'ลุงตู่' ไม่ปลื้ม!
การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น “นโยบายพรรค” ถือเป็นหมากตัวสำคัญในการสู้ศึกเพื่อช่วงชิง “350ที่นั่งส.ส.” ในสภาผู้แทนราษฎร
โดยเฉพาะในส่วนของ “พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)” ที่เป็นหนึ่งในหลายที่ถูกจับจ้องเป็นพิเศษไปที่นโยบาย พ่วงด้วยการเสนอชื่อ “บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้รอเพียงแค่สัญญาณตอบรับจาก “บิ๊กตู่” เท่านั้น
ทว่าประเด็นที่ถือเป็นปมร้อน และเรียกเสียงฮือฮาตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาหนี้ไม่พ้น นโยบายเปลี่ยนเอกสารสิทธิที่ดินส.ป.ก.30 ล้านไร่ เป็น “โฉนดทองคำ” เพื่อเปิดช่องให้เปลี่ยนมือเจ้าของกรรมสิทธิ์และสามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์กู้เงินจากสถาบันการเงินได้
แม้แกนนำพรรคคนสำคัญที่เสนอในเรื่องนี้อย่าง “สุชาติ ตันเจริญ” หรือ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน จะออกมาปฏิเสธว่าประเด็นดังกล่าว “ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้นายทุน หรือหวังผลเพื่อการหาเสียง แต่ต้องการช่วยประชาชนเรื่องความเหลื่อมล้ำ”
แต่ทว่า ความเห็นจากสังคม รวมถึงพรรคการเมืองกลับ “พุ่งเป้า” ไปที่ประเด็นดังกล่าวด้วยคำถามต่างๆนานา
โดยเฉพาะพรรคคู่แข่งอย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ถึงขั้นออกมาเตือนความจำ “สุชาติ” ในสมัยร่วมกับ “กลุ่ม16” อภิปรายไม่ไว้วางใจ นโยบาย “โฉนดสีฟ้า” ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี2538 ว่า “เป็นการนำที่ดิน สปก.4-01 ไปแจกคนรวย” ก่อนที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะประกาศยุบสภาใน วันที่19 พ.ค. 2538
ทันทีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นดังกล่าว คนที่ดูเหมือนว่าจะไม่ปลื้มกับเรื่องนี้เอาเสียเลย หนี้ไม่พ้น “นายกฯลุงตู่” ที่ออกมาพูดในลัษณะเตือนไปยังพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายว่า “การหาเสียงไม่ใช่การขายฝัน” รวมทั้งพูดถึงเรื่องที่ดินสปก.ว่า “ต้องสงวนไว้ให้ลูกหลานถ้าถูกขายไปหมดลูกหลานจะทำอย่างไร ที่ดังนั้นจึงต้องสร้างหลักคิดที่ถูกต้อง”
สอดคล้องกับความเห็นจากแกนนำพรรค อาทิ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ที่ออกมายอมรับว่า “นายกฯลุงตู่” ออกอาการไม่ปลื้มจริง ซึ่งทางพรรคก็จะกลับไปทบทวน เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับประชาชน พร้อมฟังเสียงทุกฝ่าย และจะไม่ดื้อดึง หากจำเป็นที่จะต้องปรับให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนก็จะดำเนินการทันที
ดูเหมือนว่า ประเด็นนี้อาจไปไม่ถึงฝัน เพราะล่าสุดมีข่าวมาว่า นายกฯสั่ง “เข้าเกียร์อาร์” โดยให้รองนายกฯ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ไประงับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ในการนำที่ดินส.ป.ก.ไปหาเสียง พร้อมย้ำในการประชุมครม.ว่า “กฎหมายไม่เปิดช่องให้แก้กรรมสิทธิ์ ในที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ยกเว้นโอนให้ทายาท”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การชูนโยบายดังกล่าวออกไปทำให้เกิด “กระแสตีกลับ” รวมทั้งพุ่งเป้าไปที่ตัว “สุชาติ” ซึ่งเคยออกมาคัดค้านในเรื่องนี้อย่างเต็มๆ
ขณะเดียวกระแสที่ถูกตีกลับยังมีผลไปถึงรัฐบาล คสช.และพรรคพลังประชารัฐ อยู่มิใช่น้อย ดังนั้นหากยังยืนยันที่จะชูเรื่องนี้เป็น “จุดขายพรรค” ก็อาจจะส่งผลต่อ “คะแนนความนิยม” ของรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ “ลุงตู่” ออกอาการไม่ปลื้มจนสั่งถอยในท้ายที่สุด!!