เปิดสูตรรัฐบาล '7ส.ส.ต่อ1รมต.'
ขั้วพลังประชารัฐ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ใช้สูตร 7 ส.ส.แลก 1 เก้าอี้รัฐมนตรี พปชร.ยังยึดโควตากระทรวงเกรดเอ ปชป.วางตัว “กนก วงษ์ตระหง่าน” นั่งเก้าอี้รมว.แรงงาน ภท.แฮปปี้สลับกระทรวง ยึดกษ.มาคุมเอง “อนุทิน” แถลงท่าที ขั้วเพื่อไทยลั่นยังไม่ยอมยกธงขาว
รายงานข่าวจากพรรคร่วมรัฐบาล ขั้วพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า การจัดสรรโควตารัฐมนตรีให้กับพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้สูตร จำนวน ส.ส. 7 เสียง ต่อตำแหน่งรัฐมนตรี 1 คน ซึ่งทำให้พรรคพปชร. ที่มี ส.ส. 115 เสียง จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างน้อย 16 คน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มี ส.ส. 52 เสียง จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 7 ที่นั่ง เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่มี ส.ส. 51 เสียง จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 7 ที่นั่ง
ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา ที่มี ส.ส. 10 เสียง จะได้รัฐมนตรี 2 ที่นั่ง แต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกรดซี ส่วนพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ที่มี ส.ส. 3 เสียง จะรวมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มี ส.ส. 5 เสียง จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 1 ที่นั่ง โดยต่อรองขอตำแหน่งรมว.พลังงาน แต่แกนนำพปชร.ไม่ยอม เนื่องจากวางตัวนายณัฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพปชร. ให้ดำรงตำแหน่งรมว.พลังงานเอาไว้แล้ว ทำให้พรรคชพน.และรปช. ได้โควตารมว.อุตสาหกรรมไปแทน
โดยโควตาตำแหน่งรัฐมนตรี แบ่งได้ดังนี้ โควตาพล.อ.ประยุทธ์ มีเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกระแสข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์จะนั่งควบเอง แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ยังไว้วางใจให้พล.อ.ประวิตร ดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมต่ออีก
อย่างไรก็ตามในตำแหน่งรมช.กลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล มีโอกาสดำรงตำแหน่งเดิม เช่นเดียวกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังคงดำรงตำแหน่งเดิมเช่นกัน
ส่วนโควตารัฐมนตรีในส่วนของพรรคพปชร. ประกอบด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล มีโอกาสนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่รมว.คลัง มีตัวเต็งหลายคนแต่คนในพรรคพปชร.ต้องการสนับสนุนนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ดำรงตำแหน่งรมว.คลัง และพรรคพปชร.ยังมีโควตารมช.คลังอีกด้วย ส่วนรมว.คมนาคม พปชร.ยึดไว้เป็นโควตาของพรรค แม้ทั้งพรรคปชป.และพรรคภท.จะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษก็ตาม
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ ยังอยู่ในโควตาของพปชร. โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เป็นตัวเต็ง กระทรวงศึกษาธิการ แม้พรรคปชป.ยังยื่นข้อเสนอขอมา แต่พล.อ.ประยุทธ์ต้องการใช้ขับเคลื่อนงานในหลายด้าน จึงอยากให้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพปชร. ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นโควตาของพปชร. โดยคาดหมายให้นายอิทธิพล คุณปลื้ม ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี อยู่ในบังคับบัญชารมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ขึ้นเป็นรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถูกยึดให้เป็นโควตาของพรรคพปชร.
