เสร็จโดยเร็วเพื่อให้มีความพร้อมในการรับไต่สวนคดีที่จะเกิดขึ้นใหม่

สำหรับงานด้านปราบปรามที่เป็นประเด็นเร่งด่วนคือ 1.ปัญหาบุกรุกป่าสงวนและเขตอุทยาน ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่เข้าดำเนินการแต่ไม่คืบหน้า ดังนั้นป.ป.ท.จะเข้าไปกระชับกระบวนการพร้อมกับคำสั่งคสช.ที่ 64 และ 69 2. กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุจริตงบประมาณ ซึ่งถือเป็นปัญหาทั่วประเทศ เพราะมีทั้งการของบซ่อมถนน ขุดคลอง ขุดบ่อน้ำ

3. กรณีใช้งบเยียวยาภัยพิบัติ ป.ป.ท.มีแนวคิดทำสถิติการประกาศภัยพิบัติและการใช้งบเยียวยาในรอบปี ว่าแต่ละจังหวัดมีภัยพิบัติเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ที่ผ่านมาป.ป.ท.เคยเข้าตรวจสอบปัญหาเพลี้ยกระโดดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากการติดตามข้อมูลพบว่าสำนักงานการตรวจแผ่นดิน(สตง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เข้าไปดำเนินการแล้ว นอกจากนี้กรมบัญชีกลางได้สั่งปรับลดวงเงินจาก 50 ล้านบาท เหลือ 25 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดบึงกาฬ ถูกสั่งเรียกเงินเยียวยาภัยพิบัติเพลี้ยกระโดดคืนทั้งหมด ซึ่งป.ป.ท.จะเข้าไปตรวจสอบซ้ำว่าหัวหน้าส่วนราชการได้ดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่หรือไม่

4.กรณีสวมบัตรประชาชนและการจัดทำบัตรประชาชนอันเป็นเท็จ ซึ่งในอดีตเป็นเพียงการออกบัตรประชาชนให้คนต่างด้าวแต่ปัจจุบันขบวนการสวมบัตรประชาชนได้ขายบัตรให้กับผู้กระทำผิดคดีอาญาและผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ นอกจากนี้จะต้องตรวจสอบไปถึงปัญหาแรงงานเถื่อนและการค้ามนุษย์ ซึ่งน่าจะเชื่อมโยงกับการสวมบัตรประชาชน ซึ่งกรณีเหล่านี้หากเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องจะทำได้ยาก เพราะ การบังคับใช้แรงงานและการนำเข้าแรงงานโดยผิดกฎหมายจะต้องทำผิดกฎหมายหลายฉบับทั้งกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองไปจนถึงกฎหมายแรงงาน และ 5. กรณีทุจริตงบประมาณของรัฐ ซึ่งป.ป.ท.จะทำงานให้บรรลุผลโดยเร็วเพราะถือว่าข้าราชการทุจริตคือขยะของส่วนราชการ ป.ป.ท.มีหน้าที่เข้ากำจัดขยะ ปัญหาทุจริตในขณะนี้ใหญ่กว่าเรื่องของการหาเศษหาเลยกับงบประมาณ

นายประยงค์ กล่าวอีกว่า มีแนวคิดสร้างเครือข่ายสายลับประชาชน เพื่อเปิดช่องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส วางเป้าหมายต้องมีต้องมีเครือข่ายในทุกหมู่บ้าน ซึ่งทั่วประเทศมีกว่า 80,000 หมู่บ้าน รวมเข้ากับเครือข่ายคนรุ่นใหม่ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยจะเปิดช่องทางรับแจ้งเบาะแสเพื่อกระจายการตรวจสอบและเฝ้าระวังให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากนี้จะผลักดันให้มีการรวบรวมจัดทำฐานข้อมูลการตั้งกรรมการสอบวินัยข้าราชการในทุกส่วนราชการ เพื่อให้มีฐานข้อมูลข้าราชการกว่า 2 ล้านคนไว้พิจารณาประกอบการแต่งตั้งโยกย้าย

"ในยุคที่ประเทศต้องการการปฏิรูป ข้าราชการต้องปฏิรูป เชื่อว่าทุกคนมองเห็นปัญหาตรงกันว่าการทุจริตครั้งนี้ถ้าไม่แก้ไขประเทศจะไม่เหลืออะไร สำหรับป.ป.ท.ไม่มีที่ยืนให้คนโกง เว้นแต่จะมาให้ปากคำ ไม่มีอีกแล้วสำหรับการโกงง่ายๆรวดเร็วและปลอดภัย ถ้ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาป.ป.ท.ส่งเรื่องให้ส่วนราชการตรวจสอบแล้วไม่ตั้งกรรมการสอบวินัยหรือตั้งกรรมการสอบสวนแบบสวนทางกับข้อเท็จจริง หัวหน้าส่วนราชการต้องรับผิดชอบ"เลขาธิการป.ป.ท.ระบุ