สั่งสอบวินัยร้ายแรง 'อดีตหน.พงส.' คดีสหกรณ์คลองจั่น

สั่งสอบวินัยร้ายแรง 'อดีตหน.พงส.' คดีสหกรณ์คลองจั่น

"อธิบดีดีเอสไอ" สั่งตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรง "อดีตหัวหน้า พงส." คดีสหกรณ์คลองจั่น จ่อเสนอ อ.ก.พ. ลงโทษฐานสอบสวนคดีโดยมิชอบ

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาระบุว่ามีการตรวจสอบความผิดกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด 2 ราย ว่า ในส่วนดีเอสไอยอมรับว่าได้ตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง กับอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีสหกรณ์คลองจั่นฯ โดยพบว่า มีพฤติกรรมทำการสอบสวนโดยมิชอบ เป็นการสอบสวนโดยลำพัง ไม่มีพนักงานอัยการร่วมสอบสวนตามระเบียบที่ถูกต้อง

ขณะนี้การสอบสวนแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างรอเสนอเข้าประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาลงโทษให้ออกหรือปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ขณะที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวได้ยื่นขอลาออกจากราชการไปแล้ว ตนได้อนุมัติใบลาออกเนื่องจากไม่มีเหตุผลคัดค้านการลาออก แต่การลาออกไม่มีผลเกี่ยวข้องกับการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง เพราะท้ายสุดหากอ.ก.พ.มีมติลงโทษก็จะเปลี่ยนคำสั่งจากลาออกเป็นให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ

ส่วนข้าราชการอีกรายอาจเป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการถอดอายัดที่ดินในคดีดังกล่าว ทำให้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ นำที่ดินไปขายและยักยอกเงินจากการขายที่ดินไป

ส่วนกรณีที่กลุ่มสมาชิกสหกรณ์ฯจะเข้าทวงถามความคืบหน้าการสอบสวนคดีดังกล่าว ในวันพรุ่งนี้(22 มิ.ย.) อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตนคาดว่าเป็นการขอเร่งรัดการสอบสวนในส่วนผู้รับเช็คอื่น เช่น นายสถาพร ศิริวัฒนานุกูล นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ และนายจิรเดช วรเพียรกุล ซึ่งดีเอสไอมั่นใจว่าจะพยายามสรุปสำนวนคดีฟอกเงินทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. เพื่อเร่งรัดการติดตามเงินมาจ่ายคืน และเยียวยาความเสียหายให้สมาชิกสหกรณ์

ทั้งนี้ ตนขอให้ศิษย์ที่สนับสนุนวัดพระธรรมกายมองในมุมของสมาชิกสหกรณ์ที่เดือดร้อน อย่างน้อยควรรับรู้ว่าคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายที่รอการเยียวยา อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.) จะมีการประชุมร่วมกับแพทยสภาเพื่อหารือข้อกฎหมายว่าหากในอนาคตมีปัญหาการออกใบรับรองแพทย์โดยมิชอบจะสามารถดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความรวดเร็วอย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบกับการสอบสวน