'พุทธะอิสระ' หวั่นจับผิดเรือนจำ กระทบคนคุก

'พุทธะอิสระ' หวั่นจับผิดเรือนจำ กระทบคนคุก

"พุทธะอิสระ" วอนสังคมอย่ามองเรือนจำด้วยสายตาจับผิด หวั่นกระทบความเป็นอยู่นักโทษ ย้ำชีวิตในคุกลำบาก


เมื่อวันที่ 13 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธะอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุถึงการเปิดแดนคุมขังในเรือนจำท้าพิสูจน์ไม่มีคุกวีไอพี ว่า มีคนนำเอาการเลี้ยงอาหารในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเป็นข่าวแล้วขยายผล จนกลายเป็นการจับผิด ซึ่งอาจเกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่อยู่ในคุก ในฐานะที่เป็นผู้มีประสบการณ์ตรง ใช้ชีวิตอยู่ในคุกมาก่อน แม้จะไม่นานแต่ก็รับรู้ได้ถึงความยากลำบาก แล้งแค้น เดือดร้อน ที่ผู้ต้องขังและผู้คุมได้รับ ในมุมมองของผู้ที่ไม่เคยต้องโทษ อาจจะมองว่า คนที่อยู่ในคุกไม่ควรจะต้องมีความสุขสบาย เหมือนกับคนปกติทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน

“พุทธะอิสระอยากสะท้อนภาพเล็กที่เห็นมากับตาตัวเอง ขณะเข้าไปอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ว่า คำพูดที่บอกว่าชีวิตคนติดคุกกินได้ทุกอย่างแม้กระทั่งขยะน่าจะจริง เพราะนักโทษชั้นดีได้นำเอาเศษขยะประเภทพืชผักเหลือทิ้งจากโรงครัว มาแจกจ่ายให้บรรดาผู้ต้องขัง พวกเขานขยะที่ควรนำไปทำปุ๋ยมาเป็นอาหาร ทำได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นผักจิ้มน้ำพริกที่สั่งซื้อจากร้านค้าเรือนจำ หรือใส่กับเส้นหมี่สำเร็จรูปกับปลากระป๋อง หรือนำมาจิ้มกับน้ำปลาพริกป่นกินกับข้าวเปล่า”นายสุวิทย์ระบุ

นายสุวิทย์ ระบุอีกว่า แม้เรือนจำจะมีอาหารจัดเลี้ยง แต่ลองหลับตานึกดูว่า อาหาร 3 มื้อต่อเงินอุดหนุนรัฐบาล 49 บาทต่อวัน ตกมื้อละ 17.50 บาท ซึ่งถ้าเอามาเทียบกับอาหารกลางวันเด็กที่รัฐบาลให้งบอุดหนุนมื้อละ 20 บาท เด็กยังต้องกินฟักต้มซี่โครงไก่ แล้วอาหารในคุก 3 มื้อต่อเงินอุดหนุนรัฐบาลจะมีอาหารอะไรให้กินมากมายนัก จึงอยากให้มองชีวิตของคนติดคุกด้วยหัวใจที่กว้าง และมีมนุษยธรรม การที่มีผู้ใจบุญนำอาหารที่พวกเขากินอยู่ปกติ เอาไปเลี้ยงผู้ติดคุกแค่มื้อเดียว แต่ก็มีคนนำมาเป็นประเด็น โวยวาย จนกลายเป็นผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในคุก

นายสุวิทย์ ระบุด้วยว่า พุทธะอิสระ ในฐานะที่มีประสบการณ์รับรู้ได้ว่า หากวันใด เดือนใด มีผู้ใจบุญนำเอาอาหาร ปรุงสำเร็จมาบริจาคให้แก่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในคุก พวกเขาเหล่านั้นจะแสดงความดีใจ ยินดี สีหน้าแววตามีความสุข เหมือนกับทุกครั้งที่พวกเขามีโอกาสได้เยี่ยมญาติ แต่ก็ไม่ใช่ผู้ต้องขังทุกคนจะมีญาติมาเยี่ยมเพราะหลายร้อยคน ก็ไม่เคยมีญาติมาเยี่ยมเลย จนกระทั่งบ่อยครั้งที่ผู้คุมต้องมาเยี่ยมผู้ต้องขังเสียเอง การที่มีข่าวจนเป็นเรื่องราวว่า มีผู้นำเอาอาหารไปเลี้ยงผู้ต้องขังในวันเกิด ปีหนึ่งแค่ครั้งเดียว แล้วก็มีอธิบดีมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว สิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในคุกก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวังเพิ่มขึ้นอีก เพราะผู้บริหารเรือนจำคงจะต้องสร้างมาตรการป้องกัน จนอาจส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังแบะผู้คุมด้วย

“พุทธะอิสระอยากจะวิงวอน ขอร้องคนใจบุญทั้งหลาย เวลาพวกเราเห็นข่าวสัตว์โดนทำร้าย สุนัขอดอยาก หรือโดนทอดทิ้ง พวกเราก็สงสาร แสดงน้ำใจช่วยเหลือ อุปถัมภ์ แต่ชีวิตคนที่อยู่ในคุก แม้จะต้องโทษต้องขังด้วยการกระทำผิด ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ด้อยค่า หากทุกคนในบ้านเมืองให้โอกาส ให้กำลังใจ แล้วช่วยกันเยียวยาหาวิธีแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดตรง พวกเขาเหล่านั้นจะกลับมามีชีวิตเพื่อเป็นพลังของแผ่นดินในอนาคตได้ หากพวกเราไม่ใจแคบเกินไป ควรจะให้โอกาส ให้กำลังใจแก่พวกเขาบ้าง ไม่ใช่มองด้วยการจับผิด” นายสุวิทย์ระบุ

นายสุวิทย์ ระบุด้วยว่า กลุ่มบุคคลที่น่าเห็นใจอีกกลุ่มก็คือ เจ้าหน้าที่ผู้คุมทั้งหลาย ที่ทำงานไม่ต่างจากการติดคุก วันๆ ไม่มีโอกาสจะติดต่อญาติขณะทำงาน เพราะเครื่องมือสื่อสารไม่สามารถพกพาเข้าไปที่ทำงานได้ อาหารการกินก็ไม่สามารถเลือกกินตามที่ตนเองต้องการ ขึ้นอยู่กับเรือนจำจัดให้ บางคนต้องเข้าเวรสัปดาห์ละ 3-4 วัน แทบไม่ได้เห็นหน้าลูกเมีย พวกเขามีชีวิตไม่ต่างจากคนติดคุกเหมือนกัน การที่โลกภายนอกมองเข้าไปในคุก ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะเอาแต่จับผิดโดยไม่คิดที่จะมองด้วยความเข้าใจ ผลสุดท้ายความซวยก็จะเกิดขึ้นกับคน 2 กลุ่ม คือ เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง