เจ้าของโรงแรมเตรียมทุบสระว่ายน้ำรุกทะเล เล็งปิดกิจการ

เจ้าของโรงแรมเตรียมทุบสระว่ายน้ำรุกทะเล เล็งปิดกิจการ

เจ้าของโรงแรมโกลเด้นคลิปเฮาส์เตรียมทุบสระว่ายน้ำรุกทะเล ยันเคยขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมแล้วแต่ไม่สามารถทำได้ เล็งปิดกิจการ

จากกรณีที่มีประชาชนได้ร้องเรียนว่า สระว่ายน้ำของโรงแรมโกลเด้นคลิปเฮาส์ บริเวณเขาพระตำหนัก เลขที่ 352/55 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สร้างลุกล้ำเข้าไปในเขตทะเล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเมืองพัทยา ได้ตรวจสอบพบว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และรวบรวมหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษไปยัง สภ.เมืองพัทยา พร้อมสนธิกำลังหน่วยงานผู้เกี่ยวของลงพื้นที่ตรวจสอบ และควบคุมตัว นายวรรธนันท์ ยิ้มละม้าย อายุ 64 ปี เจ้าของโรงแรม ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา ประกอบธุรกิจโรงแรมโดยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนโรงแรม โดย นายวรรธนันท์ ยิ้มละม้าย ได้ยื่นหลักทรัพย์ 40,000 บาท เพื่อขอประกันตัวชั่วคราว

จากนั้นนายชนัฐพงศ์ ศรีวิเศษ ปลัดเมืองพัทยา ปฏิบัติหน้าที่นายกเมืองพัทยา พร้อมคณะเจ้าหน้าที่เมืองพัทยา ทหาร และฝ่ายปกครองได้เดินทางไปยัง โรงแรมโกลเด้นคลิปเฮาส์ เพื่อติดประกาศคำสั่งจากจากเมืองพัทยา โดยมีคำสั่งให้ให้ ระงับการใช้อาคารหรือปิดกิจการชั่วคราวจนกว่าจะได้ใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น เนื่องทางโรงแรมได้ขออนุญาตใช้เป็นอาคาร ที่พักอาศัยรวม แต่กลับใช้เป็น กิจการประเภทโรงแรม ส่วนสระว่ายน้ำที่ก่อสร้างลุกล้ำลำน้ำและที่สาธารณะ ให้รื้อถอนภายใน 15 วัน นับจากปิดประกาศ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงแรมโกลเด้นคลิปเฮาส์ พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไร้ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวและแขกที่มาเข้าพัก มีเพียงพนักงานกำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้ เนื่องจากโรงแรมได้ปิดกิจการลงชั่วคราวตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ส่วนบริเวณสระว่ายน้ำเจ้าปัญหาที่สร้างลุกล้ำเขตทะเล พบว่ามีพนักงานจำนวนหนึ่งกำลังใช้ค้อนขนาดใหญ่ค่อยๆ ทุบทำลายขอบสระบางส่วนเท่าที่สามารถทำได้ พร้อมใช้เครื่องสูบน้ำออกจากสระน้ำในขณะเดียวกัน

โดยนายวรรธนันท์ ยิ้มละม้าย ในฐานะตัวแทนโรงแรม เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อก่อนสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านพัก ก่อนเจ้าของเดิมจะสร้างอพาร์ทเม้นขึ้นมาประมาณปี 2538 หรือ 2539 พร้อมกับสระว่ายน้ำ จนมาปี 2550 เริ่มมาประกอบเป็นธุรกิจ ซึ่งทางผู้บริหารเก่าอาจจะยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจประเภทอื่น ซึ่งไม่ใช่โรงแรม ส่วนตนนั้นได้เริ่มเข้ามาดูแลประมาณปี 2551 โดยไม่ทราบว่าสระว่ายน้ำดังกล่าวสร้างรุกล้ำ และได้สานต่อธุรกิจแบบเต็มตัวในปี 2558 ส่วนห้องเช่ายังเป็นการให้บริการแบบรายเดือน และได้พยายามยื่นขอประกอบธุรกิจประเภทโรงแรม โดยทางฝ่ายบัญชีและการเงินเป็นฝ่ายดำเนินการเดินเรื่อง แต่ไม่สามารถดำเนินการขออนุญาตประกอบธุรกิจประเภทโรงแรมได้โดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นจึงหยุดระงับเรื่องดังกล่าว จนปัจจุบันทางโรงแรมถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายวรรธนันท์ กล่าวอีกว่า ตนยอมรับสภาพทุกอย่าง ทั้งเรื่องการทุบสระว่ายน้ำ และเรื่องการห้ามใช้อาคารของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ของเมืองพัทยา โดยผู้รับเหมาที่ว่าจ้างจะดำเนินการนำเครื่องจักรมารื้อถอนสระว่ายน้ำในวันพฤหัสนี้ (24 พ.ย.) ค่าใช้จ่ายประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนการรื้อสระว่ายน้ำจะได้สภาพเดิมนั้นหรือไม่ ก็ต้องดูทางเมืองพัทยาจะให้รื้อขนาดไหน ส่วนการบริการห้องพักได้หยุดแล้วคืนเงินให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป โดยมีการสั่งจองห้องพักล่วงหน้าถึงเดินเมษายนปี 2560 ซึ่งได้สั่งยกเลิกและคืนเงินให้กับลุกค้าที่ได้โอนเงินมาจองที่พักแล้วทั้งหมด นับมูลค่าเสียหายหลายล้านบาท

ส่วนพนักงานจะทำงานวันสุดท้ายวันที่ 25 พ.ย. และทางโรงแรมจะจ่ายค่าชดเชยตามระเบียบตามกฎหมายให้กับพนักงานทุกคนซึ่งมีประมาณ 35 คน ส่วนการจะกลับมาเปิดให้บริการใหม่นั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะกลับมาเปิดให้บริการหรือปิดกิจการไปเลย มันเป็นเรื่องของอนาคตนั้นเป็นเรื่องของเจ้าของที่ดินดังเดิม ส่วนตนคงไม่ดำเนินธุรกิจต่อคงคืนให้เจ้าของเดิมต่อไป