ตามรอย 'ในหลวงรัชกาลที่9' เสด็จฯบ้านเชียง

ตามรอย 'ในหลวงรัชกาลที่9' เสด็จฯบ้านเชียง

พระราชกรณียกิจ..ตามรอยพ่อหลวง "รัชกาลที่9" เสด็จบ้านเชียง รับสั่งให้คนบ้านเชียงอนุรักษ์โบราณวัตถุ จนได้เป็นมรดกโลก

ย้อนไปกว่า 44 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2515 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่9 ทรงเสด็จฯ มาที่บ้านเชียง ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ท่ามกลางพสกนิกรชาวบ้านเชียงและชาวจังหวัดอุดรธานี ที่มาคอยรับเสด็จจำนวนมาก โดยทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จทอดพระเนตรหลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน และอีกหลายแห่ง

การเสด็จฯครั้งนั้น พระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินมาดูหลุมขุดค้นที่บ้านของนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ ที่ยกที่ดินให้ทางกรมศิลปากร เข้ามาขุดหาโบราณวัตถุ ซึ่งหลังจากนั้นทั้ง 2 พระองค์ ได้เสด็จขึ้นไปยังบ้านไม้ไทยพวนโบราณของนายพจน์ ที่ไม่มีในหมายกำหนดการ ซึ่งทั้ง 2 พระองค์ได้ขึ้นไปพักผ่อนปรับพระอริยาบทที่บนบ้านหลังดังกล่าว ท่ามกลางความปลาบปลื้มของผู้เป็นเจ้าของบ้าน จนทำให้ทุกวันนี้บ้านไม้ไทยพวน ที่ทั้ง 2 พระองค์เสด็จประทับ เป็นอนุสรณ์แห่งความปลาบปลื้ม อนุรักษ์บ้านไม้ไทยพวนหลังนี้ไว้

นางอังคณา บุญพงษ์ อดีตข้าราชการครู บุตรสาวของนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ เจ้าของบ้าน ได้พาชมบ้านไทยพวน ที่ขณะนี้ได้ยกให้ทางกรมศิลปากรเป็นผู้ดูแล พร้อมนำภาพถ่ายที่ทั้ง 2 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมา และเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาประทับยังบ้านไทยพวน

นางอังคณา เล่าว่า เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาประทับยังบ้านไทยพวน วันที่ 20 มีนาคม 2515 ท่านเสด็จมาทอดพระเนตรหลุมขุดค้นที่กรมศิลปากรมาขุดที่บ้านไทยพวนหลังนี้ ช่วงนั้นมาท่านเสด็จมาถึง พระองค์ท่านก็เสด็จขึ้นไปบนบ้านทันที เพราะท่านทอดพระเนตรหลุมที่วัดโพธิ์ศรีในมาแล้ว ตอนนั้นท่านตรัสกับพ่อพจน์ ว่า บ้านหลังนี้ควรจะอนุรักษ์ไว้นะ ทันใดนั้นพ่อพจน์ ก็เลยถวายบ้านหลังนี้ให้กับพระองค์ท่าน แล้วท่านก็ทรงให้ทางกรมศิลปากรดูแลเก็บรักษาไว้มาจนถึงทุกวันนี้