ปชป.วาง “กนก” นั่งรมว.แรงงาน
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคปชป. ล่าสุดแกนนำพรรคปชป.ได้เข้าหารือการกับแกนนำพรรคพปชร. เพื่อจัดสรรโควตารัฐมนตรีแล้ว โดยปชป.ยื่นข้อเสนอขอเก้าอี้กระทรวงเกรดเอเกือบทั้งหมด อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่แกนนำพปชร.ได้ตัดข้อเสนอทิ้งทีละกระทรวง โดยให้เหตุผลว่าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้กระทรวงเกรดเออยู่ในโควตาของพปชร. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้มีความต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แกนนำปชป. ต่อรองขอเก้าอี้ที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของพรรค โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน ที่วางนายกนก วงษ์ตระหง่าน ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ส่วนโควตารัฐมนตรีกระทรวงอื่น ประกอบด้วย รมว.ยุติธรรม รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รมช.มหาดไทย รมช.คลัง รมช.ศึกษาธิการ
ภท.ลงตัวคั่วรมช.คมนาคม-รมว.เกษตรฯ
ขณะที่พรรคภท.ค่อนข้างลงตัวแล้ว หลังต่อรองเก้าอี้รมว.คมนาคมกับพปชร.มากพักใหญ่ ล่าสุดพรรคภท.ยอมถอยขอแค่เก้าอี้รมช.คมนาคมแทน โดยขอดูบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และขอเก้าอี้รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งแต่เดิมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร เป็นตัวเต็ง แต่ก็ต้องยอมหลบให้พรรคภท.แทน
นอกจากนี้พรรคภท.ยังได้เก้าอี้ รมว.สาธารณสุข ที่จะให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อสานต่อนโยบายกัญชา รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะให้พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ นั่งเก้าอี้ดังกล่าว และยังมีโควตาเก้าอี้รมช.มหาดไทย รมช.คมนาคม และรมช.พาณิชย์
ลุ้น “อนุทิน” แถลงจุดยืนวันนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคภท. ก่อนที่จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 24 พ.ค.นี้ และจะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อเลือกประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรตามกระบวนการในวันที่ 25 พ.ค.นั้น พรรคภูมิใจไทยได้จัดการประชุมสัมมนา ส.ส. 51 คน ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค.นี้ ที่โรงแรมโมเดน่า บาย เฟร์เซอร์ จ.บุรีรัมย์ โดยในวันที่ 20 พ.ค. จะมีการปฐมนิเทศ ส.ส.ของพรรค ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานติวเข้มด้วยตนเอง ซึ่งคาดว่าจะมีการกำหนดท่าทีจุดยืนและทิศทางของพรรคว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด
ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะเป็นผู้บรรยายเรื่องบทบาทการทำหน้าที่ส.ส. นอกจากนี้ยังมีการเชิญวิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาให้ความรู้เรื่องการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมทั้งมีการประชุมเตรียมการตั้งคณะทำงานของกิจการส.ส.ด้วย
ชทพ.ถกท่าทีร่วมรบ. 23 พ.ค.
นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงถึงความคืบหน้าการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลว่า มีการติดต่อมาทั้ง 2 ข้าง แต่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นกิจลักษณะว่าตกลงกัน แค่เป็นการชักชวนเบื้องต้นจากทั้งสองข้าง และก็เชื่อว่าทางพรรคปชป.และภท. ก็โดนทั้งสองข้างเทียบเชิญแน่นอน ทั้งนี้ชทพ.จะต้องมีการประชุมเพื่อหารือว่าพรรคจะไปในทิศทางใด ซึ่งอาจจะเป็นวันที่ 23 พ.ค.นี้
ปช.โวยล็อก 4 กระทรวงขัดรธน.
นายสุพจน์ อาวาส รองโฆษกพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจที่พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาประกาศต่อสื่อมวลชนว่าพรรคพปชร. ต้องดูแล 4 กระทรวงหลัก เพราะการกระทำข้างต้นขัดกับมาตรา 92 (3) และ มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรม (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่ระบุว่าห้ามไม่ให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการอันใดทำให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ
พท.มั่นใจฝ่ายประชาธิปไตยยังปึ๊ก
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า วันนี้กลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ยังไม่ได้หยุด ยังไม่จบการเดินทาง ทุกพรรคการเมืองยังมุ่งมั่นและเดินหน้าประสานแลกเปลี่ยน เราเห็นทางเลือกพร้อมความหวังในทุกการพูดคุยตลอดเวลา ตนยืนยันว่าการทำงานร่วมกันยังคืบหน้าไปในทิศทางที่ดีแม้ฝ่าย กลุ่มผู้มีอำนาจเดิมจะพยายามออกมาพูดว่า ทุกเรื่องคืบหน้าและจัดการเรียบร้อยแล้ว การบอกว่ากำลังจะเป็นรัฐบาลเพียงเพื่อหวังการโฆษณาชวนเชื่อ