ศาลยกคำร้องปปช. คดี'แซม'ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน

ศาลยกคำร้องปปช. คดี'แซม'ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน

ศาลมีมติยกคำร้องป.ป.ช. ชี้"แซม ยุรนันท์"ไม่มีเจตนา ปกปิดบัญชีเงินลงทุนศูนย์การแพทย์วิลล่าเมดิก้ากว่า14ล้าน

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 19 ส.ค.57 เวลา 10.00 น. นายพิศล พิรุณ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา รวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.14/2556 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ยื่นคำร้องกล่าวหา นายยุรนันท์ หรือแซม ภมรมนตรี อายุ 51 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ผู้คัดค้าน จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน สืบเนื่องจากกรณีที่ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ชี้มูลความผิดว่า นายยุรนันท์ ผู้คัดค้าน ไม่แจ้งการถือครองหุ้น บริษัท วิลล่า เมดิก้า (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบการศูนย์การแพทย์ทางเลือกเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ มูลค่า 14 ล้านบาทเศษ ต่อ ป.ป.ช. เมื่อรับตำแหน่ง ส.ส.ในวันที่ 31 ส.ค.54 ตามที่ได้รับการร้องเรียนมา และจากการตรวจสอบข้อมูล ของ ป.ป.ช. ยังพบว่านายยุรนันท์ ผู้คัดค้าน ไม่ได้ยื่นข้อมูลการถือครองหุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการบินไทยของภรรยาอีก จำนวน 3 ล้านบาทเศษด้วย

แต่นายยุรนันท์ ผู้คัดค้าน ต่อสู้ข้อกล่าวหาว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดข้อมูลบัญชีทรัพย์ต่อ ป.ป.ช. ตามที่ถูกร้องเรียน แต่ปัญหาเกิดจากเหตุสุดวิสัยบางประการ ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบเอกสารที่ติดปัญหาน้ำท่วม รวมถึงการแจ้งข้อมูล เรื่องการลงทุนในบริษัท แต่ไม่ได้แจ้งมูลค่าหุ้น จึงขอให้ศาลยกคำร้อง

โดย ป.ป.ช. เห็นว่า การกระทำของผู้คัดค้านดังกล่าว เป็นจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง หรือคู่สมรส หรือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ม.263 จึงขอให้ศาลฎีกาฯ พิพากษาลงโทษอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ม.119 และมีคำสั่งห้ามผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่ง

ทั้งนี้เมื่อถึงเวลานัด นายยุรนันท์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาศาล พร้อมกับนายเกรียงไกร อินทจันทร์ ทนายความ และคณะผู้ติดตาม ซึ่งนายยุรนันท์ มีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมกับพูดคุยขอกำลังใจกับผู้สื่อข่าว โดยกล่าวถ้อยคำ เป็นภาษาอังกฤษว่า whatever will be , will be ก่อนเดินเข้าห้องพิจารณา

ขณะที่องค์คณะผู้พิพากษาฯ พิเคราะห์พยานหลักฐาน ประกอบรายงานสอบสวนของ ป.ป.ช. แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านแสดงบัญชีเงินลงทุนของ บจก.วิลล่า เมดิก้า หรือไม่ ซึ่งผู้คัดค้านต่อสู้ว่าได้ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สิน และหมายเหตุยอดรวมท้ายบัญชี ต่อป.ป.ช.เมื่อวันที่ 10 ต.ค.54 ประกอบกับขณะนั้น ผู้คัดค้านเป็นผู้อำนวยการศูนย์พักพิงช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่กทม. จึงมีความยุ่งยากในการค้นหาเอกสาร และได้มอบให้ผู้แทนยื่นเอกสาร และช่วงเวลาดังกล่าว บจก.วิลล่า เมดิก้า ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับผู้ถือหุ้น

ศาลเห็นว่า รายละเอียดในเอกสารที่ผู้คัดค้านยื่นมีบัญชีเพียง 2 รายการ เป็นเงินลงทุนในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ 2 แห่ง โดยไม่มีข้อความใดแสดงว่ามีทรัพย์สินของบจก.วิลล่าฯ เมดิก้า ป.ป.ช. จึงให้ยื่นเอกสารเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 3 ก.พ.55 แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดแสดงเกี่ยวกับเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าว ซึ่งผู้คัดค้านอ้างว่าหลงลืมและไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่ผอ.ศูนย์พักพิงฯ

จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยต่อว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นแสดงบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้คัดค้าน เพิ่งได้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย.52 โดยผู้คัดค้านได้รับตำแหน่ง ส.ส. วันที่ 31 ส.ค.54 จึงเท่ากับว่าผู้คัดค้านไม่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินในรายการดังกล่าวมาก่อน ส่วนเงินฝากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการบินไทยของคู่สมรส จำนวน 3,216,231 บาท ปรากฏว่าไม่ใช่บัญชี ที่ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบสอบพบเอง แต่เป็นกรณีที่คู่สมรสได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบว่าเป็นเงินฝากของครอบครัว ซึ่งผู้คัดค้านได้ยื่นบัญชีนี้เพิ่มเติมแล้ว และเมื่อเทียบกับรายการและมูลค่าทรัพย์สินและหนี้สินของผู้คัดค้านกับคู่สมรสที่ได้ยื่นไว้ก่อนหน้านี้พบว่ามีจำนวนหลายรายการ และมีเงินลงทุนจำนวนมากกว่ารายการเงินลงทุนของบริษัทวิลล่าฯ และเงินในบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ที่มีจำนวนน้อยกว่า ประกอบกับข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าระหว่างนั้นผู้คัดค้านปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ศูนย์พักพิงฯ ผู้คัดค้านจึงไม่ได้มีเจตนาจงใจยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือปกปิดด้วยข้อความอันเป็นเท็จ องค์คณะฯ จึงมีคำพิพากษาด้วยมติเสียงข้างมาก ให้ยกคำร้อง ป.ป.ช.

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายยุรนันท์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม และกล่าวว่า ดีใจที่ศาลยกคำร้อง ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมและให้โอกาสตนได้ต่อสู้และพิสูจน์ข้อเท็จจริง ส่วนตัวยอมรับด้วยว่ามีความบกพร่องที่ส่งเอกสารบางส่วนไม่ครบ แต่ก็มีเหตุผลในหลายเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันว่าเราบกพร่องอะไรบ้าง ซึ่งจำเป็นต้องพิสูจน์เพราะข้อกล่าวหาดังกล่าวค่อนข้างจะรุนแรงกระทบกับตัวเองและครอบครัว เนื่องจากมีข้อครหาว่าเราจงใจพูดเป็นเท็จจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน อาจจะนำพาให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายได้ ซึ่งก็เป็นบทเรียนที่ทำให้ระมัดระวังมากขึ้นในเรื่องเอกสาร ทั้งนี้ ไม่ได้ติดใจการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. เพราะเข้าใจการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งตนเองก็บกพร่องเมื่อครั้งให้ปากคำครั้งแรกไม่ได้จัดเตรียมเอกสารไปให้เพียงพอ ทำให้คดีผ่านมาถึงชั้นศาล แต่ก็มีโอกาสชี้แจงข้อมูลต่อศาลในสิ่งที่เราขาดตกบกพร่องไป อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดฟ้องกลับ โดยอยากให้เรื่องยุติเพียงเท่านี้