ศาลพิพากษาประหาร'หนุ่ย-ติ๊งต่าง'ข่มขืนฆ่าด.ญ.4ขวบ

ศาลพิพากษาประหารชีวิต "หนุ่ย-ติ๊งต่าง" ฆาตกร ข่มขืนฆ่าเด็กหญิงเมืองเลย วัย 4 ขวบ รับสารภาพลดโทษเหลือคุกตลอดชีวิต
ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 22 ก.ค.58 เวลา 09.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.163/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 และมารดาของเด็กหญิงผู้ตาย เป็นโจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายติ๊งต่าง หรือหนุ่ย ไม่มีนามสกุล อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลย ในความผิดฐาน พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครอง , หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีซึ่งไม่ใช่ภรรยาตนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยความโหดร้ายทารุณ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 277, 277 ทวิ, 283 ทวิ, 288, 289 , 310 และ 317
ตามฟ้องอัยการโจทก์ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 บรรยายพฤติการณ์จำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.56 เวลากลางวัน ถึงเวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลย ได้พราก ด.ญ.หญิง (นามสมมุติ) อายุ 4 ปีเศษไปจากเป็นตาซึ่งเป็นผู้ปกครอง โดยจำเลยพูดจาหลอกล่อ ว่าจะพาไปเดินเล่นและซื้อขนม เด็กหญิงจึงยินยอมไปด้วย แต่เมื่อเด็กหญิงต้องการกลับไปหาผู้ปกครอง จำเลยไม่ยอมให้กลับแล้วใช้กำลังบีบบังคับฉุดลากเด็กหญิงเข้าไปในป่าละเมาะห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 400 เมตร ซึ่งจำเลยได้หน่วงเหนี่ยวเด็กหญิงไว้ไม่ยอมให้กลับไปหาผู้ปกครอง อันเป็นการทำให้เด็กหญิงปราศจากเสรีภาพ และจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงจนสำเร็จความใคร่ โดยเด็กหญิงไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จากนั้นจำเลยได้ฆ่าเด็กหญิงโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย ด้วยการใช้มือบีบคอทำให้ขาดอากาศหายใจ และถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย ขณะที่ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ
โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว นายติ๊งต่าง จำเลย มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว เห็นว่า วันที่ 5 ก.พ.56 ผู้ปกครองของ ด.ญ.หญิง (นามสมมติ) ได้ไปขายสินค้าในงานกาชาด อำเภอเมืองเลย ซึ่งพาเด็กหญิงไปด้วย ระหว่างอยู่ในงานเด็กหญิงได้ขอผู้ปกครองไปวิ่งเล่น แต่หลังจากนั้นไม่มีใครพบเด็กหญิงอีก ผู้ปกครองจึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองเลย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม จำเลย ที่ก่อเหตุข่มขืนและฆ่าน้องการ์ตูน (นามสมมุติ) ได้เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.56 ซึ่งจำเลยก็รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุชำเราและฆ่า ด.ญ.หญิง ด้วย โดยหลอกเด็กหญิงออกจากงานกาชาดแล้วใช้กำลังพาเข้าไปในป่าละเมาะหลังสำนักงานประปาภูมิภาคจังหวัดเลย จากนั้นได้กระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ แล้วบีบคอเด็กหญิงจนสลบแล้วทิ้งไว้ในป่าละเมาะก่อนจำเลยจะหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันที่ 18 ธ.ค.56 พบกะโหลกศีรษะ โครงกระดูก และเสื้อผ้าของเด็กหญิงโดยผู้ปกครองยืนยันว่าเป็นเสื้อผ้าที่เด็กหญิงใส่ในวันเกิดเหตุ เมื่อนำโครงกระดูก เสื้อผ้าของเด็กหญิงไปตรวจหาสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ เปรียบเทียบกับมารดาแล้ว ปรากฏว่าผลตรวจตรงกับมารดา
คดีนี้แม้โจทก์ ไม่มีประจักษ์พยาน แต่คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลย ก็มีทนายความร่วมอยู่ด้วยตลอด จึงไม่เป็นข้อพิรุธว่าจำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่ และไม่มีเหตุสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะบันทึกคำให้การกลั่นแกล้ง พยานโจทก์จึงมีน้ำหนักปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง ซึ่งแม้ว่าข้อเท็จจริงตามบันทึกคำให้การของจำเลยจะให้การว่า ยังไม่ได้ข่มขืนชำเราเด็กหญิง แต่แค่ทำอนาจารเท่านั้น ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นการกระทำชำเราแล้วแต่ไม่บรรลุผล เนื่องจากมีคนเดินเข้ามาใกล้ที่เกิดเหตุ ประกอบกับสรีระของเด็กหญิงอายุ 4 ปีเศษยังไม่รองรับกับการมีเพศสัมพันธ์ การกระทำของจำเลยจึงอยู่ในขั้นความผิดพยายามกระทำชำเรา ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตายได้
จึงพิพากษาว่า จำเลย มีความผิด ตาม ม. 317 วรรคสาม, 283 ทวิ วรรคสอง , 277 วรรคสาม ประกอบมาตรา 80 , 277 ทวิ (2), 310 วรรคสอง , 289 (5)(7) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ให้จำคุกจำเลย 9 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากผู้ปกครองฯ , ให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย และให้ประหารชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานเพื่อปกปิดความผิด
ขณะที่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ให้จำคุกจำเลย 4 ปี 6 เดือน ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากผู้ปกครองฯ , จำคุก 25 ปี ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และให้จำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นฯ โดยให้นับโทษจำเลย ต่อจากคดีหมายเลขแดง 990/2557 ที่ศาลจังหวัดพระโขนง พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต จำเลยฐานฆ่าข่มขืนน้องการ์ตูน เด็กหญิงอายุ 6 ปี บริเวณป่าใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแบริ่งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา จำเลยมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่วันนี้ตาและมารดาของเด็กหญิงที่เสียชีวิต ก็ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ซึ่งมารดา ระบุว่า ยังติดใจกับโทษที่จำเลยได้รับเพียงแค่จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากจำเลยเคยกระทำผิดและถูกจำคุกมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่จำเลยก็ยังก่อเหตุคดีน้องการ์ตูนซึ่งศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตและลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต แล้วจำเลยก็ยังได้ทำผิดคดีนี้อีกดังนั้นน่าจะมีการลงโทษให้หนักขึ้นถึงประหารชีวิต เพราะหากภายหลังจำเลยถูกจำคุกระยะหนึ่งแล้ว ได้รับการลดโทษแล้วปล่อยตัวออกมา ก็กังวลว่าอาจจะมาก่อเหตุซ้ำอีกแล้วใครจะรับผิดชอบ ส่วนการเยียวยาที่ผ่านมาก็ได้รับเงินจากกรมคุ้มครองสิทธิ 100,000 บาท ขณะที่หลังเกิดเหตุจำเลยก็ไม่เคยมาขอโทษเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายติ๊งต่าง ยังเหลือคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาอีก 1 สำนวน คือคดีหมายเลขดำ อ.514/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องในความผิดลักษณะเดียวกัน กรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ย.56 จำเลย ได้พรากน้องแม็ก เด็กชายอายุ 7 ปี ไปจากผู้ปกครอง และได้กระทำชำเราเด็กชายผ่านทางทวารหนักแล้วบีบคอจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณวัดศรีอุดมวงษ์ อ.วังสะพุง จ.เลย ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.