“วันนั้นเป็นครูที่โรงเรียนประชาเชียงเชิด จึงไปรอรับเสด็จพระองค์ท่านอยู่ที่โรงเรียน ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ซึ่งหลังจากนั้นทางกรมศิลปากรได้เล่าให้ฟังว่า วันนั้นแม่ก็อยู่ที่บ้าน ซึ่งคุณแม่ท่านปลื้มใจมาก เพราะท่านเสด็จขึ้นบ้านหลังนี้ ที่ใต้ถุนบ้านมาประชาชนมารอรับเสด็จเต็มไปหมด ซึ่งพระองค์ท่านได้ขอกับคุณแม่ขึ้นบนบ้าน คุณแม่ตามเสด็จไปบอกให้พระองค์ท่านขึ้นก่อน แต่พระองค์ท่านบอกว่า เจ้าของบ้านขึ้นไปก่อนสิ คุณแม่เลยขึ้นบ้านไปก่อน เมื่อท่านเสด็จขึ้นไปบนบ้าน ท่านก็เดินดูบนบ้านรอบ ๆ ที่มีรูปถ่ายของญาติ ๆ ติดอยู่ ท่านก็ถามคุณแม่ว่า รูปที่ติดอยู่เป็นรูปลูกของคุณแม่หรือ คุณแม่ก็ตอบว่าไม่ใช่ เป็นรูปของอาจารย์ และชี้ให้พระองค์ดูรูปของลูกสาวคือตนเองว่าเป็นคนนี้ ซึ่งในบ้านอีกหลังที่ติดกันก็มีรูปของพระองค์ท่านติดอยู่ด้วย”

อาจารย์อังคณา เล่าว่า พระองค์ท่านเสด็จขึ้นไปบนบ้าน ทางครอบครัวเราก็ไม่ได้จัดเตรียมบ้านไว้ เพราะไม่คิดว่าพระองค์ท่านจะเสด็จขึ้นไป ตอนนั้นไฟฟ้าเพิ่งเข้ามาที่บ้านเชียงได้ประมาณ 2 สัปดาห์ บังเอิญมีพัดลมอยู่บนบ้าน คุณแม่เลยเปิดพัดลมให้พระองค์ท่าน ท่านทรงอยู่บนบ้านนานประมาณ 50 นาที จึงเสด็จจากบ้านไปตามหมายกำหนดการ ซึ่งความจริงเรารู้หมายกำหนดการที่พระองค์ท่านจะเสด็จมาบ้านเชียงก่อนหน้าไม่นานนัก ก็ไม่คิดว่าท่านจะเสด็จขึ้นบนบ้าน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของครอบครัวของเราอย่างมาก หลังจากท่านเสด็จกลับไปแล้ว ทางครอบครัวก็ปรับปรุงบ้าน เพราะว่าเป็นบ้านไม้ปลวกขึ้นมากินบ้านเกือบหมดทั้งหลัง จึงรื้อออกปรับปรุงแต่ให้เป็นแบบเดิม เมื่อทราบข่าวในหลวงท่านเสด็จสวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก แต่ก็สวดมนต์ให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัยทุกคืน

“ ก่อนที่ในหลวงท่านจะเสด็จมาที่บ้านเชียง คนบ้านเชียงยังไม่รู้คุณค่าของโบราณวัตถุ พวกหม้อ ไห ต่างๆ ที่มีการขุดเอาไปขายกัน ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหน แต่พอในหลวงท่านเสด็จมาที่บ้านเชียงแล้ว ท่านตรัสว่า ต่อไปนี้คนบ้านเชียงควรจะดูแลสมบัติโบราณวัตถุเหล่านี้ไว้ อย่าให้มีใครเข้ามาขโมย เข้ามาลัดลอบขุดเอาไป ให้คนบ้านเชียงดูแลรักษาโบราณวัตถุสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ไว้ จนทำให้มีการประกาศห้ามขุดโบราณวัตถุ และท่านก็ทรงรับสั่งให้ทางกรมศิลปากรเข้ากับชาวบ้านให้ได้”

นางอังคณา กล่าวว่า หลังจากนั้นทำให้วิถีของคนบ้านเชียงเปลี่ยนไป เมื่อก่อนคิดที่จะซื้อขายโบราณวัตถุเหล่านี้เท่านั้น แต่พอในหลวงท่านเสด็จกลับไปแล้ว แนวคิดของชาวบ้านก็เปลี่ยนไป กลายเป็นการอนุรักษ์หวงแหนสมบัติล้ำค่าไว้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับว่าสำคัญมาก จากขุดขายกลายมาเป็นการอนุรักษ์ จนทำให้บ้านเชียงได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกถึงปัจจุบัน