'พิเชษฐ์'แจงเดิมราคาบ้าน100ตรว.ไม่เสียภาษี

"พิเชษฐ"แจงความเข้าใจให้สังคม“ภาษีที่บ้าน-ที่ดิน” เดิม“บ้าน”ไม่เกิน100 ตรว.ไม่เสียภาษี แต่ราคาใหม่ถึงอัตราที่ถูกกำหนดต้องเสียภาษี
นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตรมช.คลัง กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและปัญหาการจับเก็บภาษีของท้องถิ่นว่า ในฐานะที่เคยเป็นกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี มา 17-18 สมัย และเคยเป็นผู้กระจายอำนาจการคลังจากกระทรวงการคลังไปให้ท้องถิ่น มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ของประเทศอยู่ร่วม 10 ปี ขอให้ข้อมูลประกอบความเข้าใจของสังคมดังนี้ คือ เรื่องกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และเรื่องภาษีโรงเรือนที่กำลังพิจารณากันอยู่ เป็นเรื่องกฎหมายเก่าที่ใช้กันมาและเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมออกมาเป็นกฎหมายใหม่ ตามที่กำลังพยายามกระทำอยู่
อดีตรมช.คลัง กล่าวว่า สาระสำคัญเกี่ยวกับบ้านอยู่อาศัยคือตามกฎหมายเดิมพิจารณาจากเนื้อที่เป็นหลักคือ ที่ดินเพื่ออยู่อาศัย แต่เดิมเนื้อที่ไม่เกิน 100 ตารางวาไม่ต้องเสียภาษี กำลังมีการแก้ไขให้คิดตามมูลค่าของราคาบ้านและที่ดินฯ โดยให้กรมธนารักษ์ทำหน้าที่ประเมินราคาและต้องเสียภาษีตามที่กำหนด(จะเป็นหนึ่งล้านบาทหรือหนึ่งล้านห้าแสนบาทก็ตาม) ผลคือ หากบ้านไหนถูกประเมินราคาถึงอัตราที่กำหนด จะต้องเสียภาษีทั้งหมด ไม่ว่าเนื้อที่เท่าไร หรือปลูกอยู่ที่ไหน ลักษณะจะลามไปถึงบ้านในลักษณะตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ จนถึงคอนโดมีเนียมและอพาร์ทเม้นท์ แฟลต แม้แต่บ้านเอื้ออารีหรือเอื้ออาทรทั้งหลาย เมื่อเป็นเช่นนี้ คงต้องพิจารณาว่า ยังมีตึกแถวริมถนน ทาวเฮ้าส์หรือบ้านที่ไหนมีราคา ต่ำกว่าล้านบาทบ้าง
" ต้องยอมรับว่า บ้านเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเจ้าของบ้านอยู่เอง แต่อีกส่วนหนึ่งมีผู้เช่าอยู่ ไม่ว่าเช่าอาศัย หรือเช่าเพื่อประกอบการอาชีพ หากเจ้าของบ้านมีภาระต้องเสียภาษีบ้าน แน่นอนที่จะต้องผลักภาระไปยังผู้เช่าบ้านในรูปของค่าเช่า ค่าเช่าที่จะขึ้นคงไม่ได้เป็นไปตามสัดส่วนภาษี เช่น ภาษีปีละ 1,500 บาท ค่าเช่าอาจขึ้นเดือนละ 200 บาท กลายเป็นภาะที่จะถูกผลักต่อไปปีละ 2,400 บาท นั่นคืออีกส่วนหนึ่งของค่าครองชีพที่จะเพิ่มขึ้น หรือกระทรวงการคลังคิดว่า บ้านที่ให้เช่าลักษณะเช่นว่านี้ ไม่มีจริง หรือคิดว่าเจ้าของบ้านจะรับภาระภาษีไว้เองโดยไม่ผลักภาระต่อให้ผู้เช่า"นายพิเชษฐ์ กล่าว
อดีตรมช. คลัง ระบุต่ออีกว่า หากมีการประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ อยากทราบว่า ณ บัดนี้ยังมี คอนโดมีเนียมในเมืองที่ไหนราคาหน่วยละไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทาวเฮ้าส์หรือตึกแถวริมถนนที่ไหนในเขตเทศบาลที่มีราคาไม่เกินหน่วยละหนึ่งล้านบาท นี่คือข้อเท็จจริงที่รัฐบาล หรือรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้องต้องรับฟัง เพราะประชาชนทั่วไป ไม่มีบ้านพักราชการ หรือสามารถเบิกค่าที่พักจากทางราชการเหมือนข้าราชการที่ท่านกำลังคิดขึ้นภาษีเอาเงินมาขึ้นเงินเดือนให้ นี่คือเหตุหนึ่งที่ ผมห่วงว่า จะเป็นความ“เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า”
นายพิเชษฐ ระบุอีกว่า ในทางเศรษฐกิจ ภาระทางภาษีคือ ปัจจัยต้นทุนที่ผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึง เมื่อภาคผลิตเกิดต้นทุนเพิ่มขึ้นจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งตัวเครื่องจักรและส่วนควบ ซึ่งจะส่งผลถึงราคาสินค้าที่ผลิตขึ้น ขณะที่ภาคการค้าและภาคบริการ เกิดต้นทุนสูงขึ้นในสถานที่ประกอบการ ไม่ว่าตามโรงแรม ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งตลาดในรูปแบบต่างๆ เมื่อเจ้าของสถานที่เกิดภาระภาษีเพิ่มขึ้น ย่อมผลักภาระไปสู่ผู้เช่าช่วง ผู้เช่าช่วงผู้ประกอบการต้องผลักภาระไปสู่ค่าสินค้าและบริการ ภาระก็จะตกแก่ประชาชนผู้บริโภคทุกระดับ ไม่ว่ายากดีมีจนอย่างไร จะเป็นการกระทบทางเศรษฐกิจที่ต้องเรียกว่า เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
นายพิเชษฐ ระบุต่อว่า ในเชิงสังคม รัฐบาลต้องไม่ลืมว่า “บ้านที่อยู่อาศัย คือปัจจัยหนึ่งในสี่ของชีวิตมนุษย์” ทุกวันนี้ภาระค่าครองชีพของประชาชน แทบจะอยู่ในวิกฤตแล้ว วันนี้ประชาชนกำลังรู้สึกว่าถูกอำนาจรัฐ บังคับให้ต้องเสีย“ภาษีค่าที่ซุกหัวนอน” อย่างน่าเจ็บช้ำน้ำใจ
เมื่อถามว่า แล้วราคาประเมินบ้านบนที่ดินจิ๊บจ๊อย(แต่ราคาบ้านแพง) จะมีการหักค่าเสื่อมราคาตามอายุบ้าน เหมือนที่ธนาคารคิดเวลาไปกู้เขาหรือไม่) ตอบว่า มีหัก แต่ระวังค่าที่ดิน ซึ่งไม่มีค่าสึกให้ แต่ จะสวนทางกับค่าเสื่อมราคาบ้านต่อไปคือ ภาษีค่า “อาหารยาไส้”