'ร.อ.ทรงกลด' แจ้งความจับตัวเอง ซัดทอด 'ธนาธร' ปมโพสต์เฟซบุ๊ค
"ผู้กองปูเค็ม" ร.อ.ทรงกลด แจ้งความจับตัวเอง ซัดทอด "ธนาธร" ปมชักจูงโพสต์เฟซบุ๊ก ทำผิดกม.เลือกตั้ง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สภ.เมืองพิษณุโลก ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล อายุ 53 ปี หรือผู้กองปูเค็ม ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.คนึง พรมใจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ในข้อหากระทำผิดเกี่ยวกับการละเมิดพรป.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ข้อหายุยงปลุกปั่นประชาชนให้ละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง
ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 19.25 น. ของวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา ตนเองได้แชร์โพสต์ของเฟซบุ๊กนายธนาธร ทำให้หลงผิดละเมิดพรป.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 70 การหาเสียงเลือกตั้งจะกระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด แต่ห้ามมิให้ผู้ใดหาเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดนับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง และ มาตรา 79 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการใด ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง นับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง ซึ่งนายธนาธรทำให้ตนเองหลงเชื่อว่าสามารถทำได้จึงได้โพสต์ถามเชิงตำหนินายธนาธรแต่เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ยังมีชาวโซเชียลมีเดียเข้าไปแสดงความคิดเห็นอีกเป็นจำนวนมาก ตนเห็นว่าเข้าข่ายความผิดกฎหมายเลือกตั้งจึงสำนึกผิดตัดสินใจขอแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับตนเองและนายธนาธรด้วย เพราะเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น อีกทั้งยังได้ยุยงปลุกปั่นประชาชนให้หลงผิด และจะไม่ขอประกันตัวแต่อย่างใดหากมีความผิดจึงก็จะยินยอมติดคุกทันที
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม ระหว่างที่เดินทางมายังสถานีตำรวจได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของตนเองอยู่ตลอดเวลา ยืนยันว่าจะมามอบตัวว่าตนเองทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหลังเวลา 18.00 น. ของวันที่ 23 มี.ค. ซึ่งตนเองตกเป็นเหยื่อแล้วทำผิดก็ต้องมารับโทษตามหน้าที่ของพลเมืองดี พร้อมกับจะแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับนายธนาธรด้วย โดยทางตำรวจได้รับแจ้งความเอาไว้แล้วจะพิจารณาว่าเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป